หลังจากที่คุณหญิงพรทิพย์ได้คุยกับลูกชายแล้วไททันก็ตกลงที่จะชวยเรื่องของน้ำอิงแต่เขามีข้อแม้ว่าต้องทำตามแผนที่เขาบอกเท่านั้น เรื่องนี้คุณหญิงพรทิพย์ได้ปรึกษากับคุณหญิงอรวีแล้วทางนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรเขาตกลงที่จะทำตามแผนของไททัน
กลับมาที่ปัจจุบัน
หลังจากที่คุณหญิงอรวีและคุณพิภพโทรหาลูกสาวแล้วพวกเขาก็ขึ้นเครื่องบินไปฮันนีมูนตามประเทศต่างๆทันที
ด้านน้ำอิงยังคงพยายามโทรติดต่อพ่อแม่ของตนตั้งแต่เช้ายันมืดแต่โทรอย่างไงก็ไม่มีใครรับสาย
จนน้ำอิงเริ่มถอดใจเธอต้องยอมรับความจริงแล้วล่ะ
"เอาไงดีล่ะที่นี้จะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ ตังค์ก็เหลือแค่ไม่กี่หมื่นแล้วไหนจะค่าเช่าคอนโดค่าน้ำค่าไฟอีก รวมรวมแล้วน่าจะเดือนละสองหมื่นกว่า โอ๊ย ยัยน้ำอิงคิดสิคิด"
ความจริงแล้วคอนโดที่น้ำอิงอยู่พ่อกับแม่ของเธอซื้อไว้ตั้งนานแล้วแต่ไม่ได้บอกเธอน้ำอิงเลยไม่รู้ว่าไม่ต้องจ่ายค่าเช่า
"โอ๊ยฉันเครียดจังเลยโทรหาเพื่อนไปเที่ยวดีกว่า" ไม่คิดได้อย่างนั้นน้ำอิงก็ต่อให้สายหาเพื่อนสนิท
"ฮัลโหลก้อยวันนี้ออกไปเที่ยวไหม"
"ได้สิเจอกันที่เดิมนะ"
ที่เดิมที่พวกเธอหมายถึงก็คือที่ผับ one night
เมื่อน้ำอิมมาถึงก็พบกับก้อยที่กำลังรอเธออยู่ที่โซน VIP
"สั่งอะไรดื่มก่อนสิ"
ก้อยเรียกพนักงานมา
"ขอน้ำส้มแก้วนึงค่ะ"
"อ้าวไหนวันนี้ดื่มน้ำส้มล่ะถ้าไม่ดื่มเหล้าแล้วแกจะชวนฉันออกผับมาทำไมเนี่ย"
"พอดีมีเรื่องให้เครียดน่ะก็เลยออกมาฟังเพลงคลายเครียดซะหน่อย"
"คุณหนูอย่างแกมีเรื่องอะไรให้เครียดย๊ะงานการก็ไม่ต้องทำขอเงินพ่อแม่ใช้ไปวันๆฉันนี่สิมีเรื่องน่าเครียดกว่าแกเยอะ" ก้อยพูดเชิงประชดเพื่อน ความจริงหล่อนไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับน้ำอิงหรอกแต่หล่อนไม่มีทางเลือกก็น้ำอิงรวยนิแถมยังโง่อีก
หล่อนขออะไรบอกว่าชอบอะไรเธอก็ให้ทุกอย่างแถมยังเลี้ยงนูนเลี้ยงนี่ตลอด ในเมื่อชอบอวดรวยดีนักหล่อนก็เลยสนองความต่องการให้ด้วยการปลอกลอกไปเดือนละไม่ต่ำกว่า สามหมื่นบาท
"ฉันคิดว่าฉันต้องหางานทำแล้วล่ะ" น้ำอิงทำหน้าเสร้าเธออยากละบายความทุกกับใครสักคน
"อ้าวทำไมล่ะ โดนที่บ้านตัดเงินเดือนอีกแล้วหรอไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า แกไปอ้อนแม่นิดๆหน่อยๆก็ได้คืนแล้วเหมือนทุกครั้งไง" น้ำอิงเคยโดนที่บ้านตัดเงินโทษฐานที่ไม่ยอมกลับบ้าน ก้อยเลยคิดว่าคงจะเป็นเหมือนทุกครั้งนั้นแหละ
"ตอนรอบนี้ไปมาใช่แบบนั้นน่ะสิ"
"แล้วมันเป็นแบบไหนล่ะ คืออะไรฉังงไปหมดแล้ว"
"คือว่าถ้าฉันบอกแกไปแกอย่าไปบอกเรื่องนี้กับใครนะ"
"เออ พูดมาเลย" ก้อยอยากรู้เต็มแก่แล้ว
"ที่บ้านฉันล้มละลายแม่เพิ่งมาบอกเมื่อเช้าเอง บัตรเครดิตบัตรเอทีเอ็มโดนระงับหมดเลย ตอนนี้ฉันติดต่อใครไม่ได้เลยฉันเหลือแค่แกคนเดียวแล้วก้อยช่วยฉันหน่อยนะ" น้ำอิงทำท่าเหมือนจะร้องไห้
"ห้ะ ว่าไงนะที่บ้านแกล้มละลายงั้นหรอ" น้ำอิงพยักหน้า
"แล้วตอนนี้แกเหลือเงินเท่าไร"
'จะพอจ่าค่าเหล้าคืนนี้ไหมเนี่ย ไม่ใช่มาเดือดร้อนกูนะ'
"เหลือไม่เท่าไรแล้ว"
"แล้วมันเท่าไรล่ะ" ก้อยขึ้นเสียงใส่น้ำอิง
"ไม่กี่หมื่น" อ่อก็ยังดีน่าจะพอจ่ายค่าเครื่องดื่มอยู่
"งั้นเอางี้นะ แกรีบไปหาสมัครงานซะ ฉันคงช่วยอะไรแกไม่ได้หรอกเพราะฉันก็ไม่มีเงินเหมือนกัน งั้นฮันกลับก่อนนะ ออแล้วก็อย่าลืมจ่าบค่าเครื่องดื่มให้ฉันด้วยล่ะ แล้วคราวหน้าถ้าไม่มีเงินไม่ต้องชวนมานะเสียเวลา" ก้อยแบ๊ะปากใส่น้ำอิงแล้วกำลังจะเดินจากไป
ทิ้งให้น้ำอิงที่ฟังอยู่นั่งอึ้งอยู่คนเดียว เมื่อกี้คนที่พูดใช่เพื่อนเธอจริงๆหรอ เพื่อนที่เธอรักมากช่วยเหลือมาตลอด แต่ทำไมตอนนี้ตอนที่เธอลำบากเพื่อนรักของเธอทำเหมือนคนเกลียดกันเลยล่ะ
น้ำอิงที่ได้ยินเพื่อนรักพูดมเหมือนมีอะไรจุดอยู่ในอกเธอจุกจนพูดไม่ออกเลย
"นี่น่ะหรอเพื่อคนรักของฉัน ดีนั้นวันนี้เราขาดกัน วันที่ฉันไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่เพื่อนอย่างแก แต่ฉันไม่เสียดายเลยนะที่ได้เสียเพื่อนแบบแกไป"
"แกคิดว่าฉันอยากเป็นเพื่อนกับแกนักหรออีคุณหนูเอาแต่ใจ ไปไหนมาไหนกับแกฉันก็ต้องคอยช่วยถือของให้แกตลอดต้องคอยเอาอกเอาใจแกติดว่าฉันอยากทำมากนักหรอ " ก้อยตะโกนใส่น้ำอิง
ฮึก น้ำอิงจุกกว่าเดิมซะอีก
"แล้วใครใช้ให้แกทำล่ะ แกทำเองไม่ใช่หรอฉันไม่เคยบอกเลยนะ"
"แต่แกก็ไม่เคยปฎิเสธเลยนิออกจะชอบซะด้วยซ้ำ ทำเป็นซื้อของให้เพื่อเป็นค่าตอบแทน เห็นว่าฉันจนหน้อยก็ เอาเงินมาฟาดหัวฉันหวังให้ฉันเป็นขี้ข้าให้ หึจบกันสักที ดูสิถ้าแกไม่มีฉันเป็นเพื่อนแล้วใครจะคบคนอย่างแก"
"คนอย่างแกถ้าไม่มีเงินฉันคงไม่ทนคบแกเป็นเพื่อนหรอกนะจำไว้" ก้อยเดินมาพูดใกล้ๆหูของเมษา
พูดจบก้อยก็เดินออกไป
น้ำอิงที่ได้ฟังตอนนี้เธอผิดหวังกับเพื่อนมาก ความหวังดีและความจริงใจของเธอมันทำให้ก้อยคิดมากขนาดนี้เลยหรอ
'ช่างเถอะเพื่นที่คบกันเพราะเงินตัดขาดกันไปฉันไม่เสียดายหลอก"
น้ำอิงยังคงนั่งฟังเพลงที่ผับคนเดียวต่อไป
'วันนี้มันวันซวยอะไรเนี่ยทำไมชีวิตฉันมันถึงไม่แย่ขนาดนี้'
หลังจากน้ำอิงฟังนั่งเพลงจนพอใจเธอก็กลับคอนโด ไปนอนคิดว่าจะเอาอย่างไงกับชีวิตของตัวเองในตอนนี
"ทำไมฉันถึงไม่มีญาติพี่น้องนะ เกิดเป็นลูกคนเดียวนี่มันลำบากใจริงๆเลย"น้ำอิงนั่งคิดนึกสมเพชกับชีวิตของตัวเอง
เช้าวันต่อมา
ร่างบางงัวเงียตื่นขึ้นหลังจากเมื่อคืนเธอคิดอยู่ทั้งคืนว่าจะเอาอย่างไงตอนนี้เธอตัดสินใจได้แล้วว่าเธอจะไปหาสมัครงาน อย่างน้อยเธอก็มีวุฒิการศึกษา แถมยังจบจากต่างประเทศอีกด้วย ถึงจะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานก็เถอะ
"เอาวะลองดูไม่มีอะไรที่คนอย่างฉันทำไม่ได้อยู่แล้ว"
.
.
.
สู้ๆนะลูกสาว ฝากเป็นกำลังใจให้น้ำอิงด้วยนะคะ