บทที่ 4.2 ลูกชิ้นแทนใจ

1501 Words
“หมดธุระมึงยัง” เจ๋งถามต่อ “เออ ไปก็ได้วะ แล้วมึงไม่ไปร้องเพลงเหรอวันนี้” เพื่อนลุกออกไปนั่งโต๊ะข้างกันซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างจากนั่งตรงนี้เลย โต๊ะติดกันจนกระซิบยังได้ยิน “กำลังจะไป” “โอ้ว พาสาวไปเฝ้า” เพื่อนอีกคนแซวอีกสองสามคนก็แซวกันจนฉันเขิน “เรื่องของกู” “เจ๋งมันไม่น่ารักเลยเนอะพี่” เพื่อนเขาคนหนึ่งยื่นหน้ามาคุยกับฉัน ที่เวลานี้แทบจะไม่กล้ากินก๋วยเตี๋ยวแล้ว ก็มาแซวกันขนาดนี้ใครมันจะไปกล้าคีบเส้นแล้วอ้าปากกินได้ ฉันก็อายเป็นเหมือนกัน เลยได้แต่ยิ้มแห้งเป็นคำตอบ รับบทแฟนเจ๋งคนปากหมาไปเลยยายมีนา ดีนะที่ฉันกินลูกชิ้นไปแล้วไม่อย่างนั้นคงเสียดายแย่ นี่ไงล่ะคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องกินของที่อร่อยที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก “กินไหม” เจ๋งไม่สนใจคำพูดเพื่อนเขาอีก คีบลูกชิ้นลูกใหญ่มาตรงหน้าก่อนจะวางมันในชามของฉันที่เหลือแต่เส้นเล็กขาวๆ อืดๆ กับผักใบเขียวที่ถูกเขี่ยไปด้านข้าง สร้างความแปลกใจให้ฉันไม่น้อยเลย “ไม่กินเหรอ” “แลกกัน” ว่าแล้วเจ๋งก็คีบเส้นฉันไปใส่ในจานตัวเอง แล้วคีบลูกชิ้นอีกสองลูกกลับมาให้กันอีก “คนอะไรไม่ชอบลูกชิ้น” เจ๋งไม่ตอบ เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอแล้วคีบเส้นเข้าปากอย่างไม่เกรงใจ แม้แต่ผักก็ไม่เหลือ เสียงแซวของเพื่อนก็หายไปแล้วเพราะโดนเจ๋งเย็นชาใส่ “คนอะไรไม่กินผัก” “คนทั่วไปนี่แหละ คนไม่ชอบลูกชิ้นอะแปลก” ฉันตอกกลับเขา ก็มันจริงนี่ คนไม่กินผักมีเยอะแยะแต่คนไม่กินลูกชิ้นมันหายาก “มันกินลูกชิ้นพี่แต่มันอยากให้สาวกินมากกว่า” เสียงเพื่อนเขาแซวมาอีกรอบ คราวนี้ฉันพูดไม่ออก ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ส่วนเจ๋งก็ลุกออกจากโต๊ะอย่างไม่สนใจคำพูดใครทั้งนั้น เขาเดินไปจ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวนุ่นแล้ว ปล่อยให้ฉันนั่งหน้าร้อนวาบอยู่คนเดียว เพิ่มความดีของเจ๋งไปอีกข้อนั่นคือเสียสละลูกชิ้นให้ฉันที่เป็นผู้มีพระคุณของเขาแล้วกัน “อิ่มยัง” “อื้อ” “กูไปนะ” เจ๋งหันไปบอกเพื่อนแล้วโบกมือให้ ฉันเองก็ยิ้มส่งให้พวกเพื่อนของเขาที่ดูเป็นมิตรทุกคน แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงกลุ่มนั้นที่ก่อนหน้านี้ก็มองฉันอยู่ “ทำไมพวกนั้นต้องมองเราขนาดนั้น” ฉันถามเจ๋งแล้วมองไปที่ผู้หญิงกลุ่มนั้น เขาก็มองตามไป สายตาของเขาไม่สื่ออะไร มองนิ่งๆ ก่อนจะหันมาตอบฉันอย่างไม่ใส่ใจ “เห็นคนไม่สวยมั้ง” “เอาดี” “ขึ้นมา” สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบ แต่ก็พอจะรู้ว่ายายพวกนั้นคงเป็นเด็กมหาวิทยาลัย แล้วหนึ่งในนั้นที่มองฉันเหมือนเกลียดกันเข้าไส้นั่นชอบเจ๋งอยู่แน่ ๆ ชีวิตที่สงบสุขของมีนาเริ่มจะไม่สงบแล้วสิ “วันหลังจะไม่มาด้วยแล้วนะ” “ทำไม” “สาวเยอะ กลัวโดนดักตบ” “หึ” เสียงหัวเราะดังในลำคออย่างที่เขาชอบทำ เจ้าของร่างสูงนั้นสตาร์ทเครื่องแล้วก็หันมามองฉันอีกทีเป็นเชิงคำถาม ก่อนจะปรายตามองผู้หญิงกลุ่มนั้นที่ไม่ค่อยชอบใจฉันตั้งแต่เมื่อกี้นี้ เอาเข้าจริงเขาก็คงมีแคร์สาวคนอื่นอยู่บ้างล่ะ “รีบขึ้นมา ยืนหน้าบึ้งแบบนี้คนอื่นเขาจะเข้าใจว่าเมียงอนผัวอีก” ฉันจิปากอย่างรำคาญ แต่ก็ยอมขึ้นไปซ้อนรถมอเตอร์ไซส์สีดำเงาของเขา ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองมาทางเราเจ๋งก็เอื้อมมือใหญ่มาจับข้อมือของฉันกระชากไปโอบที่เอวตัวเอง ” เจ๋ง!” ” แกล้งๆ เป็นแฟนผมหน่อย” “จะบ้าหรือไง” “เดี๋ยวเลี้ยงเบียร์โปรนึง” ฉันไม่เข้าใจจุดประส่งของเจ๋งนักหรอก แต่ที่พอจะทำให้เข้าใจได้ก็คือข้อเสนอของเขา ไม่ว่าเหตุผลมันจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามีของฟรีเข้ามาเอี่ยวมันก็น่าสนใจทั้งนั้น “อย่าเบี้ยวแล้วกัน” ฉันบอกกับผู้ชายตรงหน้าก่อนจะขยับแขนอีกข้างไปโอบเอวของเขาไว้ จากนั้นรถก็เคลื่อนออกไป ไม่ต้องจินตนาการให้มันมาก ก็เห็นเป็นภาพคู่รักที่กอดเอวซ้อนท้ายกันออกไปอย่างหวานชื่น เรื่องแค่นี้เองแลกกับเบียร์หนึ่งโปร. แถมด้วยกลิ่นหอมจางๆ จากตัวผู้ชายที่มีนาไม่ค่อยจะได้สัมผัส มันก็คุ้มไม่เบา “พี่นี่เห็นแก่ของฟรีฉิบหาย” เจ๋งพูดผ่านลมมาอีกรอบ ขณะเดียวกันก็หัวเราะชอบใจไปด้วย แต่ขอร้องเถอะ มือที่จับฉันไว้ยังไม่ปล่อยเลย ” ปล่อยมือ “ฉันพยายามจะดึงมือกลับแต่เขาก็ยังคงจับไว้แน่น “ผมลืมบอกไปว่าต้องกอดเอวถึงร้านเลย” “เฮ้ย อย่ามาขี้โกง” เรื่องแบบนี้มีนามันไม่อยากเสียหัวให้ใครด้วย ไอ้เด็กนี่มันโกงกันชัดๆ แล้วจะทำยังไงล่ะ ถ้าปล่อยตอนนี้ก็ไม่ได้ของฟรีสิ กอดก็กอดวะ “โกงอะไรล่ะ ขับออกมาได้แค่นี้พี่จะปล่อยแล้ว ใครโกง” “ก็ยังไม่ปล่อยนี่ ยังไงนายก็ต้องเลี้ยง” เจ๋งหัวเราะในลำคอ ไม่รู้ว่าเพราะความขี้งกของฉันหรือเปล่า แต่ของฟรีนะใครมันจะไม่อยากได้ ถามพวกสาวๆ ที่มองกันเป็นแถวนั่นดู ยังไงก็ตกลง “เนี่ย ไม่เคยมีใครได้ซ้อนท้ายแล้วกอดเอวผมขนาดนี้เลยนะ พี่โคตรโชคดีเลยจะบอกให้” ฉันอยากจะล้วงคอเอาลูกชิ้นทั้งเจ็ดลูกที่เพิ่งกินมันเข้าไปออกมาทั้งหมดเพราะทนความหลงตัวเองของเจ๋งไม่ไหวจนพะอืดพะอมไปหมดแล้ว “จ้า พ่อคนฮอต เสน่ห์แรงเกินต้าน แต่แปลกนะไม่มีแฟน” เจ๋งหัวเราะอีกแล้ว ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรกับคำพูดของฉันเลย มีแต่ฉันที่นั่งเกาะหนึบอยู่ด้านหลังแล้วหมั่นไส้เขาอยู่คนเดียวจนถึงร้านที่เขาต้องมาร้องเพลง เขามีเพื่อนอีกสามคนที่เล่นดนตรีด้วยกัน แต่เรียนกันคนละคณะ จับกลุ่มกันมารับงานพิเศษเป็นเวลาปีกว่าแล้ว ฉันไม่รู้จักใครเลยสักคนเพราะไม่ใช่เพื่อนกลุ่มเดียวกับน้องชายตัวเอง ฉันเคยแกล้งถามเรื่องเจ๋งกับธันวา แต่โดนน้องแซวกลับ หาว่าฉันชอบเจ๋งอีก ข้อมูลที่ได้มาก็เลยมีแค่ พ่อแม่ของเขาเสียไปพร้อมกันเมื่อสองปีก่อน ซึ่งมันก็ตรงกับที่เขาบอก ฉันก็เลยไม่ถามเซ้าซี้ให้ธันวาสงสัยมาก “ผมไปร้องเพลงแล้วนะ” “โอเค” “ผมร้องเพลงถึงสี่ทุ่ม เดี๋ยวมานั่งด้วย” ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มของเจ๋ง แต่ครั้งนี้มันรู้สึกแปลกกว่าครั้งไหน เขายิ้มไม่เหมือนทุกที ไม่เหมือนคนกวนประสาทกัน ฉันจึงต้องยิ้มตอบไปเพื่อความสันติ หลังจากที่เจ๋งหันหลังเดินไปยังเวทีเล็กๆ ฉันถอดเสื้อคลุมแขนยาวออกมาแล้วแล้วคลุมลงที่ท่อนขาแทน ทำให้ท่อนบนนั้นมีเพียงสายเดี่ยวขนมิ้งสีขาวปลิวพลิ้วเมื่อถูกลมพัดมาเบาๆ ถ้าว่ากันตามตรงฉันเป็นคนชอบแต่งตัว แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆ เพราะเวลาเที่ยวก็เริ่มน้อยลง ไม่ได้ไปดื่มกับเพื่อนสมัยเรียนแต่เป็นเพื่อนที่ทำงานแทน มันก็ไม่เหมาะจะแต่งตัวเยอะไป วันนี้ไม่ต้องสนใจสายตาใครแล้วก็ขอหน่อยแล้วกัน “สั่งอะไรหรือยังครับ” “เอ่อ เจ๋งสั่งให้แล้วค่ะ” พนักงานชายคนนั้นที่เดินเข้ามาถามหันไปมองคนที่ฉันเอ่ยถึง เขาที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมตัว จัดเครื่องดนตรีอยู่ตรงนั้นก็หันมามองพอดี ก่อนจะพยักเพยิดหน้าให้กันเหมือนเข้าใจ แล้วคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะปลีกตัวออกไป แต่ที่มันยังไม่ไปไหนคือสายตาของคนที่ยืนอยู่บนเวที ไม่มองเปล่า เขาขมวดคิ้วยุ่งเหมือนอยากตำหนิอะไรสักอย่าง จนฉันต้องเลิกคิ้วเป็นคำถาม แต่เจ๋งกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบแล้วเบือนหน้าหนี กลับไปสนใจเครื่องดนตรีที่เขาถือต่อ ----------- อยากเจอผู้ชายปากหมาแต่แบ่งลูกชิ้นให้เราจังเลยค่ะ เราพร้อมจะเทผักให้หมดเลย อิอิ

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD