บทที่ 4 รับคำขอโทษเป็นจูบเท่านั้น

1632 Words
บทที่ 4 รับคำขอโทษเป็นจูบเท่านั้น จุดเกิดเหตุระหว่างรอยต่อสองอำเภอ… “ ทุกคนแยกย้ายกันไปดูแลคนเจ็บนะขั้นแรกคือปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปก่อนนะ ถ้าใครสะดวกจะขึ้นไปกับรถพยาบาลก็ไปได้แล้วโทรมาบอกด้วยนะ จะได้ไปรับ ” หมวดขิงพูด ซึ่งคนที่ดูแลพวกเราในฐานกับหมวดแก้วอีกคน “ รับทราบค่ะ ” ยกมือขึ้นวันทยหัตถ์แล้วพากันแยกย้ายไปดูคนเจ็บ ทางที่ฉันเดินไปใกล้เป็นคูน้ำและมีร่องรอยไฟไหม้ น่าจะเกิดจากแรงระเบิดแหละเพราะมีกลิ่นไหมด้วย ที่พวกเราอยู่ตอนนี้ มีทั้งทหารเขียว ทหารพรานชุดดำทั้งหญิงและชาย ตำรวจ พยาบาลเต็มไปหมด ส่วนน้อยที่เห็นชาวบ้านที่จะวิ่งวุ่นวายไปหมดและคนที่บาดเจ็บส่วนมากก็คือชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยจะเห็นนะ นี่คงไม่ใช่เหตุปะทะแต่เป็นคาร์บอมบ์แน่ๆ ที่วางแถวถนนแล้วกดชนวนไม่ก็ตั้งเวลาไว้ แล้วตรงนี้มันก็เป็นตลาดยามค่ำด้วยสิ และมีมหาวิทยาลัยใกล้ๆ ก็ว่าอยู่มีนักศึกษาด้วยที่บาดเจ็บ จริงๆ ตลาดยามค่ำคืนแบบนี้ไม่น่ามีนะ มันจะได้ลดความเสี่ยงลง เห้อ! “ หลีกทางหน่อยๆ ” เสียงนี้ดังตะโกนมาจากข้างหน้าฉัน ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์ความคิด แล้วหลีกทางให้รถเข็นผู้บาดเจ็บ แต่ขาดันเกิดพลิกแพลงเพราะก้าวพลาด “ อุ้ย! ” ทำได้แค่หลับตาลงเพราะคิดว่าคงช่วยตัวเองไม่ทันแล้ว มันเกิดขึ้นไวมาก ‘ พรึ่บ ’ รู้สึกว่ามีวงแขนแกร่งใครบางคนมารับไว้ “ เป็นอะไรไหมครับ ” เสียงนี้คุ้นหูมาก รีบลืมตาขึ้นทันที “ พี่วิษ ” “ เวย์ เวย์เหรอ พี่ไม่ได้ตาฝาดใช่ไหมเนี่ย ” “ อ้าว พี่ไม่ได้รู้แต่แรกเหรอคะว่าเป็นน้องอะ ” “ พี่เดินมาแถวนี้พอดี ดูแสงสิสลัวไม่ได้สว่างจ้า พี่ไม่รู้เลยว่าคือน้องตั้งแต่ทีแรก พี่เห็นพี่ก็แค่เข้ามาช่วยเองน่ะ ” “ อ๋อ ขอบคุณค่ะ ปล่อยได้แล้วค่ะ ” วงแขนแกร่งจากที่กอดหลวมๆ ก็รัดแน่นขึ้น “ หอมแก้มพี่ก่อน ” “ พี่วิษ จะบ้าเหรอคะ? คนออกจะเยอะแยะ ” “ จะบ้าก็บ้ารักแหละ คิดถึง ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวจริงเร็วขนาดนี้ ทั้งที่เพิ่งแยกจากกันไม่นาน เพิ่งวางสายจากกันด้วย ฟอด~ ฟอด~ ” คนตัวสูงพูดจบก็กดจมูกลงบนแก้มนวลทันที “ พี่วิษอะ ปล่อยน้องเลยนะคะ อย่าทำแบบนี้ เดี๋ยวคนอื่นก็มาเห็นหรอก ไม่เอาพี่วิษ น้องจะโกรธจริงๆ แล้วนะคะ ” มือบางทุบอกอีกคนไปด้วย เขาเหมือนจะชอบใจ ส่งยิ้มร่า ไม่ยอมปล่อยกอดสักที “ แค่แป๊บเดียวเอง ให้พี่หายคิดถึงหน่อย ” “ เขาให้มาช่วยคนบาดเจ็บนะคะ ไม่ใช่ให้มายืนจู๋จี๋กันสักหน่อย ” “ ครับ พี่รู้แล้ว ให้พี่แตะปากสักนิดแล้วพี่จะปล่อย โอเคไหม ” “ จะจูบเหรอคะ ไม่เอาหรอก อายเค้า พี่วิษอะ ปล่อยน้องเถอะ ” “ ไม่ได้จูบ พี่แค่จะให้ปากชนกันเอง ” “ พี่วิษขอร้องล่ะ ไม่ทำแบบนี้นะคะ เดี๋ยวคนอื่นก็มาเห็นหรอก ” “ งื้อ~ นะๆ ครั้งเดียว ไม่จูบ แค่ชนกันเองนะๆ ” เขานี่นะ มันได้ทุกสถานการณ์จริงๆ “ จริงๆ นะ รีบทำแล้วรีบแยกย้ายกันไปช่วยคนเลย ” ใจอ่อนอีกแล้ว “ ครับผม ” เขารับปาก แล้วปล่อยกอดจากฉัน ใบหน้านวลก็เงยขึ้นนิดๆ เพราะอีกคนตัวสูง เขาก็โน้มหน้าลงมา “ เวย์ ยัยเวย์ แกอยู่ไหน ” ฉิ-หายแล้ว มือบางรีบผลักอกคนตัวสูงทันที ทำให้พี่เขาเซถอยไปสองก้าวด้วยใบหน้างงๆ “ น้องผลักพี่ทำไมครับ ” พี่วิษพูดแล้วก้าวเท้าจะมาใกล้แต่ฉันถอยห่างเป็นจังหวะที่เพื่อนเดินมาถึงทันที “ อยู่นี้นี่เอง เรียกไม่ยอมขาน ” “ มะ…มีอะไรเหรอ ” ปากก็ถามเพื่อนแต่สายตาหันไปเหลือบมองพี่วิษด้วย ที่ทำหน้าไม่ค่อยพอใจอยู่เนืองๆ “ ก็เห็นแกหายไป เลยมาตาม ว่าแต่รู้จักกันเหรอ? ” เอาแล้วไง ยัยกระต่ายเสียด้วยที่มาตาม นางคงถามจนกระจ่างอีกแน่ “ เปล๊า….ไม่รู้จัก ” มือยกขึ้นส่ายไปมา พร้อมน้ำเสียงสูงออกไป “ แล้ว… ” กระต่ายมองฉันที มองพี่วิษที พร้อมใบหน้าที่ยังสงสัย “ เอ่อ…พี่เขาช่วยฉันไว้นะ เมื่อกี้ฉันจะสะดุดล้ม แหะๆ ” “ อ๋อ สวัสดีค่ะ ฉันเพื่อนยัยเวย์นะคะ ขอบคุณที่ช่วยเพื่อนฉันนะคะ ยัยนี่ซุ่มซ่ามประจำแหละค่ะ อิอิ ว่าแต่พี่ชื่ออะไรเหรอคะ? พี่หล่อจัง เป็นตำรวจแถวไหนคะ ” เอาแล้วๆ มีอะไรก็ไม่เคยเก็บไว้ในใจ จะพูดสิ่งใดออกไปก็พูดทันที ยัยกระต่ายนี่นะ “ กระต่าย แกจะไปอยากรู้จักชื่อพี่เขาทำไมกัน ” ฉันรีบห้ามเพื่อนทันที ไม่อยากให้เพิ่อนรู้จักไง ส่วนพี่วิษตอนนี้ยืนเท้าสะเอวไม่ยอมพูดจา ดูหัวเสียมากๆ “ อ้าว ทำไมถามไม่ได้อะ ผู้มีพระคุณของแกนะยัยเวย์ หากเจอกันที่อื่นก็จะได้ทักทายเรียกขานถูกไง ” “ ไปเถอะ ฉันขอบคุณพี่เขาแล้ว ” พูดพร้อมดึงแขนเพื่อน แต่นางสะบัดจนหลุด “ ว่าไงคะ พี่ชื่ออะไรเหรอพี่ตำรวจ ” ยังคงจะยืนกรานถามให้ได้ “ พี่เขาชื่อวัฒน์ ” “ วิษ… ” ซวยแล้วดันพูดพร้อมกันแบบไม่เตรี๋ยมมาก่อนอีก ฉันกะจะบอกชื่ออื่นไป เวลายัยกระต่ายเจอแล้วเรียกพี่วิษจะได้ไม่หันไปไงเพราะไม่รู้เรียกใคร แต่พี่วิษก็เนอะดันพูดออกมาอีกและแล้วเราสองคนก็มองตากันทันที “ สรุปชื่ออะไรเหรอ ยัยเวย์แกดูลนลานเหลือเกินมีอะไรหรือเปล่า แล้วพี่เขาชื่อวัฒน์เหรอ? แต่เมื่อกี้ได้ยินพี่เขาบอกว่าชื่อวิษนะ ” “ ผมมีสองชื่อครับ งั้นขอตัวก่อนแล้วกัน สะดวกจะเรียกชื่อวิษหรือวัฒน์ก็แล้วแต่เลยครับ ” พูดจบพี่วิษก็เดินจากไป แต่ประโยคที่พูดเมื่อกี้เหมือนจะประชดชันฉันด้วยนะ เน้นคำว่าวัฒน์เหลือเกิน งอนชัวร์~ โอ๊ย จะบ้าตุย>< “ ว่าแต่… ” “ ไปๆ ไปหาเพื่อนคนอื่นกันเถอะ ” ฉันไม่ปล่อยให้กระต่ายได้ถามต่อ ก็ดันหลังเพื่อนสาวให้เดินไปทันที หลังจากนั้นก็สี่ทุ่มครึ่ง คนบาดเจ็บก็ส่งขึ้นรถไปหมดแล้ว เพื่อนๆ ที่มาจากฐานฉันก็มีไปกับรถพยาบาลแล้วด้วย และเพื่อนสาวทั้งสองคนก็ไปด้วย ฐานฉันเลยเหลือแค่สี่คน มีฉันกับรุ่นพี่ที่ยังอยู่ในจุดเกิดเหตุ เห็นว่าไม่มีอะไรแล้วเลยล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดโทรหาใครบางคน น่าจะงอนตุบป่องไปแล้ว (“ อืม ”) ปลายสายส่งน้ำเสียงเย็นชามาทันที (“ พี่กลับยังคะ อยู่ตรงไหนเหรอ ”) (“ กำลังจะกลับ ”) ครับไม่มีต่อท้ายประโยคเลย ขี้งอนไม่ไหว (“ น้องกำลังล้างเนื้อล้างตัวที่ห้องน้ำในตลาดค่ะ มาหาหน่อย ”) (“ อยู่กับเพื่อนไม่ใช่เหรอ ไม่อยากให้ใครรู้หนิ จะให้ไปทำไม ”) (“ อยู่คนเดียวค่ะ วังเวงเหลือเกิน พอดีเพื่อนๆ ไปกับรถพยาบาลหมดแล้ว ”) (“ อืม งั้นก็รีบกลับฐานเถอะ ไว้พี่จะโทรหานะ ”) (“ งื้อ~ มาหาน้องหน่อยไม่ได้เหรอคะ อยากเจออะ ”) (“ ไม่เอา ให้ไปทำไม มีอะไรจะคุยก็คุยทางโทรศัพท์นี่แหละ ไปหาใช่ว่าจะจับมือ กอด หรือทำอะไรได้หนิ ”) คนขี้หื่น ขี้น้อยใจ มาครบเลยจ้า แหม่ๆ พูดสะ หัวก็ไม่ได้ล้านแต่ขี้น้อยใจสุดๆ (“ น้องอยู่คนเดียวมาล้างเลือด แต่บรรยากาศวังเวงมาก พี่มาหาน้องไม่ได้เหรอคะ น้องกลัว แต่…ถ้าไม่ได้ก็ไม่รบกวนค่ะ แค่นี้นะคะ ”) หึหึ ชิ่งตัดสายเสียก่อน 555+ เดี๋ยวก็มาเชื่อเหอะ! แล้วมันวังเวงจริงๆนะ บรรยากาศรอบๆ ก็มืดไปหมด ล้างเนื้อล้างตัวเสร็จก็ยืนรออีกคน นับหนึ่ง นับสอง ถ้าถึงสามยังไม่มาจะงอนกลับแล้วนะ “ แล้วไม่กลัวหรือไง มายืนที่เปลี่ยวๆ คนเดียว มันอันตรายไม่รู้หรือไง ” พอมาถึงก็บ่นทันทีเลยนะพ่อหนุ่ม “ ก็รอพี่ไงค่ะ ” “ แล้วถ้าพี่ไม่มาละ ” “ น้องไม่เชื่อหรอกว่าพี่จะไม่มา จะทิ้งน้องได้ลงคอเชียวเหรอ? ” แขนเรียวรีบยกคล้องแขนอีกคนไว้ทันที ใบหน้านวลก็ถูๆ ไถๆ ไปอย่างออดอ้อนออเซาะ “ มันเปื้อนอย่าเอาหน้ามาถู มันสกปรก ” พี่เขาผละออกจากฉันทันที อีนี่ใบหน้าเหว่อเลย… “ แหะๆ คิดถึงกอดหน่อย จะไปแล้ว ” รู้สึกเฟลแต่ก็รีบเปลี่ยนเรื่องอย่างไว พร้อมกางแขนออก “ ชุดพี่เปื้อนเลือดสกปรกอยู่นะ ” นู้ก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ เหมือนหน้าบางๆ จะแตกแบบหมอไม่รับเย็บเลยอะ “ ค่ะ ” เอายออกไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว เลยยืนก้มหน้า มือสองข้างประสานกัน จู่ๆ ก็อยากจะร้องไห้เพราะผู้ไม่สนใจ ‘ พรึ่บ ’ “ ไอ้เด็กขี้แยเอ้ย! ” ร่างบางถูกวงแขนแกร่งดึงไปอยู่ในอ้อมกอดทันที “…” ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็รู้ทันทีว่าถูกแกล้งเอาคืนแล้ว “ เป็นไง รู้สึกยังไงพอโดนปฎิเสธบ้าง เมื่อกี้พี่ก็เป็นแบบนี้เลยนะ ” “ ขอโทษค่ะ ” พูดเบาๆ แล้วตวัดแขนเรียวเพื่อกอดอีกคนทันที “ รับคำขอโทษเป็นจูบเท่านั้น ” พอเขาพูดจบก็เชยคางเรียวขึ้น ใบหน้าคมก็โน้มลงมาประกบจูบทันที ♥️__________♥️ นามปากกาผกายมาส
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD