ตอนที่1. ลาก่อน ‘ริมทาง คาราโอเกะ’

1425 Words
ปัจจุบัน ร้านคาราโอเกะเลื่องชื่อ ณ บริเวณเชิงเขา ขับขานเสียงเพลงเปล่งแสงไฟหลากสี เป็นจุดเด่นในยามค่ำคืนให้ชาวบ้านได้เห็นกันจนชินตา ที่แห่งนี้ถูกมองอย่างเกลียดชังจากชาวบ้านผู้หญิงส่วนใหญ่ฉันท์ใด ในทางกลับกัน ก็ถูกชื่นชมเล่าขานกันสนุกปากจากฝั่งชายฉันท์นั้น แล้วสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ! เมื่อร้าน ‘ริมทาง คาราโอเกะ’ได้ปิดตัวลงอย่างกะทันหัน แม้จะดำเนินกิจการมานาน ผ่านพายุลม ฝนถล่มมาหลายฤดูก็ไม่อาจโค่นล้มอำนาจมืดผู้เป็นเจ้าของกิจการรื่นรมย์แห่งนี้ได้ แต่ความจริงของโลกใบนี้ คือความไม่แน่นอน เมื่อคิดว่ายิ่งใหญ่แค่ไหน ก็ย่อมมีผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าเข้ามาแทน ร้านคาราโอเกะที่เต็มไปด้วยสีสันงดงามยามค่ำคืน พอฟ้าสางทุกอย่างเงียบเหงา วังเวง หลงเหลือเพียงร่องรอยของความสนุกสนานบนโต๊ะสีซีดและเก่าไม่สามารถเห็นร่องรอยของตำหนิในยามราตรี ตอนนี้เต็มไปด้วยแก้วแหล้าที่ดื่มจนพร่อง ร่องรอยแห่งความสนุกสนาน เหลือกลิ่นเหล้าฟุ้งกระจาย ก้นบุหรี่และเศษอาหารบนจาน รอการเก็บกวาดจาก ‘โมรี’ ผู้ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านทำความสะอาดของที่นี่ แต่วันนี้เธอไม่อยู่ ขอลาทำไปธุระที่ต่างจังหวัดสามวัน ฉะนั้น หน้าที่นี้จึงเป็นพนักงานสาวๆแทน แต่ต้องรอให้ผีเสื้อราตรีตื่นในตอนบ่าย ผลั๊ว! “อื้อหืม” ประตูเปิดออก แสงแดดแห่งเช้าวันใหม่สาดส่องบนโต๊ะรกรัง กับเก้าอี้วางระเกะกะ กระจัดกระจาย ทำให้บรรดาตำรวจทั้งหลายต่างย่นคิ้ว ปิดจมูก “ขออนุญาตตรวจค้นนะครับ” เสียงตำรวจท่านหนึ่งประกาศกร้างดังก้อง จากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่จากสน.กว่าสิบนายต่างบุกทลายรังผีเสื้อราตรีจนวิ่งหนีแตกกระเจิง โดยเฉพาะสาวน้อยสาวใหญ่ที่ลักลอบเข้าประเทศแบบผิดกฎหมาย ต่างกระโจนออกทางหน้าต่างด้านหลังร้าน หนีตายราวกับนกแตกรัง ตุ่บ! เสียงกระเป๋าเป้ใบใหญ่ร่วงตกพื้น โมรี ที่เพิ่งกลับมาถึงในยามโพล้เพล้ ทรุดนั่งลงตามกระเป๋า ใบหน้าหวานนัยน์ตาเศร้ายืนมองร้านคาราโอเกะที่เปรียบเสมือนบ้านของเธอกำลังถูกผู้คนมากมายช่วยกันรื้อสิ่งปลูกสร้างออกตอนนี้เหลือแค่ซากเสา “แม่” เธอรีบควักเอามือถือในกระเป๋ากางเกงยีนส์กดโทรหาแม่ “ห๊ะ!” เธอรับฟังข่าวร้ายจากปลายสายแล้วแทบทรุด แต่ก็รีบดึงสติ สับเท้าวิ่งขึ้นรถเก๋งสีแดงคันเก่าอายุยาวนานกว่าเก้าปี รองเท้าผ้าใบเหยียบคันเร่งรถมุ่งหน้าไปที่สถานีตำรวจ .................................. “พี่จ๋า พี่ แหม ทำเป็นไม่รู้จักกันเลยเน้อ” “ใช่ๆ พวกหนูแค่ร้องเพลงให้ความบันเทิงเฉยๆหรอกน่า นะ นะปล่อยเราไปเถอะ เราจะไปหาเงินสี่ซ่าห้าหมื่นจากไหนมาให้พี่ ตอนนี้เหลือแต่หมอ..กะรอยยิ้ม พี่เอามะ” ที่โรงพักตอนนี้แทบจะกลายเป็นกลางตลาดสด อันเกิดจากเสียงของสาวคาราโอเกะทั้งน้อย-ใหญ่ที่อยู่ในกรงขัง บ้างก็ยื่นมือ แหกปากร้องขอความยุติธรรมกับพนักงานสอบสวนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ บ้างก็พูดคุยกันสรวลเสเฮฮากันดังแซ็งแซ่ก่อให้ก่อให้เกิดความรำคาญ “ว้าย นั่นไง นังโมรีมาแล้ว พี่..” แม่โสภีผู้เอาแต่นั่งกอดเข่าอยู่มุมห้องไม่สนจะเสวนากับใคร พอได้ยินเสียงคนเอ่ยถึงชื่อลูกสาว เธอรีบลุกขึ้นปรี่เข้าไปยืนติดกรงขัง มองหน้าลูกสาวอย่างสงสัย “โมรี แกไปไหนมา?!” โมรีรีบโบกสะบัดข้อมือเดินผ่านกรงขังที่เหมือนกรงนกเบลเบิร์ด แสบหู น่ารำคาญแล้ววิ่งตรงไปยังโต๊ะเจ้าพนักงานที่โรงพัก “ทำไมไม่อ่านแชทผม?” ทว่า ร้อยตำรวจตรี ชาติชาย ผู้มีใบหน้าหล่อเกลี้ยงเกลาเดินเข้ามายืนขวางจนร่างเพรียวบางในชุดเสือยืดกางเกงยีนส์หยุดกะทันหัน พร้อมทำหน้ามุ่ยใส่เขา “ค่อยคุยกันค่ะ ฉันรีบ” “นี่จะว่าตู่ว่าผมแจ้งเบาะแสไม่ได้นะ นี่แหละโทษฐานที่ไม่ชอบอ่านแชท” “แล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นล่ะคะ?” “ตามผมมา” เขาเดินนำหญิงสาวให้ออกไปคุยกันด้านนอก เธอเดินตามไปพลางเปิดอ่านข้อความจากเขาที่ส่งเข้ามารัวๆ แต่เธอดันเพิกเฉยเพราะมัวขับรถอยู่ เธอจึงส่งอิโมจิไหว้ พร้อมคำขอโทษไปให้เขา ผู้หมวดหนุ่มควักสมาร์ทโฟนออกจากกางเกงรัดติ้วที่สาวๆในคาราโอเกะต่างพรรนาอ่านกินเป้าของเขากันเป็นพรวน เมื่อเกือบเผลอมองเป้า หญิงสาวรีบเบือนหน้าออกด้านข้าง “ส่งไปเป็นร้อยๆ ตอบกลับมาแค่นี้?” “ก็เจอหน้าฉันแล้วนี่?” เธอแก้ตัวเสียงเบา ชาติชาย หันซ้ายแลขวา ก่อนเอ่ยเสียงดังพอประมาณ “ขึ้นรถ ไปทานข้าวกัน!” เธอยอมขึ้นรถไปกับเขา ระหว่างทางบนรถยุโรปคันหรูสีขาวสะอาดสะอ้านและออกจะหนาวเย็นจนเธอต้องยกแขนขึ้นกอดอก “เราจะไปคุยกันที่ไหนคะ?” “ที่นี่แหละครับ” เขาเอ่ยก่อนหักเลี้ยงวรถยนต์เทียบจอดข้างทางที่มืดสนิท “นายใหญ่โดนเด้ง ข้อหาแอบเป็นเจ้าของกิจการสถานบันเทิง และแอบทำการค้าประเวณี นั่นก็คือที่ ‘ริมทางคาราโอเกะ’ แถมยังโดนข้อหาลักลอบซื้อเหล้าและบุหรี่หนีภาษีด้วย คราวนี้โดนถอนรากถอนโคน เรียกว่างานล้มช้างเลยล่ะ” “แล้ว แม่กับพี่ๆที่อยู่ในห้องขังล่ะคะ?” “แม่คุณวิ่งหนีไม่ทัน บางส่วนวิ่งหนีแตกกระเจิงไปหลายคน และหลายคนมีเงิน มีญาติประกันตัวออกไปได้แล้ว เหลือก็แต่รายที่ไม่มีเงินประกันตัวและเป็นต่างด้าว ทั้งหมดเก้าคน” “โอย ฉันจะช่วยยังไงดี?” เธอยีผมยาวประไหล่จนหัวยุ่ง ถ้าแม่รู้ว่าเงินเก็บทั้งหมดเธอแอบนำไปใช้ส่วนตัวจนเกลี้ยงคงได้โดนด่าลั่นโรงพักให้อับอายขายหน้าแน่ๆ! ดูจากแววตาแม่ที่มองเธออย่างมีหวังแล้วเธอรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกขนพอง แทนที่แม่จะดีใจกับข่าวดีของเธอในวันนี้ จะกลายเป็นข่าวร้ายได้โดนแม่ตีหัวแตกน่ะสิ! “เดี๋ยวผมช่วย” เสียงของผู้หมวดหนุ่มฉุดให้เธอชะงัก “หา?” พูดไม่ทันขาดคำ เธอได้ยินเสียงแจ้งเตือนในมือถือ เธออ้าปากค้าง หรี่ดวงตามองแสงหน้าจอในรถมืดสนิท มองเห็นยอดเงินโอนเข้าบัญชีจำนวน 450,000 บาท “สี่แสนห้า! นะ..นี่อย่าบอกนะว่า หมวดจะช่วยฉัน?” “อืมฮื้ม?” “ไม่เอาล่ะ” เธอรู้ได้ในทันทีว่ายอดเงินนี้จะกลายเป็นสิ่งผูกมัด เธอรู้ดีว่าเขาคิดกับเธออย่างไร แต่ให้ตายเถอะ ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาเธอไม่กล้าเปิดใจให้กับใครใหม่ได้สักที!! แม้แต่ชายผู้นั่งอยู่ใกล้ๆนี้ เขาดีแสนดี ทั้งหน้าที่การงาน รูปร่างหน้าตาก็เป็นที่ลือเลื่องเคยเป็นไวรัลในโลกโซเซี่ยลมาแล้วเมื่อปีก่อน เรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับชีวิตของคนอย่างโมรี แต่ตอนนี้ เธอชักหวั่นๆ “พักคิดมากเรื่องเงินจำนวนนี้ แล้วรีบไปประกันตัวทุกคนก่อนเถอะ” “เห้อ” เธอยกฝ่ามือขึ้นโปะหน้าผาก พลางเอ่ยอย่างจำยอม “ก็ได้ค่ะ” ผู้หมวดหนุ่มหล่อยกยอ้มมุมปากละมุม คอยชำเลืองมองหญิงสาวด้วยแววตาหวานซึ้งเจือปนไว้ด้วยความเป็นห่วง นี่จะเป็นบันไดขึ้นแรกที่เขาจะสามารถเลื่อนขั้นจากตำรวจหนุ่มที่เธอไม่ไว้วางใจ หวังว่าต่อแต่นี้เธอจะเริ่มเห็นความจริงใจที่เขามีต่อเธอบ้าง . . “หึ เอาตัวเข้าแลกในรถเลยหรือ?!” เสียงทุ้มเอ่ยเล็ดรอดไรฟัน สันกรามขบกันแน่นด้วยแววตาคุกรุ่น ทว่าริมฝีปากค่อยๆคลี่ยิ้มหยัน คล้ายกำลังเข้าใจในอาชีพและตัวตนของหญิงสาว “โมรี เธอกลายเป็นโสเภณีไปแล้วสินะ” เจคอป เจ้าของไร่หนุ่มผู้มีเคยอดีตที่หวานซึ้งกับโมรี เด็กสาวผู้ใสซื่อ และเขาเป็นคนแรกของเธอ แต่ตอนนี้ ใช้นิ้วเท้านับรวมก็คงนับไม่หมดแล้วสิ ว่าผ่านผู้ชายมาแล้วเท่าไหร่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD