“ทำไมบ้านแกเงียบจังวะราม นี่เพิ่งบ่ายสามเอง”
พีรพลพลิกข้อมือดูนาฬิกาแล้วหันไปมองเพื่อนเห็นเพียงเสี้ยวหน้าหล่อเหลาที่จ้องตรงไปข้างหน้าอย่างใช้ความคิด สักครู่ก็มีใครคนหนึ่งพาร่างอวบท้วมในชุดเสื้อคอบัวสีอ่อนตัดกับผ้าถุงลายดอกฉูดฉาดพลางเดินพลางวิ่งออกมาชะเง้อที่ร่องลายฉลุประตูรั้วก่อนจะเปิดประตูบานเล็กที่รั้วบ้านออกมา
“คุณราม!!...”เจ้าของเสียงแหบโหยวิ่งออกมาในขณะที่ชายหนุ่มผลักประตูรถออก ทันที่ที่ร่างสูงใหญ่ลงมาจากตัวรถหญิงวัยกลางคนร่างอวบก็รีบโผเข้ากอดทันที
“คุณราม โอ้......คุณรามของปีบ คุณรามมาเมื่อไหร่ ปีบดีใจที่สุดเลย”
“แม่ปีบ....ผมเพิ่งกลับมาถึงเมื่อครู่นี้เอง โอ๊ย...แม่ปีบอย่ากอดผมแน่น ผมก็ดีใจที่เจอแม่ปีบเป็นคนแรก” รามกอดตอบหญิงวัยกลางคนอย่างรักใคร่พลางชะเง้อหน้ามองเลยเข้าไปหลังรั้วอัลลอยด์
“นี่แม่ปีบดีใจมากจนใจคอจะให้คนไกลยืนตากแดดคอยตรงนี้หรือไง แล้วคนอื่นล่ะ คุณแม่....เจ้าราช.....”
ทันทีที่แม่ปีบเงยหน้าขึ้นจากอ้อมอกของชายหนุ่ม เขาต้องชะงักไปชั่วขณะด้วยใบหน้าอวบอูมนั้นนองไปด้วยน้ำตา
“แม่ปีบเป็นอะไร.....ร้องไห้ทำไม มีอะไรบอกผมสิครับ”
อีกฝ่ายถอนสะอื้นก่อนจะเอ่ย “คุณราชค่ะ คุณราชกินยานอนหลับเกินขนาด ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล คุณหญิงท่านเป็นลมไปหลายรอบแล้ว คุณรามรีบตามไปดูก่อนเถิดค่ะ คุณพระคุณเจ้า...ขออย่าให้คุณราชเป็นอะไรไปเลย”
ใบหน้าของรามเปลี่ยนไปทันที ชายหนุ่มขบกรามแน่นสีหน้าเครียดเข้ม
“ว่าไงวะราม.....มีอะไรรึเปล่า?” พีรพลตะโกนถามมาจากในรถ รามละล้าละลังมองแม่ปีบซึ่งเป็นแม่นมที่เคยเลี้ยงดูมาแต่เล็กอย่างชั่งใจ
“คุณรามไปโรงพยาบาลนะคะ ไม่ต้องห่วงปีบ รีบไปดูแลคุณหญิง” แม่ปีบสะอื้นไห้พลางละล่ำละลักให้รามรีบไป ชายหนุ่มผละจากหญิงวัยกลางคนกลับเข้าไปในรถ
“มีอะไรกัน นั่นแม่นมปีบเขาดีใจที่แกกลับมาถึงกับร่ำไห้ขนาดนั้นเชียวหรือวะ”
“เจ้าราชกินยานอนหลับเกินขนาด ตอนนี้มันอยู่โรงพยาบาล ฉันต้องรีบไปดูมันก่อน นี่มันอะไรกันวะ เมื่อกี้เกือบจะขับรถชนคน นี่มาถึงบ้านไม่ทันได้เข้าบ้านก็มีเรื่องอีกแล้ว” รามสบถอย่างหัวเสียรีบถอยรถแล้วบึ่งออกไปทิ้งแม่ปีบยืนร่ำไห้อยู่ข้างหลัง
“อย่าบอกนะเพื่อน ว่าที่มันกินยาตายเพราะว่า....” เสียงของพีรพลขาดหายไปในลำคอ ในเวลาเช่นนี้อะไรจะดีไปกว่าความเงียบและได้แต่มองมือหนาใหญ่ของเพื่อนรักที่กุมพวงมาลัยไว้แน่น เส้นทางที่ทอดตัวอยู่ข้างหน้าราวจะยืดยาวไปไม่สิ้นสุด หัวใจของรามเต้นแรงขึ้นๆ ทุกขณะ น้องจะเป็นเช่นไรบ้าง ทำไมถึงได้คิดสั้นแบบนี้ คำถามที่ไม่มีคำตอบวนเวียนไปมาอยู่ในหัวตลอดเวลา ชายหนุ่มเร่งความเร็ว แต่ยิ่งเร็วมากเท่าใดหัวใจก็ยิ่งหวั่นหวาดมากเท่านั้น แสงแดดแผดแรงในยามนี้ก็คงไม่ร้อนเท่าสิ่งที่ปะทุอยู่ภายใน
“พี่.....ตอนนี้ผมเจอคนที่ใช่แล้วนะ”แวบหนึ่งในความคิดนั้นได้ยินเสียงของน้องชายทางโทรศัพท์ชัดเจน “ผมไม่เคยรักใครเลยนะพี่ นี่เป็นรักแรกของผมจริงๆ เธอสวย ฉลาด อบอุ่น ผมอยากใช้ชีวิตกับเธอจริงๆ เสียดายที่ตอนนี้พี่อยู่เชียงใหม่ ถ้าพี่อยู่กับผมที่นี่ผมจะพาเธอมารู้จักกับพี่”
แม้ไม่เห็นหน้ารามก็ยังนึกออกว่าน้องชายจริงจังมากแค่ไหนกับความรักครั้งนี้ ราชเป็นน้องชายคนเดียวของราม ทั้งคู่เป็นบุตรชายของคุณหญิงปารมี อยู่ในตระกูลวิเศษณ์ธาดาที่ร่ำรวยมหาศาล บิดานั้นจากเขาไปตั้งแต่วัยเยาว์ มารดาของทั้งสองย้ายครอบครัวจากเชียงใหม่มาตั้งรกรากอยู่ที่ภูเก็ต คุณหญิงปารมีใช้เงินส่วนหนึ่งเปิดรีสอร์ทหรูริมทะเลเป็นที่รู้จักกันดีในนาม ดิย่ารีสอร์ท รามและราชมีนิสัยแตกต่างกันมากแม้จะมีหน้าตาละม้ายคล้ายกัน พี่ชายเป็นคนแข็งกร้าวไม่ยอมคนในขณะที่น้องชายเยียบเย็นและช่างฝัน
รามไม่ปรารถนาให้ใครมองเห็นความสำเร็จของตนภายใต้เงื้อมเงาของมารดาจึงปลีกวิเวกไปบุกเบิกรีสอร์ทของตนเองที่เชียงใหม่เพียงลำพัง เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี อัคนีรีสอร์ทของชายหนุ่มวัยสามสิบก็กลายเป็นรีสอร์ทในหุบเขาที่มีชื่อเสียงไม่น้อยไปกว่ารีสอร์ทริมทะเลของมารดา หลายปีแล้วที่ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมสันไม่ได้กลับบ้าน จังหวะชีวิตนั้นไม่หวือหวาอย่างคนเมืองด้วยอยู่กลางป่ากลางเขาแม้สตรีใดไม่เคยข้องแวะ ความแวดล้อมเช่นนี้เองได้หล่อหลอมให้บุตรชายคนหัวปีของคุณหญิงปารมีกลายเป็นคนเย็นชาและดุดันเพราะจุดมุ่งหมายในชีวิตของราม วิเศษณ์ธาดาคืองานและงานเท่านั้น
“ความรักทำให้คนดีเป็นคนบ้า ตาสว่างก็มืดบอด คนเป็นก็กลายเป็นคนตาย เจ้าราชมันอ่อนแอ มันยอมให้ความหลอกลวงนั่นมามีอำนาจเหนือมัน ฉันคนหนึ่งจะไม่มีวันให้สิ่งบังตามาทำให้ฉันอ่อนแอเช่นนั้น ฉันจะไม่มีวันทุ่มเทความรักให้ใครจนไม่เหลืออะไรไว้ให้ตัวเองเด็ดขาด”
ไม่นานก็เห็นป้ายโรงพยาบาลอยู่ลิบๆ แม้ภายนอกที่ดูเข้มแข็งของรามจะทำให้ดูเหมือนว่าเขาไม่หวาดหวั่นสักแค่ไหน แต่หัวใจนั้นกลับร้อนรนทั้งยังกังวลหนักหนา หากมีอะไรเกิดขึ้นคนที่เขาต้องเป็นห่วงมากที่สุดคือคุณหญิงปารมีมารดาของเขาเองเพราะหลังจากที่บิดาได้จากไปแล้ว ในชีวิตของคุณหญิงก็เหลือเพียงเขาและน้องชายเท่านั้น