บทที่ 2.2 หิ้วผู้ชายกลับห้อง

1406 Words
ฉันนั่งฟังเจ๋งพูดไปน้ำเสียงของเขามันแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ฉันไม่แน่ใจว่ามันคือความโกรธหรือความน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง “ถ้าลำบากขนาดนี้ แล้วก่อนหน้านี้นายใช้ชีวิตยังไง” “พ่อแม่ผมเสียไปตอนปีสอง อยู่ได้เพราะเงินเก็บที่พวกเขาเคยให้กับงานพิเศษ แต่ติดปัญหาตรงที่น้องผมมันต้องเข้ามหาลัย ค่าใช้จ่ายก็เลยเยอะขึ้น” “ออ แล้วทำไมนายไม่ไปอยู่กับน้อง” “น้องเรียนที่อื่น ต่างจังหวัด สอบชิงทุนได้แต่ก็ต้องใช้เงินอยู่ดี คิดว่าเดี๋ยวก็เรียนจบพอมีงานทำก็ส่งมันเรียนต่อ” ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วก็เงียบไป ตบตีกับความคิดของตัวเองที่กำลังเถียงกันอยู่ว่าตอนนี้ฉันตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่จะพาผู้ชายตัวสูงกว่าและร่างใหญ่กว่าคนนี้ไปอาศัยอยู่ห้องตัวเอง ถ้าเขาจะทำอะไรขึ้นมา มือเดียวก็ยังได้เลย “พี่กลัวผมหรือเปล่า” “ก็มีนิดหน่อย มันแปลกๆ นายน่าจะมีเพื่อนหรือคนที่สนิทกว่าฉัน” ที่เป็นแค่พี่สาวเพื่อน “เพื่อนสนิทก็มีไอ้ธันไง ส่วนเพื่อนในมหาลัยมันติดแฟน ที่ไม่สนิทผมก็เกรงใจ” “แต่นายไม่เกรงใจฉัน?” “เพราะว่าพี่ติดหนี้บุญคุณผมไง แล้วเราก็คนบ้านเดียวกัน” บ้านเดียวกันกับผีนะสิ แค่อยู่จังหวัดเดียวกันเขาอยู่อำเภอไหนฉันยังไม่รู้เลย รู้แต่ว่าเป็นเพื่อนของน้องชาย ซึ่งฉันก็ไม่ได้รู้จักใครสักคนเพราะไม่ค่อยมีโอกาสเจอกัน แค่กับน้องก็เจอกันครึ่งปีครั้งได้ จะมีก็แค่โทร.คุย ส่งข้อความหากันเท่านั้น แล้วธันวามันก็ไม่ค่อยเล่นโซเชียลด้วย “อย่าบอกไอ้ธันนะ ว่าผมไปอยู่ด้วย” “ทำไม” “เถอะน่า เดี๋ยวคนจะมองพี่ไม่ดี แล้วแม่พี่จะมาด่าผมจับผมแต่งานกับพี่ทำไงอะ” ฉันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ แบบนี้ค่อยมีเหตุผลหน่อย อย่างน้อยเจ๋งก็คิดเรื่องดีได้บ้างนอกจากปากหมาไปวันๆ สุดท้ายก็ต้องหิ้วไอ้เด็กปีสี่ที่พูดแต่เรื่องทวงบุญคุณไม่หยุด จนฉันจำใจต้องทำดีด้วยและพาเขามาอาศัยอยู่ที่ห้องพักเดียวกัน ส่วนหนึ่งก็เพราะสงสารเขา ก็ฉันมันคนขี้สงสารไง คอนโดนี้ฉันเพิ่งถอยมาได้เดือนกว่า ทำให้กลายเป็นหนี้ก้อนโตไปในพริบตา แถมเพิ่งผ่อนไปงวดแรก แต่ก็เป็นหนี้ก่อนเดียวที่ฉันมีอยู่ถือว่าไม่หนักหนาอะไร “นายนอนตรงโซฟานี้นะ คงนอนได้ใช่ไหม” “สบายมาก” ” เสื้อผ้าก็เอาไว้ตรงนั้นได้ ลิ้นชักเพิ่งซื้อมาใหม่ยังไม่มีของใส่เลย” ” อืม ขอบคุณนะ” ฉันเหลือบมองไอ้คนที่มันมาขออาศัยอยู่ด้วยแล้วก็เริ่มนึกอะไรหลายๆ อย่างขึ้นมาได้ ร้านที่เขาทำงานอยู่ไม่ถือกับว่าเป็นร้านประจำแต่ก็เป็นร้านที่ไปบ่อยอยู่เหมือนกัน คงเห็นเขาผ่านๆ แล้วแต่จำไม่ได้ว่าเป็นเพื่อนของธัน ก็เจอกันแค่ครั้งเดียวตั้งแต่เรียนมัธยม “นายทำงานที่ร้านนั้นนานหรือยัง ฉันก็ไปหลายครั้งแล้วนะ” “อืม ปีหนึ่งได้แล้วมั้ง ไปแทนนักร้องคนเก่า” “ออ ปกติไม่ค่อยอยู่ใกล้นักร้อง จำหน้านายไม่ได้เลย” “แต่ผมก็เห็นพี่บ่อยนะ แต่ทุกทีเห็นมากับผู้หญิง” ฉันเงียบเมื่อได้ฟังเจ๋งพูดแบบนั้น แปลว่าเขาสังเกตเห็นฉันตอนไปเที่ยว หรือว่าเขาเป็นคนที่จดจำรายละเอียดได้ดีเพราะเขาเป็นนักร้องนักดนตรี แต่คิดอีกทีก็น่ากลัวเหมือนกัน “จำลูกค้าได้ขนาดนั้นเลย” “อยู่บนนั้นมันสูงเห็นหมดแหละ” ไม่รู้คำตอบของเขามันตรงประเด็นไหมแต่ฉันก็ไม่อยากถามเซ้าซี้ปล่อยให้เขาเก็บของตัวเองไปซึ่งมันก็มีไม่มากเพราะเขาบอกว่าขนกลับบ้านต่างจังหวัดเกือบหมดแล้วเหลือแต่เสื้อผ้ากับของใช้จำเป็น ส่วนเรื่องค่าหอที่ค้างฉันก็ใจดีให้เจ๋งยืมมันไปก่อนเพราะไม่อยากซวยเพราะหนีออกมากับเขา แต่เจ๋งไม่รับเขาบอกว่าจะไปคุยกับป้าเขาเอง แล้วไม่รู้ว่าเขาไปคุยแบบไหนป้าถึงยอมให้เจ๋งออกมาจากหอง่ายๆ แบบนี้ เพราะเจ๋งบอกให้ฉันไปอยู่รถรอเขาได้เลย หลังจากที่เขาจัดการทุกอย่างเสร็จก็จะขี่มอเตอร์ไซด์ตาม ช่างเป็นวันที่ดีเหลือเกิน... “แล้วพี่ต้องกลับไปทำงานกับไอ้พวกนั้นอีกเหรอ” หลังจากที่ปล่อยให้เจ๋งเก็บของตัวเองเสร็จเขาก็เดินมาถามฉันที่กำลังเก็บเสื้อผ้าของตัวเองเพื่อเอามันไปซัก เวลานี้เจ๋งถอดเสื้อเหลือใส่แต่กางเกง ทำตัวอย่างกับอยู่ห้องตัวเอง “อยู่ห้องคนอื่นก็ช่วยใส่เสื้อหน่อย” รู้ว่าหุ่นมันดี มันน่าจับน่าลูบแต่อย่ามาทำแบบนี้ มันอันตรายต่อใจสาวโสดวัยยี่สิบห้าปีอย่างฉัน “ร้อนจะตาย” “ก็เปิดแอร์” “เดี๋ยวเปลืองไฟอีก ผมไม่มีเงินช่วยจ่าย” เขาบอกแล้วยกแขนขึ้นมากอดอกพิงกับขอบประตูยืนมองฉันจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองที่มันไม่ควรมีใครมายืนมอง กางเกงในเอย เสื้อชั้นในเอยที่บิดม้วนเป็นเลขแปด แถมยังเป็นลายลูกไม้สีขาวที่เริ่มเหลืองไปทุกที จบต้องรีบรวบมันเข้าตะกร้าไปอย่างรีบร้อน “มองอะไร” “ถึงเหรอไซส์นั้น” เขาถามแล้วยิ้มมุมปากมองของในมือฉันที่รีบรวบเก็บใส่ตะกร้า พร้อมกับเสียงหัวเราะดังหึในลำคออย่างกับเยาะเย้ยกัน “อย่ามาลามปาม ลามก เดี๋ยวก็ไม่ให้อยู่!” “เปล่า ผมก็แค่เป็นห่วง เขาบอกว่าถ้าผู้หญิงใส่ไม่ตรงไซส์มันจะมีผลตอนแก่ตัว” “พูดมาก ถ้าอยากอยู่ก็อย่ามาทำลามกกับฉัน” ฉันบอกเขาแกล้งตีหน้านิ่ง ให้มันดูจริงจัง เด็กนี่จะได้กลัวหรือเกรงใจกันบ้าง “พี่ไม่ลามกเลย แปะแต่รูปดาราถอดเสื้อ” “เจ๋ง” ฉันยกมือขึ้นมาเท้าเอวมองเขาอย่างเอาเรื่อง เขาเห็นแบบนั้นก็หัวเราะเบาๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วสรุปที่ผมถาม พี่ต้องไปทำงานกับไอ้แก่พวกนั้นอีกเหรอ” “ก็มันจำเป็น เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไร หลักฐานก็ไม่มี งานก็เพิ่งทำได้ไม่กี่เดือน เงินมันก็ดีมาก ฉันไม่ได้มีตัวเลือกขนาดนั้น ถ้าออกกะทันหันก็จะไม่มีรายได้เลย” “แล้วถ้ามันเห็นว่าพี่ไม่ทำอะไร มันคิดว่าพี่ชอบล่ะ” “ฉันก็จะอยู่ห่างๆ พวกนั้นและระวังตัวไว้” ฉันเองก็ลำบากใจเหมือนกันแต่ถ้าลาออกตอนนี้มันก็แย่ คนเราพอมีหนี้สินแล้วก็ต้องทนทำงาน จะทำอะไรใจร้อนไม่คิดหน้าคิดหลังก็ไม่ได้ “อืม ระวังตัวด้วยแล้วกัน มีอะไรก็โทร.หาผมเลย” ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นคนดีอยู่แล้วหรือเพราะว่าเขาเห็นว่าฉันพึ่งพาได้ เราสองคนต้องพึ่งกันและกันแต่เห็นความจริงใจของเขาแล้วฉันก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ “ขอบใจนะ แต่ไม่มีเบอร์” “เอามาสิ” เจ๋งแบมือมาตรงหน้า ฉันเดินไปหยิบเอามือถือที่วางอยู่ตรงปลายเตียง กดเลขศูนย์ไว้แล้วยืนไปให้เขาก่อนจะรับมันกลับมาเมื่อเจ๋งพิมพ์เบอร์เสร็จแต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเขาบันทึกชื่อของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ชื่อว่า ‘รูมเมท’ ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่า แต่พอเห็นว่าเขายิ้มกวนประสาทก็ต้องรีบหลบตากลีบมาที่หน้าจอพร้อมกับพึมพำบ่นใส่เขา ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเจ๋งเป็น ‘คนบ้า’ แทน “แล้วพี่หยุดแค่วันอาทิตย์เหรอ” “ใช่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD