คอนโดเคนโซ่
เมื่ออุ้มเฟื่องนิมมานมาที่ห้องเคนโซ่ที่ทั้งรู้สึกโกรธและเสียหน้า เขาสับสนทั้งๆที่เขาและเธอนั้นจบความสัมพันธ์กันไปแล้วแต่ก็ยังว้าวุ่นใจ ไม่ชอบพฤติกรรมของเธอโดยเฉพาะคืนนี้ทั้งการแต่งตัวออกมาเที่ยวกลางคืน ท่วงท่าลีลาการเต้นที่ร้อนแรงและคลอเคลียผู้ชายในคลับ เธอไม่เหมือนคนเดิมที่เขานั้นรู้จัก
“อึก! อึก! แว๊ะ!..”
“เฮ้ย!…เฟื่องเธอจะมาอ้วกในห้องนอนไม่ได้นะเว้ย”
“ฮือ!…แว๊ะ!”
“เวรกรรมอะไรของกูวะเฟื่อง คอไม่แข็งแต่ดันดื่มขนาดนี้”
“อีนุ๊กอีแพมชนแก้ว…ฮ่าๆๆๆ”
“ชนบ้าชนบออะไรเสื้อฉันเลอะหมดแล้วอ้วกมาได้”
แม้จะบ่นและโกรธแต่เคนโซ่ก็อุ้มเฟื่องไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายพร้อมกับเขา และจัดการเก็บกวาดห้องจนสะอาดเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนที่เมาจนไม่มีสติเป็นชุดของเขาเอง เพราะความสูงและเสื้อยืดเขานั้นเทียบกับหุ่นบางของเฟื่องเธอใส่แค่เสื้อยืดก็เหมือนใส่ชุดนอนแล้ว
“นอนได้แล้วเหนื่อยกับเธอมาทั้งคืนเฟื่อง” หลังจากห่มผ้าให้ร่างบางที่นอนอยู่ข้างๆ คืนนี้เคนโซ่ใช้แรงมากในการแบกคนเมาและยังต้องมาเก็บกวาดทำความสะอาดห้อง เขาเองก็ดื่มมาไม่น้อยจึงกรึ่มๆและเริ่มง่วง
“โจเราไปดื่มต่อที่ห้องเฟื่องน๊า...เฟื่องยังไม่มาวว”
“เชี่ย!..ละเมอ?” ใบหน้าหล่อยื่นมาใกล้ๆฟังดูว่าเธอละเมอว่าอะไร พอได้ยินชื่อของชายคนอื่นที่เขาจำได้ว่าคือหนุ่มตี๋หน้าหล่อที่คลับจากที่อารมณ์ดีก็ของขึ้นทันที
“คิ! คิ! โจสนุกมากเลย” ใบหน้าสวยยิ้มหลับตาพริ้มนอนอยู่บนเตียงข้างกายเขาแล้วเพ้อถึงเพื่อนชายคนใหม่เธอคิดว่ากำลังดื่มอยู่ที่คลับ
“นอนกับผัวยังหน้าด้านละเมอเรียกชื่อผู้ชายคนอื่นเธอต้องโดนสั่งสอน ถ้าพรุ่งนี้ไม่คลานลงเตียงอย่ามาเรียกฉันว่าเคนโซ่”
จากนั้นร่างสูงที่อยู่ในอารมณ์ขุ่นมัวเพราะความหึงหวงจึงผลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างบางที่นอนอยู่ข้างกาย มือหนาลูบไล้ไปตามกรอบหน้าเรียวเล็กเท่าผ่ามือ ปากนิดจมูกหน่อยจิ้มลิ้มน่าจูบ มันทำให้เขาลุ่มหลงอย่างบอกไม่ถูกจึงก้มหน้าหล่อเหลาประกบปากบางจิ้มลิ้มนั้นบดจูบจนคนที่นอนหลับตาอยู่เผลอรับรสจูบละมุนนั้น
ลิ้นสากจึงสอดแทรกเข้าไปข้างในโพรงปากเล็กสำรวจดูดดุนน้ำลายหวานกลืนกินมันทุกหยด กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆมันเพิ่มอารมณ์และความกระสันให้กับคนทั้งคู่ มือหนาอีกข้างก็สอดเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวโคร่งบีบเค้นเต้าอวบอัดที่มียอดปทุมถันแข็งเป็นไตชูชัน
“อื้อ!..”
เสียงครางหวานออกมาจากปากคนที่นอนอยู่ใต้ร่าง เธอเริ่มมีอารมณ์เคลิ้มไปตามแรงปรารถนา นิ้วเรียวจึงลูบไล้ไปตามสะโพกมนไล่มาจนมาหยุดตรงจุดกึ่งกลางความสาว กลีบกุหลาบงามที่มันชื้นแฉะไปด้วยน้ำหวานเขาสัมผัสและสอดนิ้วร้ายเข้าไปจนสุดแล้วเริ่มขยับนิ้วชักเข้าออกกระแทกอยู่แบบนั้น ปากก็ดูดดุนที่ยอดปทุมถันดอมดมกลิ่นกายหอมที่เขานั้นเริ่มคุ้นเคยและจดจำมันได้
“อ่าส์!…พรุ่งนี้ตื่นมาเธอจะโวยวายขนาดไหนกันนะช่วยไม่ได้เธอทำตัวเองนะเฟื่อง”
“อ๊าส์!…ซี๊ดส์!..” ร่างบางบิดกายเธอเสียวสะท้านกับรสสัมผัสอันวาบหวาม เพราะความเมาเธอไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกใครบางคนรังแกอยู่
“พร้อมแล้วสินะ..หึ!..ลักหลับคนเมามันไม่ใช่นิสัยฉันแต่สำหรับเธอนี่มันน่าเอาชะมัด”
“สวบ~ ~ ซี๊ดส์!…ตอดดีขนาดนี้แน่นเหมือนเดิม” ใบหน้าหล่อเหลาเหยเกไปด้วยความสยิว คับแน่นจากร่องสวาทที่มันมีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่เป็นคนครอบครอง เคนโซ่คือผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่ได้เป็นเจ้าของเรือนร่างงามนี้
“อื้อ...โจ”
“บ้าที่สุด…เฟื่องลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้เธอต้องครางชื่อฉันสิไม่ใช่มัน”
“ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!”
“อ๊าส์! อ๊าส์!”
เอวสอบกระแทกกระทั้นดันท่อนเอ็นใหญ่ที่ตอนนี้มีทั้งความแค้น และความหึงหวงปะปนกันเขาไม่พอใจที่เธอไม่ยอมเรียกชื่อเขา และใช้ความรุนแรงป่าเถื่อนเพื่อระบายความโกรธปากหนาจึงดูดไปตามซอกคอและหน้าอกอวบ ผิวขาวเนียนละเอียดของเฟื่องนิมมานแดงไปทั้งตัวมีทั้งรอดดูดและรอยฟันของเขาเต็มตัวไปหมด
“ซี๊ดส์!…ยังจะเรียกชื่อมันอยู่ไหม..อ๊ะ!”
“อร๊าย!…เสียว”
ร่างบางที่ถูกกระแทกอย่างหนักหน่วงจึงกระเพื่อมไปตามแรงถาโถมที่ได้รับเคนโซ่ไม่อ่อนโยนหรือสงสารเธอเลยสักนิด เขาใช้ร่างกายเธอระบายความโกรธและในที่สุดเขาเองก็เกร็งตัวกระตุกปลดปล่อยน้ำกามสีขาวขุ่นเข้าไปในตัวของเธอทุกหยด ทั้งคู่เสร็จสมไปพร้อมกันร่างบางที่นอนอยู่ใต้ร่างนั้นก็ยังไม่มีสติ
ตอนสายของวันต่อมา
ร่างบางที่นอนเปลือยเปล่าในอ้อมอกแกร่งที่คุ้นเคยเธอลืมตาตื่นขึ้นมา หัวนั้นหนักอึ้งราวกับมีก้อนหินมาวางไว้ อีกทั้งยังเจ็บปวดร้าวรานไปทั่วร่างโดยเฉพาะจุดกึ่งกลางความสาวที่ผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก เมื่อมีสติและจำอ้อมกอดกลิ่นตัวของคนที่นอนกอดได้ ก็ต้องตกใจรีบดีดตัวออกมาเพราะเธออยู่ในห้องของเคนโซ่ สภาพเขาก็เปลือยท่อนบนไม่ต่างจากเธอ
“โซ่…เมื่อคืนนายทำอะไร?”
“อืม!”
“นี่ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะไอ้คนเลว”
“หยุดโวยวายสักทีฉันจะนอนเมื่อคืนฉันเอาเธอทั้งคืนเหนื่อย”
“ไอ้บ้า…ทำไมถึงทำแบบนี้”
“ปึก! ปึก!” มือบางคว้าหมอนหนุนมาทุบบนตัวของเขาแต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ มือหนาจึงจับหมอนใบนั้นออกแล้วมาปามันทิ้งลงบนพื้นด้วยความรำคาญ
“พูดกับผัวให้มันดีดีหน่อยเมื่อก่อนยังพูดกันคะขาอยู่เลย”
“ยี๊!…ไอ้โซ่แกไม่ใช่ผัวฉัน”
“หึ!..ไม่ใช่แล้วเธอนอนแก้ผ้าบนเตียงกับฉันนอนเอากันมาขนาดนี้จะไม่ใช่ได้ยังไง?”
“ชิ!..ฉันมีผัวใหม่แล้วนายอย่ามาหลงตัวเอง”
“เหรอ?…ผัวใหม่เธอมันเป็นใครกันล่ะมันอยากตายก็พามันมาสิ”
“นายนั่นแหล่ะที่ต้องตายโซ่”
“อย่ามาโกหกเมื่อคืนฉันรู้ดีว่าเธอไม่ได้ไปเอากับใครหรือว่าเธออยากจะให้ฉันพิสูจน์อีกทีเอามะ กำลังอยากอยู่พอดี”
“ทุเรศ…เลิกกันแล้วก็คือเลิกกันสิวะโซ่นายจะมาวอแวลากฉันมาเอาที่ห้องไม่ได้”
“ฉันยังไม่เบื่อเธอนี่เฟื่องเธอไม่ต้องคบฉันเป็นแฟนก็ได้นี่ แค่เรามีความสุขด้วยกันแบบนี้มันก็พอปะ?”
“ไอ้เชี่ย!..ฉันไม่ใช่คู่ขานายแบบยัยพิมพ์มาดาดาวคณะนั่นหรอกนะ”
“ตราบใดที่เธอยังเรียนอยู่ที่นี่เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกเฟื่องอย่าต่อต้านหรือประชดฉันเลย”
“ใครประชดนายฉันจะเป็นของฉันแบบไหนมันหนักหัวใคร?”
“ก็หนักหัวผัวอย่างฉันนี่แหล่ะ”
“ฉันเตือนนายแล้วนะว่าอย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับนายแล้วเรื่องที่แล้วมาฉันมันโง่เอง ฮือๆๆๆ” ร่างบางที่เจ็บปวดเธอจึงร้องไห้ออกมาเธอไม่อยากแม้แต่จะเห็นเงาของเขา แต่ตอนนี้กลับต้องมานอนและมีสัมพันธ์กับเขาที่ห้องอีก
“เฟื่อง…ฉันขอโทษ”
เคนโซ่ที่เห็นเธอร้องไห้ในใจเขาก็รู้สึกเจ็บแปลกๆ นี่เขาทำอะไรลงไปให้เธอต้องเสียใจอีก มือหนาจึงคว้าเอาร่างบางที่ร้องไห้สะอื้นเข้ามากอดหวังที่จะปลอบประโลม
“ฉันต้องทำยังไงเฟื่องเธอถึงจะหายโกรธ?”
“ถ้านายไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันนายก็อย่ามาทำแบบนี้กับฉันอีก”
“คือ……”
“อึก! โซ่ฉันเจ็บนายปล่อยฉันไปเถอะนะฉันสัญญาว่าจะไม่เข้าใกล้หรือให้นายเห็นหน้าอีก ขอแค่นายเลิกยุ่งกับฉันทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกัน”
“เธอเกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่!..ฉันเกลียดนาย”
เมื่อได้ฟังคำพูดที่มาจากเธอแขนแกร่งก็อ่อนแรงเขาปล่อยร่างบางในอ้อมกอดให้เป็นอิสระ ในใจนั้นรู้สึกเหมือนถูกเข็มพันพันเล่มทิ่มแทงเขาเลือกไม่ได้ระหว่างเฟื่องกับพิมพ์ คนหนึ่งก็รักอีกคนก็หวงกลัวเสียไปให้กับคนอื่นในใจเขาไม่อยากเสียใครไปทั้งนั้น
“เฟื่องฉันขออะไรเธอสักอย่างจะได้มั๊ย?”
“อะไร?”
“ถ้าฉันไม่ยุ่งกับเธอแล้วเธอจะไม่มีคนอื่นอีกได้ไหม?”
“ทำไมล่ะนายยังมีคนอื่นได้เลย”
“ฉันไม่รู้…เวลาที่ฉันเห็นเธออยู่กับคนอื่นฉันทนไม่ได้”
“มันเรื่องของนายรึเปล่าเคนโซ่…นายมันโคตรเห็นแก่ตัวที่สุด”
“ถือว่าฉันขอนะเฟื่อง”
“ไม่”