บทที่ 1.1 ขอความช่วยเหลือ
ตอนที่ 1 ขอความช่วยเหลือ
“กรี้ด!!”
“ไอ้เหี้ย! อะไรวะ”
ฉันมองทุกอย่างตรงหน้าด้วยความตกตะลึง หัวใจเต้นโครมครามอย่างกับคนบ้า คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วกลับมองไม่เห็นภาพอะไรเลยนอกจากภาพของตัวเองที่นั่งดื่มอยู่กับรุ่นพี่ที่ทำงาน แล้วหลังจากนั้นภาพมันก็เริ่มพร่าเลือนจนกลายเป็นมองไม่เห็น
แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า...
การที่ฉันลืมตาตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนกับผู้ชายคนหนึ่ง ถึงจะน่าตาดีมากแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรตื่นเต้นดีใจ เพราะเขาเป็นใครก็ไม่รู้!
สภาพของคนข้างๆ นอนเปลือยท่อนบน ขนาดตอนนอนหลับยังหล่อวัวตายควายล้มอย่างกับพระเอกในซีรีย์ตอนเปิดฉากขึ้นมายามเช้าตรู่
โอเค ฉันควรพับเรื่องที่เขาหน้าตาดีเอาไว้ กลับมาสนใจว่าตอนนี้ฉันกำลังเจอกับเรื่องอะไรไรกันแน่
เมื่อคืนฉันไม่ได้เมามากก่อนที่ภาพจะตัดไปและความเป็นไปได้ที่จะหิ้วผู้ชายมาปู้ยี่ปู้ยำกันแบบนี้ก็น้อยมาก เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยทำเรื่องเหลวไหลแบบนั้น คนอย่างมีนาต้องนอนกับผู้ชายที่เรียกว่าสามีเท่านั้น แล้วไอ้สามีที่ว่านั่นก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีมาให้เห็นสักที จนใครก็หาว่าฉันนั้นมันเลือกเยอะเลือกมากจนอาจจะต้องขึ้นคานทอง
แน่นอน คนที่เจอผู้ชายที่เคยรักหักหลังมาก่อนอย่างฉันมันก็ต้องระวังมากขึ้น แต่ไม่รู้ว่าระวังท่าไหนถึงได้มานอนอยู่ในห้องผู้ชายแบบนี้
“นายเป็นใคร”
หน้าตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่ฉันก็จำไม่ได้อยู่ดี หรือเขาเป็นดาราช่องมากสี น้อยสี คนไหน เพราะฉันก็ห่างจากละครพวกนั้นมานานมากแล้ว ถ้าไม่ดังพอก็ไม่รู้จักหรอก
แต่พอเลื่อนสายตาสำรวจไปรอบห้องของเขาที่แคบอย่างกับรูหนูแบบนี้ไม่น่าจะใช่ดาราดังได้
“อะไร จำไม่ได้เลยเหรอ”
เขาขมวดคิ้วถามสีหน้าคล้ายหงุดหงิดที่ถูกฉันปลุกให้ตื่นตอนที่กำลังหลับใหลอย่างเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งจากนั้นก็เสยผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง ทว่าท่าทางแบบนั้นกลับทำให้เขาดูดีเหลือเกิน
เดี๋ยวนะ!
ฉันเริ่มจำได้แล้วว่าเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อน เขาเป็นคนที่สาวหลายคนในร้านแหกปากกรีดร้องกันตอนที่ขึ้นร้องเพลงในร้านนั้น แล้วฉันไปคุยหรือทำความรู้จักกับเขาตอนไหนถึงสานสัมพันธ์กันมาถึงบนเตียงขนาดนี้
“จำไม่ได้”
“แล้วพี่จำผมได้ไหม” เขาถามอีกรอบพลางขมวดคิ้วจนยุ่งเหยิง ก่อนที่เขาจะค่อยๆ คลายมันออกแล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างปลงตก “ช่างเถอะ”
สรรพนามที่เขาใช้เรียกทำให้ฉันต้องขมวดคิ้ว ก่อนจะเหลือบไปเห็นเสื้อช็อปวิศวะของเขาที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าลายไม้จึงรับรู้ได้ว่าเขาเด็กกว่าฉันราวสามถึงห้าปีแน่ แล้วฉันโดนเด็กมหาวิทยาลัยหิ้วมาได้ยังไง
“แล้วนายเป็นใคร ชื่ออะไร ทำไมเราถึงมานอนด้วยกันล่ะ” ฉันพูดเบาๆ แล้วสำรวจร่างกายของตัวเองที่เวลานี้เสื้อผ้าทุกชิ้นยังอยู่ครบแต่ออกจะหลุดลุ่ยไปบ้างก็ไม่รู้ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร
นอนนิ่งคิดถึงความเจ็บปวดหรืออาการที่ควรจะมีสักนิดแต่ก็ไม่มีอาการพวกนั้นเลย หมายความว่าความซิงของฉันยังไม่ถูกอะไรมาพรากจากไป ไม่มีอะไรมากระทบกระเทือนอย่างนั้นหรือ
ฉันควรดีใจใช่ไหม แต่ทำไมแอบเสียดายก็ไม่รู้
“ผมชื่อเจ๋ง”
เจ๋ง ชื่อนี้ไม่ได้หากันเจอบ่อยนักหรอก พอเขาบอกฉันก็เริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเคยได้ยินชื่อนี้อยู่บ่อยจากปากน้องชายตัวเอง ฉันเพ่งมองในหน้าหล่อเหลาที่มองมาทางนี้เหมือนกันก่อนจะลอบกลืนน้ำลายลงคอ
“เพื่อนธันเหรอ”
ธันหรือธันวาคือน้องชายต่างพ่อของฉัน แต่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เราอายุห่างกันสามปี แต่ถึงแม้ว่าฉันกับน้องจะรักกันมากก็ไม่ใช่ว่าจะได้เจอกันทุกวัน เพราะฉันเรียนโรงเรียนประจำซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วนมาตั้งแต่มัธยมต้น พอเรียนจบมัธยมก็ย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดเพื่อนเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เลือก นานทีปีหนถึงจะกลับบ้าน
“อืม”
น่าแปลกที่เขาจำฉันได้แต่ในความทรงจำของฉันกลับไม่มีผู้ชายหน้าตาดีแบบนี้อยู่เลย ถ้าจำได้คร่าวๆ ช่วงที่เรียนอยู่มอปลายแล้วกลับบ้านวันหยุดยาว ธันจะพาเพื่อนมาซ้อมดนตรีที่บ้าน ก็อาจจะเป็นตอนนั้น แต่ฉันก็จำหน้าเขาไม่ได้อยู่ดี เพราะมันก็หลายปีมากแล้ว
“แล้วสรุปฉันมาอยู่ห้องนายได้ไง”
“ก็...”
“ก่อนจะเล่าช่วยบอกก่อนว่าเราได้กันไหม” ฉันถามไปตามตรงก็เรื่องนั้นมันสำคัญที่สุดแล้ว
“พี่เนี่ยนะ” เขาถามแล้วมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมยังเปะปากจนดูไม่เป็นธรรมชาติแถมน่าเกลียด
สายตาที่ไอ้เด็กนี่มองมาทำเอาฉันรู้สึกขายหน้าจนหงุดหงิด ฉันมันทำไม ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลยสักนิด ทำไมต้องมองแบบนั้น ตอนมอปลายฉันก็ได้ตำแหน่งดาวโรงเรียนเชียวนะ!
“อย่ามามองแบบนี้”
“พี่ก็สวยอยู่หรอก แต่ไม่ใช่สเปกผม แก่ไป แล้วพี่ไม่รู้เลยเหรอว่าเอาหรือไม่เอา ออ โอเคผมเข้าใจ” เขาพูดเองเออเองทั้งหมด ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วก็ตวัดขายาวๆ นั้นลงจากเตียงเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง
“หมายความว่าไง เข้าใจอะไรไม่ทราบ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงก็เมื่อคืนมันจำไม่ได้”
“มันก็ต้องรู้สึกบ้างแหละ ยกเว้นว่า...” หลวม
ฉันต่อคำนั้นเองในใจเพราะเจ๋งมันเว้นช่องว่างให้คิดเอาเอง ไอ้เด็กบ้านี่มันกวนประสาทเกินไปแล้ว
“พอ เล่ามา เรื่องในร้านเหล้า”
ฉันไม่อยากฟังผู้ชายตรงหน้าคนนี้วิจารณ์อีกต่อไป ขอแค่ได้ฟังความจริงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็พอ คนอะไรพูดไม่น่าฟังเลยสักประโยค
“เมื่อคืนพี่น่าจะโดนวางยา พี่มาขอความช่วยเหลือจากผม ผมก็ช่วยไว้ แต่พี่ไม่มีสติผมเลยไม่รู้จะพาพี่ไปไหน ก็เลยพามาห้องนี้”
คำพูดของเด็กรุ่นน้องคนนี้ทำเอาฉันนิ่งไป แล้วคิดทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่เริ่มเข้าไปในร้านนั้นกับเพื่อนร่วมงานห้าคน เป็นชายสามหญิงสอง ผู้หญิงคือพี่ออยรุ่นพี่ในที่ทำงานแต่อยู่กันคนละแผนก พี่ออยเป็นแฟนกับพี่ผู้ชายอีกคนชื่อว่าพี่แม็กที่อยู่แผนกเดียวกัน พี่โอ๊ต พี่เจนนี่ เป็นรุ่นพี่ในที่ทำงาน ส่วนพี่ต้าอายุมากที่สุดเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดซึ่งเป็นฝ่ายที่ฉันทำงานอยู่
แล้วจะเป็นใครล่ะ
---------
เรื่องนี้เป็นแนวกินเด็ก นางเอกอายุมากกว่า 3 ปีนะคะ แต่จะบอกว่าพระเอกเรื่องนี้มันไม่ได้ทำตัวเป็นเด็กเลย เพราะมันพยายามจะเป็นผัว ฮิ้ววว 😆