ขึ้นขี่ท่านแม่ทัพ NC18+

1868 Words
แม่ทัพสาวที่ 2 ขึ้นขี่ท่านแม่ทัพ เรื่องซุบซิบนินทาไม่เพียงอยู่ในวังหลวง ประชาชนทั่วไปต่างทราบว่า ฮ่องเต้ยามนี้ถูกสตรีดุร้ายผู้หนึ่งสะกดข่ม นางใช้ข้ออ้างที่ตนสร้างความดีความชอบ ยัดเยียดตัวเองเป็นนางสนม ก่อความวุ่นวายในวังหลังของพระองค์ไปทั่ว บางครั้งยังถึงขั้นลงมือทุบตีทหารและนางกำนัลจนตายโดยไม่มีเหตุผลอีกด้วย “นี่ๆ เจ้าว่านางจะโอหังไปได้อีกนานแค่ไหน?” บัณฑิตหนุ่มผู้หนึ่งเอ่ยปากถามสหายที่นั่งอยู่ข้างๆ วันนี้พวกเค้านัดกันมาพูดคุยเรื่องเหตุการณ์บ้านเมือง ภายในโต๊ะนั่งล้อมวงด้วยชายหนุ่มนักศึกษาหกเจ็ดคน พูดคุยเรื่องงามหน้าของแม่ทัพหญิงดุร้ายอย่างออกรสออกชาติ “เจ้าคอยดูไปเถอะ ตอนนี้นางยังอวดดีได้ รอจนข้าสอบผ่านเข้ารับราชการ ข้าจะเป็นคนแรกที่หาหลักฐานมาเอาผิดให้นางต้องหลุดออกจากตำแหน่ง” บัณฑิตสหายหลายคนหัวเราะชอบใจ พวกเค้าล้วนสอบตกในครั้งที่ผ่านมา ยามนี้นอกจากเรียนหนังสือให้หนักขึ้นแล้ว ความสุขเพียงหนึ่งเดียวคือการได้ร่วมวงกันพูดคุยเกี่ยวกับราชสำนัก ด่าทอขุนนางทหารต่างๆที่ครองอำนาจที่พวกตนไม่อาจเอื้อมในตอนนี้ “ข้าว่ากว่านางจะแต่งเข้าวังหลวง ไม่ทราบผ่านผู้ชายมากี่ร้อยกี่พันคนแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า กองทัพมีแต่บุรุษ นางอยู่กับชายหนุ่มมากมายปานนั้น เอาดาบมาพาดคอ ข้าก็ไม่เชื่อเด็ดขาดว่านางสะอาดบริสุทธิ์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะร่าของเหล่าชายหนุ่มที่นินทาผู้อื่นอย่างสนุกสนานดังลั่น ไม่นานโต๊ะข้างๆก็ร่วมวงด้วย แม้แต่คำหยาบคายด่าพ่อล่อแม่ก็หลุดออกมา ราวกับแม่ทัพหญิงผู้นั้นมีความแค้นส่วนตัวกับตนเองอันใด “ปึง! ถุย! นึกว่าคุณชายสูงส่งมาจากไหน ที่แท้ก็พวกบัณฑิตตกอับ ความสามารถไม่มีดีแต่นินทาว่าร้ายผู้อื่น” บนโต๊ะมีเพียงบะหมี่อย่างถูกเพียงไม่กี่ชาม เห็นดังนั้นเซี่ยหนิงจึงด่าออกไปอย่างเหยียดหยาม เท้าเรียวงามยกสูงขึ้นมาเหยียบอยู่ขอบโต๊ะ ความจริงหลิวเซี่ยหนิงนั่งอยู่ข้างๆนานแล้ว นางรอจนคนที่ต้องการเดินเข้าร้านมา ตนเองค่อยลงมืออาละวาด ชายหนุ่มทั้งหลายเห็นว่าผู้ที่หาเรื่องตนเองเป็นสตรีสูงโปร่งนางหนึ่ง ความจริงก็ไม่คิดอยากจะมีเรื่องด้วย แต่อีกฝ่ายกับไม่ยอมเลิกรา ร่ายรำหมัดเท้าเข่าศอก จนกระทั้งโรงเตี๊ยมทั้งหลังพังยับ พร้อมกับบุรุษสิบกว่าคนนอนร้องครวญครางหาบิดามารดาตนเอง *** รุ่งเช้าก็เป็นไปดังคาด ฮ่องเต้ยังไม่ทันได้นั่งลงสนิท ขุนนางอวี่ซื่อผู้หนึ่งก็ฟ้องร้องหลิวเซี่ยหนิงทันที “ฝ่าบาท หลิวไฉเหรินฝืนกฎออกนอกวัง ทั้งยังทุบตีชาวบ้านทำลายข้าวของ เรื่องนี้มีผู้คนเห็นกับตานับร้อย พระองค์ต้องเรียกตัวนางมาลงโทษให้ได้” ฮ่องเต้ซุนเต๋อยกมือกุมขมับ เค้าเรียกขันทีให้ไปตามตัวนางมาสอบถาม รออยู่พักใหญ่ หลิวไฉเหรินในชุดแม่ทัพเต็มยศก็เดินเข้ามากลางท้องพระโรง คุกเข่าถวายบังคมฮ่องเต้เสร็จก็ลุกขึ้น ไม่รอให้พระองค์อนุญาตแม้แต่น้อย “…” ทุกสายตาจับจ้องไปที่นาง ฮ่องเต้ถามว่านางแอบออกจากวังจริงหรือไม่ “ไม่ได้แอบ หม่อมฉันขอฮองเฮาแล้ว!” นางตอบเสียงดังกังวาน เรื่องนี้จึงปัดตกไป ฮ่องเต้ถามต่อไปอีก นางลงมือทุบตีชาวบ้านจริงหรือไม่ ทั้งยังทุบทำลายข้าวของ นางตอบว่าจริง ทั้งยังบอกว่าคนเหล่านั้นดูถูกฮ่องเต้ ดีแล้วที่นางไม่ฆ่าให้ตายให้หมด ขุนนางในห้องได้ยินนางกลับดำเป็นขาวก็ปั่นป่วนวุ่นวาย ด่าทอว่านางไม่รู้สำนึก ยโสโอหัง ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตารังแกราษฎร “พวกท่านบอกว่าคนเหล่านั้นไม่ได้ดูถูกฮ่องเต้หรือ ขอถามพวกท่าน ฮ่องเต้โง่นักหรือถึงดูไม่ออกว่าข้าบริสุทธิ์หรือไม่ ตอนเข้าหอคืนแรก” ขุนนางใหญ่หลายคนที่ตั่งท่าจะเล่นงานนางถึงกับสะอึก เมื่อเจอคำตอบข้างๆคูๆของนางเช่นนี้ แต่ละคนต่างก็ไม่รู้จะเล่นงานนางกระบวนท่าไหน ฮ่องเต้ซุนเต๋อยกมือนวดขมับด้วยความอับอาย นางเป็นสตรีแท้ๆกับพูดเรื่องเช่นนี้ออกมา เมื่อเห็นว่าการโต้เถียงของขุนนางใหญ่นับสิบกับนางเริ่มจะวุ่นวานมากแล้ว พระองค์จึงไล่นางให้กลับออกไป จากนั้นก็ทำท่าโมโหฟึดฟัด ปิดประชุมเอาดื้อๆเสียเลย *** “ออกไปให้หมด ข้าปวดหัวจริงๆ แต่ละวันมีแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง” ภายในห้องทรงอักษร ฮ่องเต้ไล่ขันทีนางกำนัลออกไปจนหมด จากนั้นเดินตรงไปที่เตียงเล็กที่ใช้พักผ่อนชั่วคราว นอนลงไปด้วยความเบื่อหน่าย “ครืดดด!” เสียงเสียดสีของแผ่นหินประตูลับเปิดออก เท้าเรียวยาวของหลิวเซี่ยหนิงก็โผล่ออกมา “ทีหลังเจ้าไม่ต้อง หาเรื่องวุ่นวายพวกนี้ให้ข้าก็ได้ ทำงานเงียบๆไม่เป็นรึไง” หลิวเซี่ยหนิงไม่มีทีท่าสลดแม้แต่น้อย นางเพียงยื่นส่งสารลับในมือให้ฮ่องเต้ จากนั้นทำท่าจะหมุนตัวกลับเข้าไปภายใน แต่ก็ถูกเรียกตัวเอาไว้เสียก่อน “เจ้าอย่าพึ่งไป อยู่ฝนหมึกให้ข้าก่อน!” ฮ่องเต้ซุนเต๋อหลังเปิดจดหมายออกอ่าน เค้าก็เดินต่อไปที่โต๊ะทรงงาน จากนั้นกางแผนที่แผ่นใหญ่ เริ่มพิจารนามองดูด้วยความระเอียดรอบคอบ ในห้องตกอยู่ในความเงียบสงบ เซี่ยหนิงยื่นนิ่งอยู่ข้างๆสวามีราวกับท่อนไม้ นางไม่ทราบไฉนฮ่องเต้ต้องให้ยืนปรนนิบัติด้วย เรื่องแบบนี้เรียกนางกำนัลซักคนเข้ามาก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ เสียงพลิกแผ่นกระดาษดังขึ้น จู่ๆฮ่องเต้ก็รับสั่งให้นางฝนหมึก นางจึงยื่นมือไปคว้าจานดำๆลายมังกรที่วางอยู่ข้างๆ ออกแรงถูวนไปวนมาราวกับซากศพไม่มีวิญญาณ ไม่แม้แต่จะกระพริบตาซักครั้ง “ส่งพู่กันให้ข้า” เซี่ยหนิงยื่นพู่กันหนึ่งด้ามให้ฮ่องเต้อย่างว่าง่าย ซุนเต๋อจึงเริ่มลงมือเขียนสารหลายฉบับ เพื่อสั่งการสายลับของตนให้ทำงานที่แตกต่างกันออกไป *** นางยืนปรนนิบัติอยู่ข้างๆนานมาก นานเสียจนไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยมาเท่าใดแล้ว จนกระทั่งได้ยินเสียงฮ่องเต้วางพู่กันลง นางค่อยกลับฟื้นคืนสติอีกครา “เจ้านำจดหมายพวกนี้ส่งไปตามรายชื่อสถานที่ ขากลับซื้อถังหูลู่จากนอกวังมาฝากข้าด้วย” ฮ่องเต้ยืนขึ้นยัดจดหมายที่เพิ่งเขียนเสร็จใส่เข้าไปในอกเสื้อนางอย่างหยาบคาย ฉวยโอกาสสัมผัสปทุมถันแผ่วเบาคราหนึ่ง จากนั้นพระองค์ค่อยผลักให้หันหลังกลับออกไปได้ “เดี๋ยวก่อนๆ!” เซี่ยหนิงขณะจะก้าวเดินกลับเข้าไปยังทางลับ นางต้องหันหน้ามาตามเสียงเรียกฮ่องเต้อีกครั้ง ซุนเต๋อเห็นนางแสดงสีหน้าสงสัยว่าจะเรียกทำไม จึงกวักมือให้นางเดินเข้ามาใกล้ จากนั้นจูงแขนนางมายังโต๊ะทรงงานตัวเดิม “ให้ข้าเสร็จเรื่องก่อนเจ้าค่อยไป” “…” นางในชุดทหารเต็มยศได้แต่กระพริบตาสงสัย แต่ว่าไม่ทันแล้ว เพียงครู่เดียวนางก็รู้ว่าเสร็จเรื่องของฮ่องเต้คืออะไร เมื่อพระองค์ทรงจับนางหมุนตัวคว่ำหน้าไปบนโต๊ะตัวนั้น ตามมาด้วยกระแสเย็นวาบที่พุ่งเข้ามากลางหว่างขานาง “พรึบ!” กางเกงตัวในของนางที่อยู่ใต้ชุดคลุมยาวถูกดึงลงไปกองอยู่ที่หัวเข่า ฮ่องเต้รับสั่งให้นางอยู่นิ่งๆฟุบไปบนแผ่นไม้ จากนั้นจึงเริ่มลงมือไล่นิ้วไปตามรอยบุ๋มของกางเกงชั้นในนาง “ข้าอยากรู้จริงๆ เจ้าเป็นท่อนไม้หรือ ทำไมเวลาข้ากระแทกเข้าไป เจ้าไม่ร้องครวญครางออกมา” ซุนเต๋อใช้นิ้วเขี่ยกาบหอยนางผ่านเนื้อผ้า ต้องการจะดูว่าวันนี้จะทำให้หญิงสาวร้องออกมาได้หรือไม่ “อะไรกัน เริ่มไปได้นิดเดียวก็เจิ่งนองแล้ว?” เพียงแค่สัมผัสไม่กี่ครั้ง กายหอยใต้กางเกงชั้นในของนางก็หลั่งน้ำบางอย่างจนเปียก ซุนเต๋อจึงอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยนาง แต่ก็ยังปราณีอยู่ไม่น้อย เมื่อเค้ากระชากผ้าผืนบางออก จากนั้นคุกเข่าลงไปบนพื้น ฝังหน้าเข้าไปยังบั้นท้ายอวบอัดของนาง “อืมมม อืมมม ของเจ้างดงามจริงๆเซี่ยหนิง” มือทั้งสองของฮ่องเต้แหวกแก้มก้นออกไปคนละทาง รอยแยกกึ่งกลางจึงถูกลิ้นล่วงเกินดูดเลีย สร้างความสะใจให้ฮ่องเต้หนุ่มได้ไม่น้อย “ไม่ใช่ชาวบ้านพวกนั้นบอกว่าเจ้าผ่านบุรุษมานับพันหรือ ไฉนคับแน่นเช่นนี้” ฮ่องเต้แทงนิ้วเข้าไปภายใน ปากก็เอ่ยหยอกเย้านางไปด้วย เค้าย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่านางเป็นหญิงบริสุทธิ์ เพราะตนเองเป็นคนกระแทกชิงพรหมจรรย์นางมากับมือ “จะเล่นอีกนานหรือไม่เพคะ หม่อมฉันยังต้องรีบไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย” “เพี๊ยะ! หญิงโสโครก กล้าเร่งรัดข้าแล้วหรือ” ซุนเต๋อฟาดฝ่ามือลงไปบนแก้มก้นนางด้วยความหมั่นเขี้ยว หวดเสร็จจึงได้ลุกขึ้นมาจับแท่งเนื้อตนเองเขี่ยไปตามรอยแยกนางต่อ ใช้เวลาอยู่นานก็ยังไม่สอดใส่เข้าสู่ด้านในซักที “แปะ แปะ แปะ” เซี่ยหนิงรู้สึกว่าฮ่องเต้ใช้แท่งเนื้อตนเองฟาดใส่กลางกลีบกุหลาบนางหลายที ด้วยความที่อยากจะออกไปนอกวังแล้ว นางจึงเอื้อมมือกลับหลัง คว้าเจ้าแท่งร้อนๆนั่นไว้ ดันเข้าสอดใส่รูร่องด้วยตนเองเสียเลย “สวบ!” “เจ้า!” ซุนเต๋อไม่คิดว่านางจะใจกล้าเช่นนี้ เค้ายังไม่ได้อยากจะเข้าไป แต่นางกับกล้าฝ่าฝืนราชโองการ จับมังกรของตนสอดใส่โดยไม่ถามความเห็นชอบ “เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! แพศยาน้อย เจ้ากล้าก่อเรื่องโดยพลการหรือ” ฮ่องเต้ใช้ฝ่ามือตบแก้มก้นนางไม่ยั้ง เค้าไม่พอใจมากที่นางทำตามใจตัวเองเช่นนี้ “พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ” ระหว่างที่ฮ่องเต้ฟาดหวด เซี่ยหนิงไม่ได้รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย นางจัดการเด้งสะโพกกลับหลัง สาวเอวส่งรูสวาทเข้าไปบีบรัดลำเอ็นฮ่องเต้ด้วยตนเอง “พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ” “หม่อมฉันทำถูกใจดีหรือไม่ เสร็จๆซักทีสิเพคะ” เซี่ยหนิงไม่สนใจซักนิดว่าสวามีจะไม่พอใจ นางเร่งจังหวะซอยเอวสุดชีวิต ก็นางอยากรีบไปเที่ยวเล่นนอกวังแล้วนี่นา “…” ***
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD