แม่ทัพสาวที่ 1
แม่ทัพใหญ่มาแล้ว
หกปีก่อน ชายแดนต้าเว่ยถูกรุกรานจากชนเผ่านอกด่าน สามเมืองถูกตีแตก แม่ทัพพิทักษ์แดนเหนือหลิวถงพลีชีพในสนามรบ ขณะนั้นฮ่องเต้เพิ่งจะขึ้นครองราชย์ได้ไม่ถึงสองปี จึงยังไม่มีอำนาจมากพอสะกดแม่ทัพหลายคนให้ทำตามคำสั่ง ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ไม่ว่าจะเรียกใช้ผู้ใด คนเหล่านั้นก็หาข้ออ้างปฏิเสธ
จนกระทั่งเดือนต่อมา ม้าเร็วแปดร้อยลี้ตัวหนึ่งวิ่งมาถึงเมืองหลวง
“เมืองหนันฝูถูกยึดคืนได้แล้ว” นี่เป็นใจความหนึ่งในรายงานทางทหาร ยามนั้นฮ่องเต้ยินดียิ่ง พอสอบถามว่าเป็นแม่ทัพคนใดตีคืนกลับมา ก็ได้ความว่าเป็นบุตรชายแม่ทัพหลิวที่พลีชีพไปก่อนหน้า ด้วยความที่มีผู้ให้ใช้สอยไม่มาก พระองค์จึงมีบัญชาให้เจ้าหนุ่มนั่นนำทัพออกศึก คุมอำนาจสองมณฑล เรียกระดมกำลังได้โดยไม่มีข้อแม้
การทวงคืนดินแดนทางเหนือใช้เวลายาวนานถึงหกปี หากแต่พอเริ่มเข้าปีที่สอง ฮ่องเต้เว่ยซุนเต๋อก็มีเรื่องที่ทำให้ต้องกระอักเลือดออกมาแล้ว
“หลอกลวงเบื้องสูง! ขัดราชโองการ!” สองข้อนี้เป็นคำกล่าวโทษที่มีต่อนาง เพราะข่าวในกองทัพไม่สามารถปิดบังได้ ไม่นานเรื่องที่หลิวเซี่ยหนิงปลอมตัวออกรบแทนน้องชายก็ถูกส่งกลับวังหลวง
ฮ่องเต้แม้จะตกใจมาก แต่ก็ไม่มีทีท่าจะเอาผิด กับเป็นขั้วอำนาจใหญ่ในวังหลวงกลุ่มหนึ่ง ฉวยโอกาสนี้เล่นงานนาง ต้องการให้ปลดเรียกตัวหญิงสาวกลับมาลงโทษ
สถานการณ์ในตอนนี้ต่างกับการก่อน มีหรือซุนเต๋อจะมองไม่ออก ขุนนางเหล่านั้นต้องการจะส่งคนของตนไปแทนที่นาง เนื่องจากกำลังทหารต้าเว่ยสามแสนของนาง เป็นต่อข้าศึกอย่างมาก แม้จะส่งลาโง่ตัวหนึ่งไปนำทัพยามนี้ ชัยชนะของทัพเว่ยก็ยังคงรออยู่ข้างหน้า
ทางหนึ่งฮ่องเต้เขียนราชโองการเรียกตัวนางกลับวังหลวง ทางหนึ่งก็ส่งสารลับบอกว่าไม่ต้องกลับ ซุนเต๋อต่อหน้ายินยอมทำตามคำขอของขุนนางใหญ่ ลับหลังก็ใช้สอยหญิงสาวให้ดึงเวลาไว้ ไปๆมาๆ ก็เป็นเวลากว่าหกปี กว่าสงครามชายแดนจะสงบลง
“พวกเจ้าได้ข่าวหรือไม่ ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลหลิวถึงขั้นกอดขาฮ่องเต้ร่ำร้อง ขอให้พระองค์รับหลานสาวปีศาจของนางเป็นสนม”
ร้านขายเครื่องประดับแห่งหนึ่ง ฮูหยินผู้มีอันจะกินหลายนางยืนซุบซิบนินทาข่าวที่ได้ยินมา หลิวเซี่ยหนิงหลังจากกลับมาเมืองหลวงได้เกือบปี ชื่อเสียงของนางก็ย่ำแย่มาก ไม่ว่าจะติดต่อคุณชายตระกูลไหน ต่างก็ได้รับคำปฏิเสธเป็นคำตอบเดียวกัน “บุตรตรีท่านดีเกินไป พวกเราไม่อาจเอื้อม” “…”
***
หนึ่งปีต่อมา
“อะไรน๊ะ! นางอยู่ในสวน รีบหน่อยอย่าให้นางเห็นข้า!”
ฮ่องเต้ขณะจะเดินเข้าไปพักผ่อนหย่อนใจในอุทยานหลวง ขันทีน้อยผู้หนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามากระซิบข้างหู พอรู้ว่าผู้ใดอยู่ด้านใน พระองค์ก็ยกชายเสื้อขึ้นบังหน้า จากนั้นเร่งซอยเท้าให้พ้นจากเป้าหมาย หวังว่านางจะไม่บังเอิญเดินออกมาพบเจอ “…”
“เจ้าเก็บของเร็วเข้า นางกำลังเดินมาทางนี้!”
“อะไรน๊ะ! นางไฉนเข้ามาในอุทยาน!”
เสียนเฟยที่นั่งจิบน้ำชาอยู่ในหอเก๋งมือไม้วุ่นวาย นางไม่เอาแม้แต่ผ้าเช็ดหน้าผืนงาม พอลุกขึ้นได้ก็รีบวิ่งจ้ำอ้าว หลบหนีหายไปพร้อมกับสนมฮ่องเต้อีกหลายคน
“รอข้าด้วยสิ! คนแล้งน้ำใจ!”
เต๋อเฟยที่อุส่าวิ่งมาส่งข่าวกับถูกสหายทิ้งห่าง นางจึงรีบโกยแนบ เพื่อหนีออกจากสวนอันตรายแห่งนี้
หลิวเซี่ยหนิงแต่งชุดขุนศึกเต็มยศ ขาดก็แต่สวมหมวก นางเพียงรวบผมลวกๆขึ้นเสียบปิ่นไม้ไว้ เดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์ โดยมีนางกำนัลน้อยสองคนติดตามอยู่ห่างๆ
“พรุ่งนี้ข้าอยากออกจากวัง เจ้าส่งคนไปบอกฮองเฮาหน่อยสิ”
เซี่ยหนิงสั่งผู้ติดตามทั้งสองส่งๆ จากนั้นเตะปลายเท้าทะยานหนีหาย ปล่อยให้หญิงสาวด้านหลังทำสีหน้าเหลอหลา ส่วนตนเองใช้วิชาตัวเบาท่องชมสวนดอกไม้อย่างสุนทรี
***
“ได้ๆ ข้าอนุญาต นางอยากไปนานเท่าไรละ”
“ไม่ทราบเพคะ พระสนมไม่ได้บอก”
นางกำนัลน้อยหลังจากรายงานจบก็ออกไป ฮองเฮาจึงปาดเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก ในที่สุดวังหลังก็จะกลับคืนสู่ความสงบได้แล้ว แต่ไม่ทราบว่าคราวนี้จะสงบได้ซักกี่วัน
นับตั้งแต่ฮ่องเต้จำเป็นต้องรับหญิงดุร้ายนั่นเป็นสนม แทบไม่มีวันไหนที่ฮองเฮาจะได้อยู่อย่างสบายใจ หากไม่ใช่เรื่องนางทุบตีสนมนางกำนัล ก็เป็นเรื่องทุบตีขันทีกับทหารหลวง แม้กระทั่งตนเองที่เป็นถึงฮองเฮาเคยดุว่า แต่หญิงร้ายกาจนั่นก็หาได้สนใจคำสั่งนางแม้แต่น้อย
“อี้เหวิน เจ้ารีบไปบอกฮ่องเต้เร็วว่านางแพศยานั่นจะออกจากวัง ให้พระองค์เสด็จมาหาข้าคืนนี้”
ก่อนหน้านี้นางและฮ่องเต้ครองรักกันอย่างดูดดื่ม แต่หนึ่งปีมานี้ฮ่องเต้กับไม่กล้าเสด็จมาหานาง ด้วยเพราะเกรงจะแสดงออกว่าโปรดปรานเกินไป จะทำให้หญิงดุร้ายนั่นริษยา จนลงมือทำร้ายนางก็เป็นได้
“เจ้าคะ หม่อมฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
อี้เหวินรู้ใจนายสาวเป็นอย่างดี เพียงครู่เดียวก็รุดออกไปส่งข่าว เพื่อให้ฮองเฮาของตนเองไม่พลาดโอกาส ที่จะได้สนิทสนมกับฮ่องเต้
***
“ฮือ ฮือ เกือบสองเดือนแล้วที่หม่อมฉันไม่ได้ปรนนิบัติท่านบนเตียงหลังนี้” บนแท่นบรรทม ฮองเฮาหลั่งน้ำตายินดียิ่ง นางยื่นมือเข้าไปในชุดคลุมยาวฮ่องเต้ ออกแรงรูดแท่งเนื้อขึ้นๆลงๆ เพื่อช่วยสามีผ่อนคลาย
“เจ้าจะร้องไห้ทำไม ไม่ใช่ว่าข้าแอบนัดพบเจ้าตามที่ต่างๆอยู่เรื่อยๆหรือ”
หลี่ฮองเฮาได้ยินเช่นนั้นก็ปล่อยโฮออกมาดังกว่าเดิม คิดถึงความอัปยศที่ผ่านมา ตนเองเป็นมารดาของแผ่นดินแท้ๆ กลับต้องลักกินขโมยกินราวกับเมียน้อยผู้หนึ่ง จะให้นางทนทานรับได้ยังไง
“พอแล้วๆ เจ้าอย่าได้เศร้าเสียใจแล้ว รอให้ข้ากำราบนางได้เมื่อไร เจ้าจะกลับมามีหน้ามีตาเหมือนเดิม”
“อืมมม อืมมม” ฮ่องเต้ไม่เพียงพูดปลอบใจ พระองค์ยังใช้มือกดข่มศีรษะนางลงไปกลางหว่างขา ยัดลำเอ็นมังกรเข้ามาในปากจนสุดลำคอ
“ดูดให้แรงกว่านี้!” ซุนเต๋อออกคำสั่งเสียงดัง
เค้าไม่อยากให้นางคร่ำครวญไปมากกว่านี้ ดังนั้นจึงยัดแท่งเนื้อตนเองเพื่อปิดปากนางเสียเลย
“พั่บๆๆ พั่บๆๆ พั่บๆๆ”
บนแท่นบรรทม ฮ่องเต้ยืนขึ้นมาเต็มความสูง เค้าจับศีรษะหลี่ฮองเฮาไว้แน่น เด้งเอวส่งลำเนื้อเข้าๆออกๆ มองริมฝีปากจิ้มลิ้มของนาง กลืนความเป็นชายตนหายเข้าไปในลำคอ จนน้ำลายไหลเยิ้มหยดลงบนทรวงอก คอยละเว้นหยุดพักให้นางได้หอบหายใจ
“ป็อก!” เสียงหยาบคายยามแท่งเนื้อหลุดออกจากโพรงปาก หลี่ฮองเฮาคิดว่าตัวเองคงรอดแล้ว แต่ว่าไม่ใช่ เมื่อเห็นนางเริ่มหายใจสะดวก ฮ่องเต้ก็ดึงนางให้ยืนขึ้น จากนั้นจับนางพลิกหันหลัง ส่งแท่งเนื้อเข้าส่วนที่คับแคบของนางจนสุดทาง
“ตับๆๆ ตับๆๆ ตับๆๆ”
แม้จะมีชุดคลุมยาวตัวในขวางกั้น แต่ฮ่องเต้เพียงตวัดมือหนึ่งครั้ง ชายผ้าก็เปิดออก ช่องทางแคบคุ้นเคยเพียงถูกหัวหยักดุดดันเบาๆ เอ็นอุ่นก็ไหลเข้าไปยังใจกลางรูสวาท เร็วเสียจนหลี่ฮองเฮาตั้งหลักรับแรงกระแทกที่ถาโถมเข้ามาแทบไม่ทัน
“อ๊าส์ อ๊าส์ ซีดด...ไม่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ให้หายอยากแบบนี้นานมากแล้ว คืนนี้เจ้าทนหน่อยแล้วกันนะ”
หลี่ฮองเฮาบัดนี้ยืนหัวสั่นหัวคลอน นางจำต้องยกหลังมือข้างหนึ่งขึ้นมากัดกลั้นเสียงครางไว้ มืออีกข้างก็เอื้อมกลับหลังไปคว้าจับแขนสวามีเพื่อทรงกาย แอ่นบั้นท้ายรับจังหวะซอยเอวอย่างรู้งาน
เสียงหนันเนื้อกระทบกันยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ภายในห้องเงียบสนิทไม่มีเสียงพูดคุยแม้แต่น้อย ทั้งสองราวกับคนอดอยากปากแห้ง เล่นกิจกรรมเข้าจังหวะสลับไปมาอยู่รู้หน้าที่ ฮองเฮาพลิกแพลงท่วงท่าอย่างชำนาญ ฮ่องเต้ยังไม่ทันสั่งความ นางก็พลิ้วกายเปลี่ยนเป็นท่าที่ต้องการได้ก่อนแล้ว
“พรึบ!” ขณะที่ฮองเฮาถูกกระแทกโดยที่ขาทั้งสองพาดอยู่บนบ่า ฮ่องเต้เพียงตบบั้นท้ายนางเบาๆ ขาข้างหนึ่งของนางก็วาดผ่านหน้าพระองค์ไป พลิกคว่ำกลับมาคลานสี่ขา โก้งโค้งให้สวามีกระแทกโดยที่จุดเชื่อมต่อไม่หลุดออกจากกัน
“ตับๆๆ ตับๆๆ ตับๆๆ”
“ซีด...เสียวเหลือเกินอี้ฟาน ข้าจะไม่ไหวแล้ว”
“ตับๆๆ ตับๆๆ ตับๆๆ”
ฮ่องเต้กำบั้นท้ายขาวๆของฮองเฮาไว้แน่น เอวก็ออกแรงกระแทกจนเกิดเสียงดัง กัดฟันกลั้นน้ำขาวข้นที่อยู่ภายในไม่ให้แตกเร็วเกินไป
“อู้ยย..ซีดด..ข้างในเลยเพคะ ให้ทารกน้อยกับหม่อมฉันอีกซักคนเถอะเพคะ”
หลี่ฮองเฮาเสียวเสียจนกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ไหว จำต้องยกสะโพกขึ้นจนสูง ตั้งป้อมสู้รับแรงดันของสวามีที่เดินเครื่องลูกสูบตอกอัดเข้ามาอย่างรุนแรง
เสียงเนื้อกระทบกันในจังหวะสุดท้ายดังเสียยิ่งกว่าตอนแรก ฮ่องเต้และฮองเฮาต่างก็เมามันถึงขีดสุด โพรงผนังและแท่งเอ็นอุ่นกระตุกผสานภายใน เรียกเสียงครวญคราง อ่า อ่า อ่า ของคนทั่งคู่ให้ดังขึ้นมา
“ป็อก! พรวด!” เพียงแค่ถอนดึงแท่งเอ็นออก น้ำเชื่อมของคนทั้งสองก็ไหลทะลักลงสู่พื้น ฮ่องเต้มองพู่เนื้อแดงๆของภรรยาที่ยังคงเต้นตุบๆ บีบเอาน้ำเหนียวข้นอาบไปตามเรียวขา ก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปปาดเช็ดของเหลวเหล่านั้นออกให้นาง
“เอาไว้ข้ากำราบนางได้ก่อน เจ้าค่อยตั้งครรภ์อีกครั้งเถอะ เดี๋ยวเกิดนางริษยาเจ้ามากไปกว่านี้ ข้าจะหาทางลงไม่ได้”
ฮ่องเต้ใช้นิ้วไล่เลียไปตามกลีบกุหลาบภรรยาสาว ฮองเฮาก็ยังก้มหน้าโก้งโค้งให้สวามีเล่นกับร่างกายต่อไปอย่างรู้หน้าที่ แม้นางจะเสียใจอยู่บ้างที่พระองค์ไม่ยอมให้ท้อง แต่นี่ก็เป็นเพราะในวังยังมีนางมารผู้นั้นอยู่
“ยกยาห้ามครรภ์เข้ามา”
ฮ่องเต้สั่งขันทีที่อยู่ด้านนอกเสียงดัง ฮองเฮาจึงลุกขึ้นจากท่าคลานสีขา คว้าผ้าแพรมาคลุมกายไว้อย่างลวกๆ จากนั้นค่อยนั่งรอคอยอยู่ริมเตียง รอรับตัวยารสขมที่ขันทีหนุ่มผู้หนึ่งเดินถือมาให้
***