ชีวิตบัดซบ
“นับเอ๊ย แกเห็นเสื้อสีฟ้าของพี่ไหม ที่ให้เอาไปซักเมื่อสามวันก่อน ทำไมมันยังไม่กลับมาที่ห้องของพี่ รู้ไหมพี่ต้องใส่ไปทำงานวันนี้นะ” เสียงเอ็ดอึงของศจีทำให้สาวน้อยที่ชื่อนับเดือนทิ้งฟองน้ำที่กำลังขัดล้างจานชามเอาไว้ในซิงก์น้ำเหมือนเดิม
“ค่ะ” เธอรีบตะโกนกลับไปในทันที ก่อนจะวิ่งตัวปลิวเข้าไปหาศจีถึงในห้องนอนของเธอ
“อยู่ในตู้น่ะค่ะพี่” เธอเอ่ยบอก ก่อนจะเช็ดมือที่เปียกไปกับผ้ากันเปื้อนที่สวมอยู่ไปพลาง แล้วตรงไปเปิดตู้ที่เธอแขวนเสื้อตัวที่พี่ศจีถามหา
“เออ... หาอยู่ตั้งนาน” เธอรู้ว่าพี่สาวแสร้งพูดไปแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่จริงตัวศจีเองก็ยังคงไม่ได้หาเป็นแน่
“มาก็ดีแล้ว ช่วยรูดซิปชุดนี้ให้พี่หน่อย” ศจีหันหลังให้ นับเดือนรีบลงมือทำอย่างรวดเร็ว
“เย็นนี้พี่มีงานเลี้ยงที่ทำงาน บอกแม่ด้วยนะว่าพี่จะกลับดึก” พี่สาวแอบกระซิบ เพราะรู้ว่าคุณสุดใจหวงนักหวงหนา แต่ศจีก็ทำตัวออกนอกลู่นอกทางอยู่เรื่อย ๆ
นับเดือนพยักหน้าให้ ก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้อง เพราะอีกเสียงหนึ่งกำลังเรียกเธออย่างดังอยู่ข้างนอกห้อง
“ไอ้นับ... พี่บอกแล้วว่าให้ร้อยสายเชือกรองเท้าให้พี่เลย ซักแล้วแกก็ต้องทำกลับมาให้มันเหมือนเดิมสิ โอ้ย... เนี่ย พี่ต้องไปแล้วนะ” เขาตะโกนสุดเสียง โวยวายดังตามนิสัย
นับเดือนเดินแกมวิ่งมาถึงที่ตัวเขาอย่างรวดเร็ว พี่ธรรณ์ยื่นเท้าที่ใส่อยู่ในรองเท้าเรียบร้อยมาตรงหน้า
“เร็ว ๆ เลยแก” ท่าที่ยกเท้าชี้มาตรงหน้าของเธอ ทำให้นับเดือนสะท้อนขึ้นในหัวใจ เธอก็บอกตัวเองนะว่าชินได้แล้ว แต่ตั้งแต่เธอจำความได้ เธอก็เป็นเหมือนทาสในบ้านหลังนี้
“วันนี้พี่จะเอามอเตอร์ไซค์ไป นับช่วยล้างรถยนต์พี่ดูดฝุ่นข้างในด้วยนะ เมื่อวานไอ้เดมันเมามากมายอ้วกใส่รถพี่เต็มรถเลย กลับมาให้เนี้ยบเลยนะโว้ย” พูดจบธรรณ์ก็โยนเงินให้เธอร้อยหนึ่ง นับเดือนมองแบงก์แดง ๆ ที่หล่นอยู่ข้าง ๆ ตัว เธอหยิบมันมากำเอาไว้ แล้วเงยหน้ามองขึ้นสบตากับเขา
“เอาไปซื้อน้ำหอมนะ มาฉีดในรถให้พี่ด้วย แล้วอย่าลืมนะ เปิดประตูรถทิ้งเอาไว้สักชั่วโมงสองชั่วโมง จนแน่ใจว่ากลิ่นอ้วกมันหายนะ รู้ไหม” เขาสั่งได้สั่งดี เธอได้แต่พยักหน้า มองตามร่างพี่ชายที่เดินหายออกไปจากประตูบ้าน
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง... เสียงโทรศัพท์กลางบ้านดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ บ้านทนายธนาค่ะ” นับเดือนรีบบอก
“ยายนับ ป้าลืมบอกแก เอาจานชามที่อยู่ในตะกร้าสามสี่ตะกร้าใหญ่ ออกมาล้างแล้วเช็ดให้แห้งนะ พรุ่งนี้บ้านนายอำเภอเขาจะเข้ามายืม ป้ารับปากเขาไว้แล้วก็ลืม อีกอย่างฉันไม่อยู่นี่สามสี่วัน แกดูแลลูก ๆ ของฉันด้วยนะ”
ป้าสุดใจสั่งงานเธอเหมือนลูก ๆ ของป้านั้นเป็นเด็ก ๆ ทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็อายุมากกว่าเธอตั้ง สี่ห้าปี ป้าและลุงไปทำธุระที่ภูเก็ตสี่วัน ยังไม่ทราบกำหนดกลับ
“ค่ะ...” เธอรับคำออกไป ก่อนจะถอนหายใจออกมา ป้าสุดใจวางสายโดยที่ไม่ได้ร่ำลาอะไร นับเดือนทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง
“ทำงาน ทำงาน ทำงาน เห็นนับเป็นทาสกันหรือไง” เด็กสาวพูดออกเสียงอย่างคนมีอารมณ์ น้ำตาค่อย ๆ รื้นขึ้น
“แม่จ๋า กลับมารับหนูเสียทีสิคะ นับไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว แม่อยู่ไหน” เธอพูดอยู่กับตัวเอง ยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลรินมากระทบที่ข้างแก้มนวล
พ่อของเธอโดนยิงตายตอนที่เธออายุได้เพียงห้าขวบ แม่ก็เลยพาเธอมาฝากไว้กับลุงธนาพี่ชายของพ่อ ก่อนจะหายไปจากชีวิตของเธอนับตั้งแต่บัดนั้น
“แม่จะมารับนะนับ อยู่กับลุงกับป้าห้ามดื้อ ไว้แม่พอมีเงินทองแล้วแม่จะมาพาหนูไปอยู่ด้วย” ผู้เป็นแม่พูดขึ้นด้วยน้ำตานองหน้า
“แม่จ๋า แม่จะมาจริง ๆ นะ” เด็กหญิงตัวน้อยขอคำมั่น ยกมือน้อย ๆ นั่นจับใบหน้าของแม่เอาไว้ก่อนจะบรรจงเช็ดน้ำตาให้ ตั้งแต่พ่อเสียแม่ก็ได้แต่ร้องไห้ทุกวัน
“นารีจะไปอยู่ที่ไหน ไปทำมาหากินอะไร” เสียงลุงธนาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง นับเดือนหันไปมองตามเสียง เธอเห็นหน้าผู้เป็นป้าสะใภ้หน้าตาบูดบึ้ง ป้าจ้องมองมาทางสองแม่ลูกใบหน้าแสดงความไม่สบอารมณ์
“ไปทำงานที่ร้านอาหารที่หาดใหญ่น่ะพี่ เพื่อนเก่าที่ฉันพอจะรู้จักเขาฝากให้น่ะพี่ ฉันไปทำงานเป็นกุ๊ก พี่ธนา พี่สุดใจจ๋า” คุณแม่เรียกพี่ทั้งสองคน
“ฝากดูเจ้านับมันด้วยนะ หากฉันทำงานอยู่ตัวแล้วจะรีบมารับลูก” เธอยกมือไหว้ปลก ๆ มองหน้าของลูกสาวตัวน้อย ๆ น้ำตาร่วง
“ให้มันจริงเหอะ ไม่ใช่อยู่ดีมีสุขแล้วก็มาทิ้งเจ้านับไว้ที่นี่นะ ลำพังลูกเราสองคนก็ลำบากพอดู อีกอย่างตอนนี้ฉันก็ตกงานอยู่เหมือนกัน ลำพังเงินรายได้จากการว่าความที่ไม่แน่นอนของพี่ธนาก็แค่จุนเจือในบ้าน” ป้าสุดใจพูดโพล่งออกมาแทบทันที
“จ้ะพี่ ฉันไม่ทิ้งลูกของฉันแน่ ๆ” นารีรีบรับปากรับคำ หันมากอดลูกสาวตัวน้อยไว้แนบอก เด็กน้อยรู้ตัวว่าจะต้องถูกผู้เป็นแม่ทอดทิ้ง กอดรัดร่างของแม่ยึดเอาไว้แน่น ลุงธนาเดินเข้ามาหา ก่อนจะจับมือของเธอให้ง้างออก แล้วยกตัวเธอเอาไปอุ้มไว้ทั้งตัว
“ตั้งใจทำมาหากินนะ ดูแลตัวเองดี ๆ ไม่ต้องห่วงนับเดือนมันหรอก มันเป็นหลานพี่จะดูแลให้ได้ดีที่สุด ส่งข่าวมาบ้างนะ” พี่ธนามองหน้านารีก่อนจะพยักหน้าเหมือนไล่ให้ไปได้แล้ว
เด็กหญิงนับเดือนเริ่มร้องไห้จ้า ผู้เป็นลุงรีบเดินพาเธอออกไปทางหลังบ้าน ชักชวนให้เด็กน้อยดูนกดูไม้
เสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังไกลออกไปเรื่อย ๆ นับตั้งแต่วันนั้น นับเดือนไม่เคยได้ข่าวคุณแม่ของเธออีกเลย
“หาดใหญ่ไหมน้อง หาดใหญ่ครับ รถจะออกแล้วนะครับ หาดใหญ่ หาดใหญ่” เสียงชายหนุ่มเรียกรับผู้โดยสารที่สถานีขนส่งกระบี่
นับเดือนวิ่งกระหืดกระหอบแทรกตัวขึ้นไปบนรถด้วยท่าทีที่แสนจะเหน็ดเหนื่อย เส้นผมเปียกชื้นด้วยเม็ดฝนที่โปรยปรายลงมาปรอย ๆ เธอกระชับเป้ไว้ที่หน้าอกแน่น แล้วเดินไปนั่งด้านหลังสุดที่มีที่นั่งว่างอยู่ พอได้หย่อนตัวลงหญิงสาวก็ถอนลมหายใจออกมาช้า ๆ ไม่กี่อึดใจรถบัสคันใหญ่ก็เคลื่อนตัวออกจากสถานี