ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตอนนี้ฉันกำลังมายืนกางร่มให้กับผู้ชายที่ฉันไม่ชอบขี้หน้าอยู่กลางสนามกอล์ฟ
ในขณะที่คนอื่นๆ พากันหัวเราะสนุกสนาน มีแค่ฉันคนเดียวที่ยืนหน้าบึ้งเหมือนไก่ย่างถูกเผา
“ทำไมแคดดี้มึงหน้าบึ้งจังเลยวะไอ้ติณ เขาเต็มใจมาจริงปะเนี่ย ฮ่าๆ” พายุแซว
“สงสัยเพราะแดดร้อน” ติณตะโกนตอบกลับไป
แดดร้อนก็ส่วนหนึ่ง แต่เกลียดเขาน่ะส่วนใหญ่เลยจ่ะ
“นี่คุณ เลิกทำหน้าบึ้งแล้วมาดูแลผมดีๆ สักทีเถอะ ผมจ้างคุณมากางร่มให้ผมนะ ไม่ใช่กางให้แต่ตัวเอง” ติณหันมาพูดกับฉัน
“ฉันก็กางของฉันดีๆ คุณเขยิบออกไปเองทำไมล่ะ?”
“ผมต้องตีกอล์ฟนะ อยากให้ผมสวิงไปโดนหน้าคุณรึไงล่ะ?”
ฉันไม่เถียง แต่ยื่นแขนเพื่อเอาร่มไปบังแดดให้เขาแทน แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่พอใจ
“ซับเหงื่อให้ผมหน่อย เหงื่อจะเข้าตาผมอยู่แล้ว”
การซับเหงื่อให้ลูกค้าก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่งของแคดดี้ แต่ฉันจะไม่ทำให้เขาหรอก!
ฉันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เขา
“มีมือก็เช็ดเองสิ”
ติณหัวเราะในลำคอ เขาหันมาประจันหน้ากับฉัน ไม่อยากจะอธิบายเลยว่าเวลาหน้าใสๆ แต่คมคายนั้นมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นแล้วมันเซ็กซี่ขนาดไหน หันหน้าหนีดีกว่า
“เช็ด” เขาพูด
และฉันคิดว่านั่นคือคำสั่ง
ก็ได้! ทำก็ได้ ฮึบ!
ฉันหันไปประจันหน้ากับเขา พยายามคิดว่ามันก็เหมือนกับการทำงานเช่นทุกครั้ง ในเมื่ออยากจะเป็นมืออาชีพ ก็ต้องแยกแยะให้ได้
ใช่ ก็แค่ซับเหงื่อเอง ก็แค่ทำงานแหละ!
ฉันใช้ผ้าเช็ดหน้าในมือค่อยๆ ซับเหงื่อให้เขาเบาๆ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มีโอกาสมองเครื่องหน้าเขาแบบใกล้ๆ ในระยะประชิด เขาเป็นคนที่ดูดีแบบไม่มีที่ติเลยจริงๆ
ไม่แปลกที่ยัยเนตรดาวจะหึงหวงเขาเบอร์นั้น เพราะถ้าฉันมีแฟนหล่อขนาดนี้ ฉันก็หึง!
และกว่าที่ฉันจะรู้ตัวใจฉันก็เต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้ไปซะแล้ว...
“คุณหน้าแดงนะ ร้อนเหมือนกันใช่ไหม?” เขาถาม
“อ๊ะ”
ตายจริง นี่สินะที่เขาเรียกว่าอาการตกอยู่ในภวังค์ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง!
“ก็ร้อนน่ะสิถามได้”
ฉันชักมือออกจากหน้าเขา แกล้งบ่นเฉไฉไปเรื่อยเพื่อเก็บอาการ
“อยากเข้าไปพักไหมล่ะ?”
“แล้วคุณล่ะ?”
ฉันไม่ได้ถามเพราะเป็นห่วงเขานะสาบานได้
“ไม่มีคุณกางร่มให้ผมก็ไม่ตายหรอกน่า” เขายิ้ม
“คุณเล่นต่อเถอะ ฉันจะอยู่ตรงนี้แหละ”
จะให้ฉันเข้าไปพักคนเดียวได้ไง คนอื่นยังไม่พักเลย ค่าจ้างตั้งหลายหมื่นจะให้แอบไปอู้งานก็เกินไปหน่อยไหม
ติณกวักมือเรียกให้ลูกน้องคนอื่นที่ยืนสแตนบายรออยู่กลางสนามเข้ามาหา ก่อนจะพูดสั่งอะไรบางอย่างที่ฉันไม่ได้ยิน
และเพียงไม่นานลูกน้องคนเดิมก็กลับมาพร้อมเสื้อคลุมตัวยาว ติณรับมันมาแล้วยื่นให้ฉัน
“แดดมันแรง เดี๋ยวผิวสวยๆ จะเสียหมด” เขาพูด
ฉันรับเสื้อคลุมมาจากติณแบบงงๆ ในขณะที่เขาหันกลับไปตีกอล์ฟและหัวเราะกับเพื่อนตามเดิม
ฉันกลับยืนถือเสื้อแล้วมองเขาค้างไว้แบบนั้น การกระทำของเขาในตอนนี้ทำให้ฉันเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อเขาไปเลย
ฉันมองไปที่พายุกับปานวาด สองคนนั้นถึงเนื้อถึงตัวกันมาก พอพายุตีลูกลงหลุม เขาก็หันมากอดแล้วจุ๊บแก้มปานวาดอย่างดีใจ
ปานวาดเองก็ไม่ได้ทักท้วง และดูเหมือนว่าเธอจะชอบซะด้วย
ทางด้านมาวินก็ใกล้ชิดกันระดับสิบ เพราะตอนนี้เขาถึงกับคร่อมสอนมารีน่าตีกอล์ฟแล้ว คางของเขาเกยอยู่ที่ไหล่เธอในท่ากอดจากทางด้านหลัง
ส่วนทางด้านลูกน้องของติณกับลูกชุบก็ไม่แพ้กัน เมื่อกี้ฉันแอบเห็นสองคนนั้นหอมแก้มกันด้วย
แต่เมื่อตัดภาพมาที่ฉันกับติณ เราสองคนช่างดูเหินห่างประหนึ่งว่าเป็นพระกับแม่ชีมาตีกอล์ฟก็ไม่ปาน เขาไม่แตะต้องเนื้อตัวหรือทำรุ่มร่ามกับฉันเลย
ต่างจากสองครั้งแรกที่เราเจอกันมาก
วันนี้ฉันไม่ได้ยินคำพูดดูถูกเหยียดหยามใดๆ จากเขาเลย แถมยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขายังเอาเสื้อคลุมมาให้ฉันอีก
นี่เขาเป็นโรคคนสองบุคลิกหรือไงนะ!
“นี่คุณ”
หลังจากที่ยืนอึ้งอยู่นานฉันก็รวบรวมความกล้าแล้วเปิดปากถามด้วยความสงสัย
“ฉันว่าฉันไม่ได้คิดไปเองนะ วันนี้คุณดูสุภาพกับฉันแปลกๆ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“ก็คุณไม่ชอบ” เขาพูดทั้งๆ ที่ยังไม่หันกลับมา
“ยังไงนะ?” ฉันยังไม่กระจ่าง
“ก็คุณไม่ชอบแบบนั้น ผมก็เลยไม่ทำ”
ฉันว่าคำตอบของเขาก็ชัดเจนดีนะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงยังไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่เขาพูดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
คงอาจจะเพราะว่าก่อนหน้านี้การกระทำของเขามันต่างจากตอนนี้จากหลังตีนเป็นหน้ามือเลยก็ว่าได้
“นี่คุณจะมาไม้ไหนเนี่ย?”
“ผมไม่ใช่คนซับซ้อนอะไรขนาดนั้น”
แต่ฉันว่าไม่จริงหรอก ขนาดตอนนี้ที่เขากำลังพูดกับฉัน เขายังไม่หันมามองหน้าฉันเลย แล้วแบบนี้จะให้เชื่อได้ยังไง แต่ถ้าหากว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง ก็แปลว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรเลย...
“หืม เสื้อคลุมก็มาเหรอ ผีเข้าเหรอวะไอ้ติณ” มาวินตะโกนแซว
เห็นมะ เพื่อนของเขายังรู้สึกว่าเขาแปลกเลย นั่นไงล่ะ เกือบหวั่นไหวไปกับคำพูดของเขาแล้วเชียว
“เออ” ติณตอบ “จะจีบใครก็ต้องใส่ใจหน่อยสิวะ”
ครั้งนี้ติณไม่พูดเปล่า เขาหันมาหาฉันแล้วขยิบตาให้ด้วยจ้า เล่นเอาฉันรู้สึกร้อนวูบไปทั้งร่าง
ไม่นะ อย่ายอมให้เขามามีอิทธิพลกับเธอสิครองขวัญ!!
เมื่อติณและเพื่อนๆ เล่นกอล์ฟกันจนพอใจแล้ว เขาก็ให้พวกเราทั้งหมดนั่งลีมูซีนคันหรูไปยังที่พักของเขา
ซึ่งเราทุกคนจะต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานเลี้ยงเล็กๆ ที่มีแค่เฉพาะพวกเราในค่ำคืนนี้
และเมื่อต่างคนต่างก็แยกย้ายเข้าห้องกันเป็นคู่ๆ ฉันที่ไม่อยากจะอยู่สองต่อสองกับติณก็เกิดปัญหา
“เอ่อ...คือว่า” ฉันอึกอัก เนื่องจากว่าฉันคือแคดดี้ที่ดูเรื่องมากที่สุดในวันนี้ ทั้งๆ ที่คนอื่นดีกรีเริ่ดกว่าฉันหลายเท่า
“อย่าบอกนะว่าคุณอยากจะไปเป็น ก ข ค ของคนอื่น”
ติณกระซิบอย่างรู้ทัน
ที่เขาพูดมาก็ถูก ผู้หญิงอีกสามคนดูเหมือนว่าไม่มีใครอยากจะแยกจากคู่ของตัวเองสักเท่าไหร่
“แต่ฉันไม่อยากอยู่กับคุณในห้องแค่สองคนนี่”
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า”
“ฉันไม่เชื่อคุณหรอก” ฉันตอบอย่างไว