“เอาเป็นว่าเรื่องในอดีตฉันขอโทษ ฉันขอโทษแกแล้วกัน แกอย่าโกรธฉันเลยนะ”
“เพชรแกอย่าทำแบบนี้เลย”
“ฉันขอโทษแกจริง ๆ ฉันผิดเอง ผิดทุกอย่าง” เธอแอบชอบสิบทิศ อิจฉาเพื่อน นั่นคือความจริงที่เธอยอมรับ แต่ไม่กล้าบอกเพื่อนให้ได้รับรู้ เธอมันเป็นพวกขี้ขลาดจริง แถมยังอยากให้ตัวเองดูดี พูดให้ตัวเองดูดีอยู่แบบนี้ พลอยเพชรคิดว่าถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะทำแบบเธอนี่แหละ เธอพยายามปลอบใจตัวเอง
“ช่างเถอะ มันผ่านไปแล้วแบบที่แกว่า ตอนนั้นฉันเองก็เอาแต่ประชดประชันเขาด้วย”
“แกยกโทษให้ฉันได้ไหม ที่ฉันไม่มีความพยายามเลยสักนิดที่จะช่วยเหลือแกกับพี่สิบทิศ”
“ฉันให้อภัยแก อย่าคิดมากสิ อย่างน้อยแกก็ได้บอกความจริงกับฉันแล้วไง”
“ขอบใจแกมากนะ แกเป็นเพื่อนที่ดีของฉันเสมอ แต่ฉันนี่สิ เป็นเพื่อนที่แย่ของแก ฉันนี่มันแย่จริง ๆ” พลอยเพชรร้องไห้โฮออกมา เวทิตาต้องปลอบอยู่นานกว่าเพื่อนจะสงบลง
“งั้นฉันกลับก่อนนะ” เวทิตาเอ่ยบอกเพื่อน ก่อนจะไหว้ลามารดาของอีกฝ่ายด้วย
เวทิตากลับไปแล้วพลอยเพชรถอนใจอย่างโล่งอก ในขณะที่ได้ยินเสียงมารดาบ่นว่าจะพักผ่อนแล้ว ทำให้เธอต้องรีบไปประคองท่านเข้าห้องนอน
บางทีท่านก็ดี บางทีท่านก็โมโหอาละวาดด่าทอ เวลาท่านอารมณ์ดี ๆ เธอจะคิดว่าเพราะท่านต้องป่วยนอนติดเตียงแบบนี้ ท่านเลยหงุดหงิดที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรเองได้ ไม่สามารถเดินได้ ไปไหนมาไหนได้ ถ้าเป็นเธอต้องนอนป่วยติดเตียงเช่นนี้ก็คงเป็นทุกข์หนัก เธอต้องเข้าใจท่านมาก ๆ แต่พอโดนท่านบ่นจุกจิกจู้จี้ด่าทอ เธอก็รู้สึกเหนื่อยท้อ และบางครั้งก็เดือด เพราะต้องดูแลท่านอยู่คนเดียว รองรับอารมณ์ท่านอยู่คนเดียว เหนื่อยอยู่คนเดียว
เหนื่อยกายแค่พักไม่นานก็หายเหนื่อย แต่ถ้าเหนื่อยใจจะเหนื่อยมากจนไม่มีแรงทำอะไรเลย
“เธอนี่มันเอาดีเข้าตัวจริง ๆ” ประโยคนั้นของการันต์ทำให้พลอยเพชรหันขวับไปมอง
“เฮียรันต์”
“จำฉันได้ด้วยเหรอ” คนพูดแสแยะยิ้มแลดูน่ากลัว
“นี่เฮียเมาเหรอ เมาก็กลับบ้านไปซะ” เธอได้กลิ่นเหล้าฉุนกึกจากร่างของเขามาแตะจมูก
“เมาแล้วทำไมต้องนอนด้วย ฉันมานี่ได้ฟังที่เธอพูดเอาดีเข้าตัว พูดไม่หมด กลัวไอ้สิบทิศเกลียดเธอ เวทิตาโกรธเธองั้นสิ ส่วนฉันนี่เป็นไอ้เลว วางยาจะปล้ำเขา แต่ไอ้สิบทิศดันมาช่วยเอาไว้ซะก่อน”
“ก็เฮียอยากโง่และชั่วเอง มายุ่งวุ่นวายอะไรกับฉันล่ะ อย่างน้อยฉันก็ทำให้ปมในใจของพวกเขาเคลียร์แล้ว เขาก็ดีกันแล้ว เป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันได้แก้ไขอดีตที่มันเคยผิดพลาดไปแล้ว ไม่เหมือนเฮียที่ยังจมปลักอยู่กับอดีต เขาไม่รักไม่ชอบเฮียก็ยังจะไปทำเลววางยาจะปล้ำเขาอีก”
“ปากดีนักนะ เพราะเธอทำให้แผนการทุกอย่างเป็นแบบนี้” การันต์ตรงเข้าบีบปลายคางของพลอยเพชรเอาไว้
พลอยเพชรร้องด้วยความเจ็บ แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงชายได้ อีกทั้งฤทธิ์น้ำเมายังทำให้เขาขาดสติ
“นี่เฮียรันต์ปล่อยนะ ไอ้คนบ้า เฮียจะทำอะไร”
“ฉันไม่ได้เวก็ไม่เป็นไร เอาเธอก็ได้ หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้”
“นี่ปล่อยนะ เฮียจะทำเลวกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ” การันต์ไม่สนใจ ลากเธอเข้าห้อง แต่ก่อนลากเข้าห้องเขาก็จัดการนำผ้ามามัดปากของเธอเอาไว้
“เอาเธอในบ้านนี่แหละ สะใจดี เธออยากเป็นคนดีมากนักใช่ไหม ได้เลยฉันจะสนองความดีของเธอให้สาสม” พลอยเพชรตกใจหน้าซีดเผือด เธอไม่ได้รักการันต์และไม่เคยรักเขาเลย เขาจะมาทำย่ำยีกับเธอแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด หญิงสาวส่ายหน้าไปมา
“ถ้าเธอทำเสียงดังแม่ของเธอก็จะตื่นขึ้นมา อยากให้แม่ด่าว่าร่านพาผู้ชายเข้ามาในบ้านก็ตามใจเธอนะ”
พลอยเพชรน้ำตาไหลพรากอาบแก้ม พยายามขอร้องเขาทางสายตา เพราะปากใช้การไม่ได้ ถูกมัดเอาไว้ แต่เขาไม่นำพา เขาซุกใบหน้าที่เจือไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์เข้าหาเธอ ความเลวร้ายบังเกิดขึ้นเมื่อเขายัดเยียดความเป็นผัวให้เธอ
การันต์ขยำขยี้ทรวงอกของเธอจนเจ็บไปหมด ร่างกายที่เธอถนอมมานานหลายปีถูกเขากระทำย่ำยีเยี่ยงสัตว์ ไร้ความปรานี มีแต่ความโกรธแค้นและต้องการระบายความเจ็บปวดของตัวเองเท่านั้น
เซ็กซ์ที่ไร้ความรัก มีแต่ความเจ็บปวด ท่อนกายที่เสียดแทงเข้ามาในร่างกายของเธอมันเต็มไปด้วยความชอกช้ำ กายสาวยับเยินฉีกขาดจนเลือดไหลอออกมาเพราะทนแรงกระแทกกระทั้นไม่ไหว
มือหนาบีบเคล้นไปทั่วร่างกายสาว ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิงไปหมด ไม่มีความรักความเมตตาให้เธอเลยแม้แต่น้อย เธอร้องไห้อย่างอดสู ครั้นเมื่อเขาพลิกกายลงไปนอนเคียงข้าง เขาก็หยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ก่อนจะแสแยะยิ้มอย่างน่าเกลียด
“เอาเธอนี่มันเหมือนเอาท่อนไม้ดี ๆ นี่เอง กระหรี่ในซ่องยังน่าเอากว่าซะอีก จุ๊ ๆ อย่าเสียงดังไปสิ เดี๋ยวแม่ของเธอก็ได้ยินหรอก” เขาเปิดปากของเธอออก แต่เธอไม่กล้าส่งเสียงโวยวาย ได้แต่ร้องไห้น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม เพราะถ้าหากมารดารู้เข้า คนแบบท่านจะไม่ยอมเข้าข้างเธออย่างเด็ดขาด
ท่านรักพี่ชายของเธอ เข้าข้างคนอื่นมากกว่าลูกสาวที่ดูแลอาการป่วยเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ทุกวัน อาจเพราะเธอไม่ใช่ลูกรัก แต่เป็นลูกชัง และเพราะเธอชอบอธิบายชอบเถียง มีความคิดเป็นของตัวเอง นั่นเลยทำให้ท่านไม่ชอบ ไม่เหมือนพี่ชายที่คอยเอาอกเอาใจ พูดดี ๆ นาน ๆ เจอกันทีจึงดีไปเสียหมด ไม่เคยว่าเคยเถียง เพราะอยู่พบหน้ามาเยี่ยมปีละครั้งสองครั้ง สามสี่วันก็กลับ ไม่ได้เหม็นเบื่อขี้หน้าแบบเธอที่ต้องเจอกันทุกวัน
“ไสหัวออกไปซะ เฮียได้ในสิ่งที่เฮียต้องการแล้วก็ไสหัวไปซะ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก” พลอยเพชรร้องไห้ออกมา ควานมือเก็บเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างสั่นเทา
ได้ยินเสียงมารดาตะโกนถามว่าเธออยู่ไหน และคุยกับใครอยู่ ท่านให้เธอไปช่วยถอดแพมเพิร์สที่เต็มไปด้วยขี้และเยี่ยวเพราะรู้สึกอึดอัดอับชื้น
พลอยเพชรกอดตัวเองเอาไว้ ร้องไห้สะอึกสะอื้น ในขณะที่คนเมาที่มีแต่ความแค้นรู้สึกวูบขึ้นมาในอก แม้ไม่มากมายอะไรแต่ก็มีความผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง เขาจะเข้าไปแตะไหล่ที่สะท้านของหล่อน แต่พลอยเพชรปัดมือของการันต์ทิ้งอย่างเกลียดชัง
“ก็ได้ ฉันไปก็ได้ เธอไม่ต้องการความช่วยเหลือจากฉันเองนะ” เขาเดินดุ่ม ๆ ออกไปจากบ้านของเธอเพราะไฟโกรธ ในขณะที่พลอยเพชรรีบล้างหน้าล้างตา หวีผมเผ้าให้ดีขึ้น ต้องไปหามารดา จะไปในสภาพนี้ไม่ได้
“ทำไมช้านักนะ มัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหน เรียกสี่ห้าคำ เรียกจนคอแห้งก็หูแตกไม่ได้ยิน แกนี่มันเป็นลูกที่ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ”
“ฉันก็รีบมาแล้วไงแม่” คนพูดมีท่าทีเหนื่อยหน่ายใจไม่น้อย
“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย ใช่สิ ฉันมันป่วย มันทำงานหาเงินอะไรไม่ได้แล้ว แกเลยทำหน้าเมื่อยแบบนี้”
“แม่อย่าหาเรื่องจะดีกว่า ฉันยังไม่พูดว่าอะไรแม่เลยนะ”
“ถึงแกไม่พูด แต่ฉันรู้จักสันดานคนอย่างแกดี ฉันเกิดแกมา ฉันรู้ว่าแกเป็นคนยังไง”
“แล้วฉันเป็นคนยังไงเหรอแม่ ที่ดูแลแม่อยู่ทุกวันนี้ พี่ ๆ เคยมาดูดำดูดีไหม ฉันรับภาระแม่อยู่คนเดียว”
“แกอย่ามาลำเลิกบุญคุณ พี่ของแกน่ะเขามีครอบครัวต้องดูแล แกจะไปรบกวนพี่แกทำไม”
“ฉันไม่มีครอบครัว ไม่มีภาระก็เลยต้องดูแลแม่อยู่คนเดียวนี่นะ”
“แกจะโวยวายหาสวรรค์วิมานอะไร ดูแลพ่อแม่น่ะได้บุญยิ่งใหญ่มหาศาล ที่แกมีกินมีใช้อยู่ทุกวันนี้เพราะแกดูแลพ่อแม่นี่แหละ” พิมพ์ใจตะโกนแข่งกับเสียงลูกสาว ไม่มีแรงขยับลุกเดินไปไหน ก็ใช้เสียงนี่แหละ