“แทร่า เอื้อมไปเข้างานก่อนนะ เตรียมอาหารเช้าไว้ให้แล้ว เก็บบรากับจีสตริงไปด้วยล่ะ”
เอื้อมพัฒน์ก้มลงหอมแก้มสาวคนสนิทหนึ่งที
“เออน่า!” ธาราวีร์บ่นอุบอิบซุกตัวใต้ผ้านวมหนา เครื่องสำอางยังคงแน่นบนใบหน้า ลิปสติกสีแดงบนเรียวปากงามเจือจางลงเล็กน้อย ชุดสวย กระเป๋าถือและรองเท้าคู่งามที่เธอสวมมาเมื่อคืนกระจัดกระจายไม่เป็นที่ในห้องนอนเหมือนรีบร้อนถอด
เช้าวันนี้เอื้อมพัฒน์ออกเดินพร้อม Ducati สุดเท่คู่ใจแม้ช่วงนี้กรมอุตุฯ จะประกาศเตือนเรื่องฝนฟ้าอากาศ เขามองว่าบิ๊กไบค์จะคล่องตัวมากกว่ารถยนต์หากฝนเทลงมาแล้วต้องติดแหงกตามสี่แยก ใช้เวลาไม่นานจากคอนโดมาถึงโรงแรม เขาเกลียดการไม่ตรงต่อเวลาจึงไม่เคยมาเข้างานสายและชอบที่จะมาก่อนเวลาเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยต่างๆ บทบาทชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงานต้องแยกแยะรักษาสมดุลให้ชัดเจนเสมอ
เอี๊ยด!
“จอดตรงนี้เลยพี่”
ศรุตาก้าวลงจากรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างอย่างคล่องแคล่ว เวลาเดียวกันเอื้อมพัฒน์ภายใต้หมวกกันน็อกอันโตเลี้ยวเข้ามาเจอหญิงสาวพอดี ชายหนุ่มเลื่อนหน้ากากขึ้นเพื่อจะมองรุ่นน้องให้ถนัดตามากขึ้น ฝ่ายหญิงเงยหน้าขึ้นแล้วความสนใจกับโทรศัพท์ต่อไปเสมือนเจอคนไม่รู้จัก เช้าวันนี้ลิฟท์พนักงานแถวยาวเสียด้วย ศรุตาจึงแก้เซ็งด้วยการก้มหน้าก้มตาเล่นโซเชียลแบบไม่สนใจสิ่งรอบตัว จนไม่รู้เลยว่าคนที่มาต่อคิวหลังเธอกำลังแอบมองจอโทรศัพท์อย่างสนใจ
ศรุตากดเลือกชั้นสามสิบลิฟต์ช่วงเข้างานนี้เบียดเสียดมากเลยจริง ๆ แต่เธอยังขังตัวเองในโลกส่วนตัวต่อไป ไม่สังเกตเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ รอบตัว ลิฟต์แวะส่งพนักงานตามชั้นต่าง ๆ จนไม่เกือบไม่เหลือใครแล้ว
“เฟซบุ๊กเช้านี้มันมีอะไรน่าสนใจเหรอคะ...น้องกวาง” ศรุตาผละจากโลกส่วนตัวหันขวับไปหาเจ้าของเสียง ซึ่งยืนกอดอก พิงผนัง ด้านหลังนั่นเอง
“สะ...สวัสดีค่ะ พี่เอื้อม วันนี้เข้าเช้านะคะ เหอะๆ”
“พี่เห็นเราเดินเล่นมือถือตั้งแต่ตอนเดินเข้าประตูแล้ว ไม่สนใจคนอื่นเลยนะ”
“อ้าว พี่เอื้อม เห็นกวางด้วยเหรอคะ” รุ่นน้องพยายามคุมสติเมื่อพูดคุยกับรุ่นพี่ระดับหัวหน้า
“เห็นตั้งแต่ลงวินรับจ้างแล้วล่ะ ใส่กระโปรงแล้วนั่งคร่อมไปได้ ไม่กลัวโป๊หรือไง”
“ชินแล้วล่ะค่ะ กวางใส่กางเกงขาสั้นไว้ข้างใน รู้ว่าต้องขึ้นนั่งยังไง ไม่ให้โป๊” ต่อปากต่อคำเก่งจริงนะ ตัวแค่นี้
“แหม ๆ ความสามารถพิเศษ มีใครบอกมั้ยว่าเราเนี้ย ทั้งห้าว ทั้งนิสัยแปลกๆ”
“ก็เยอะแยะค่ะ ถือเป็นคำชมไปในตัว” ศรุตายืดอกทำท่าทางภูมิใจ เอื้อมพัฒน์ถึงกับหลุดขำ
“ทำอย่างนี้! แฟนไม่ว่าอะไรเหรอ!”
“แฟนไม่มีค่ะ โสด เดี๋ยวนะ...พี่เอื้อมถามว่าอะไรนะคะ”
ติ๊ง!
เอื้อมพัฒน์ไหวไหล่กว้างแล้วเดินนำหน้าออกจากลิฟต์ ศรุตาได้แต่มองตามหลัง ยืนอ้าปากค้าง รู้สึกได้ถึงความอุ่นพลุ่งพล่านบนใบหน้า อาการขัดเขินแบบเด็กวัยรุ่นที่มีต่อผู้ใหญ่ มันเป็นเช่นนี้เองหรือ
‘ศรุตา เธอเขินเหรอเนี่ย อย่า ๆ พี่ (เกิน) เอื้อมเขาคงแซวไปเรื่อยแหละ’
เอื้อมพัฒน์ในห้องทำงานส่วนตัวเปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน ไล่เช็คอีเมล เอกสารต่างๆ บนโต๊ะ กราฟจอตลาดหลักทรัพย์ พลิกหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษตามปกติ
Kwang Sarutar
เขาค้นหาสิ่งที่บังเอิญสังเกตเห็นเมื่อครู่ แม้ว่าเจ้าของบัญชีผู้ใช้จะตั้งค่าความเป็นส่วนตัวไว้ ชายหนุ่มก็ไม่ละความพยายามไล่ดูรูปถ่ายและข้อความต่างๆ ที่เพื่อนๆ ส่งมา (ตั้งค่าสาธารณะ) รุ่นน้องคนนี้ไม่ใช่สาวดาวคณะ ไม่ใช่เชียร์หลีดเดอร์มหาวิทยาลัยและไม่ใช่นักศึกษาประเภทเมรีขี้เมาหัวราน้ำ ชอบเที่ยวกลางคืนจนเป็นนิสัย ทว่าเธอเป็นนักกิจกรรมเพื่อส่วนรวมตัวยงไม่ว่าจะเป็นจิตอาสาทั้งในและนอกสถานที่ เอื้อมพัฒน์นั่งไล่ดูอย่างเพลินตาแล้วแอบยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ช่างเป็นผู้หญิงที่แปลก หรือเขาต่างหากล่ะที่แปลกตะลอนราตรีตามหาสาวๆ ไปเรื่อย
‘ใครจะไปแซ่บ เหมือนรุ่นพี่ที่โรงแรมที่แกไปฝึกงานล่ะ’
‘เห็ดสด ขอให้ได้ขอให้โดนนะ โชคดีนะแก’
‘เดี๋ยว ๆ นะ อะไรของพวกแก ฉันแค่บอกว่าพี่เขาหล่อดี ไปกันใหญ่แล้ว อีพวกนี้!!!’
เสียงหัวเราะหึหึจากลำคอดั่งผู้มีชัย แววตาเป็นประกาย เอื้อมพัฒน์ค่อย ๆ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ อีกฝ่ายได้ตกหลุมเสน่หาของเขาด้วย ภายใต้ความเป็นตัวของตัวเองแบบสาวศรุตามีบางอย่างน่าสนใจไม่ใช่น้อยหรือเพลย์บอยใกล้จะพ่ายหัวใจให้เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง
‘ที่นี่ไม่มีแซ่บกว่าพี่เอื้อมคนนี้แล้วล่ะจ๊ะ’
ตลอดวันนักศึกษาสาวเหม่อลอยบางช่วงบางคราว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คำถามที่รุ่นพี่ (เกินจะ) เอื้อมคนนั้นยังดังก้องย้อนไปมาในหัวตลอดเวลา เอื้อมพัฒน์เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดให้สนใจอย่างบอกไม่ถูก สาว ๆ ทุกคนคงหัวใจหลอมละลายไปตาม ๆ กัน เธอเฝ้าเตือนสติตัวเองว่าอย่าไปคิดคาดหวังเรื่อยเปื่อยอันใดมากเกินความจำเป็น
‘ไม่เอานะ ศรุตา ตื่นค่ะ ตื่น อย่าลืมสิ ดาราแทร่าคนนั้น แม่ก็คือแม่นะ’
“หนูกวางถือแฟ้มอันนี้ไปให้ในครัวหน่อยสิ ให้วินหรือเอื้อมก็ได้นะ” รุ่นพี่แผนกเดียวกันไว้วาน
“คะ...ค่ะ ได้ค่ะ” ศรุตารับแฟ้มด้วยมือไม้สั่น แข้งขาเบาหวิวไม่มีแรง
ห้องครัวกว้างขวาง โอ่โถง สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อยแบบเดียวกับรายการอาหารที่เคยดูผ่านตามาบ้าง พ่อครัวชุดขาวสองสามคนกำลังขะมักเขม้นอยู่หน้าเตาที่ไฟลุกโชน โดยมีเอื้อมพัฒน์เดินดูกำกับอย่างเคร่งเครียด
“ว่าไงจ๊ะ น้องกวางมาทำอะไร” เสียงของรวินทร์จากข้างหลัง
“เอาเอกสารมาส่งค่ะพี่วิน”
“กำลังรออยู่พอดี เอามาเลย ๆ” เอื้อมพัฒน์หันขวับเดินปรี่ตรงเข้ามาฉับพลัน คว้าแฟ้มเอกสารเปิดแบบขอไปทีผ่าน ๆ แล้วยัดใส่มือเพื่อน
“ใช่จริง ๆ ด้วย มึงไอ้วินเอาไปตรวจดูนะ แล้วไปวางที่โต๊ะกูในห้องด้วย ไป ๆ เกะกะ” เขาโบกมือกลางอากาศ
“ขอบคุณนะคะ น้องกวาง ช่วยพี่ได้เยอะเลย เดี๋ยวไว้พี่พาไปเลี้ยงของอร่อยนะจ๊ะ”
คนร่างสูงอกผึ่งผ่าย พูดจาหว่านล้อมด้วยคำหวานละมุน ก้มหน้าลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเด็กฝึกงาน ภายใต้คิ้วเข้มหนาคู่นั้นกับม่านตาสีดำสองชั้นหลบในแต่ช่างคมลึกบาดใจ ฉายประกายดั่งจะคว้ามากลืนกิน ขยิบตาข้างหนึ่งให้ ก่อนพลิกบทบาทกลับสู่โหมดทำงานอีกครั้ง
“ไปถึงไหนกันแล้วเนี้ย! จะนานเกินแล้วนะเฮ้ย!” หัวหน้าครัวเสียงดังกระตุ้นการทำงาน
ขณะนั้นศรุตาได้แต่ยืนตัวแข็งนิ่ง สมองขาวโพลนเหมือนเคว้งคว้างอยู่ในภวังค์ การได้ประสานสายตากับรุ่นพี่ที่แอบปลื้ม ร่างกายอ่อนปวกเปียกไปหมด
‘ทางกลับหอไปทางไหน พาหนูกลับไปที จำทางไม่ได้แล้ว!’