“ตายจริง.....คุณเข็ม มาเมื่อไหร่คะ ไม่เห็นโทรมาบอกก่อนเลย พี่ไม่ได้เตรียมอะไรไว้ต้อนรับเลยนะคะนี่”คุณหญิงปารมีทำหน้าแปลกใจเมื่อพบว่าเช้านี้มีแขกมาเยี่ยมที่บ้านถึงสามคน
“สวัสดีค่ะคุณพี่ เข็มเพิ่งกลับจากไต้หวันเมื่อวานนี้เองค่ะ เลยรีบมาหาคุณพี่ก่อน นี่เข็มซื้อของฝากมาให้คุณพี่ด้วยนะคะ พอดีไปเห็นชุดคาฟทานที่คุณพี่ชอบแขวนอยู่ในช็อปเลยหยิบมาซะสองสามชุด”
ร่างบางในชุดเสื้อแขนยาวผ้าชีฟองและกางเกงขายาวตัวโคร่งลุกจากเก้าอี้รับแขกพลางยกมือไหว้อย่างนอบน้อมกล่าวพลางชี้ชวนให้ดูถุงกระดาษอาบมันที่ใส่ของฝากอย่างภูมิใจ
“ซื้อมาทำไมคะ ดูซิรบกวนคุณน้องอีกแล้ว ไปต่างประเทศทีไร พี่ล่ะต้องได้ของใหม่ๆ กับเขาทุกที...โอ้...วันนี้คุณพงพจน์มาด้วยหรือคะ แล้วนี่...”
นีรนุชค่ะ ลูกสาวคนเดียวของเข็มไงคะ ปีนี้เขาเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย นุชไหว้คุณหญิงป้าสิลูก นี่คุณหญิงปารมี วิเศษณ์ธาดา เจ้าของดิย่ารีสอร์ทที่แสนโด่งดังไงจ๊ะ”
เขมนิจรีบแนะนำบุตรสาวคนเดียวให้คุณหญิงรู้จัก สาวน้อยวัยสิบแปดในชุดแซกสั้นแขนตัดสีฟ้าเทอควอยซ์ลุกขึ้นแล้วยกมือไหว้ ใบหน้าใสประพรมด้วยรอยยิ้มของเด็กสาวแรกรุ่นช่างเป็นที่ถูกตาต้องใจคุณหญิงปารมียิ่งนัก
“พี่ไม่เคยเจอลูกสาวน้องเข็มเลยนะคะ...” ว่าพลางก็นั่งลง “น้องเข็มไม่เคยพามาที่นี่เลย ไม่ได้แล้วนะคะ บ้านนี้น่ะมีแต่ลูกชาย ทีหลังต้องพามาให้รู้จักกันบ้าง ประเดี๋ยวเจอกันข้างนอกไม่รู้จัก เดี๋ยวจะว่าห่างเหินกันได้นะนี่”
ทั้งเขมนิจและคุณหญิงปารมีต่างหัวเราะให้กันคิกคักไม่ทันได้หันไปมองว่าพงพจน์นั่งชักสีหน้าหงุดหงิดอยู่อีกฝั่ง ชายวัยกลางคนยังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ลูกสาวอีกคนหนึ่งที่เขาทอดทิ้งมาสิบกว่าปี ในเวลานั้นเขาต้องยืนอยู่บนทางสองแพร่ง ทางหนึ่งคือภรรยาที่เป็นครูฐานะไม่ได้ร่ำรวยและบุตรสาวอายุเจ็ดขวบ และอีกทางหนึ่งที่เขาตัดสินใจเลือกเดินมาด้วยความเห็นแก่ตัวเพราะเผลอไผลไปกับความสุขสบายและทรัพย์สินเงินทองของเขมนิจภรรยาใหม่ที่เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอตั้งครรภ์จนให้กำเนิดลูกสาวที่น่ารักอีกคนคือนีรนุช หลังการหย่าร้างเขมนิจยื่นคำขาดไม่ให้เขาติดต่อกับภรรยาเก่าและบุตรสาวอีก
“มีมี่ของพ่อ”พงพจน์ยังไม่ลืมวันเวลาเก่าๆ โดยในระยะหลังมานี้เขารู้สึกห่วงหาอยากพบบุตรสาวและมิ่งขวัญอย่างบอกไม่ถูก จนเมื่อวานนี้ที่เขาได้พบและสัมผัสบุตรสาวคนโตอีกครั้งมันยิ่งทำให้เขารุ่มร้อนอยากเจอหน้าลักษมีอีกหากมีโอกาส
“แม่ขา...เมื่อครู่ตอนเข้ามาหนูเห็นทางโน้นมีสระบัวด้วย นุชขอเดินไปดูหน่อยนะคะ”
“เอาเลยลูก...ไปเลยจ้ะ หนูจะไปดูตรงไหนก็ได้ บ้านหลังนี้ยินดีจ้ะ” ปารมีสนับสนุน เด็กสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปอย่างลิงโลด
“สาวๆ ก็แบบนี้ ชอบของสวยๆ งามๆ ชอบดูโน่นดูนี่ น่ารักจริงๆ”คุณหญิงปารมีหันมาคุยกับเขมนิจและพงพจน์ต่อ
“คุณพี่คะ แล้วนี่ลูกๆ คุณพี่ไปไหนหมดคะ บ้านเงียบจัง”
“ตอนนี้ตารามลูกชายคนโตพี่ให้เขาไปดูแลรีสอร์ทแห่งใหม่น่ะค่ะ กำลังจะเปิดตัวเดือนหน้า เขาเพิ่งลงมาจากเชียงใหม่ อายุก็ปาเข้าไปสามสิบแล้ว ยังไม่ยอมพาใครมาแนะนำตัวให้รู้จักซะที ส่วนตาราชน่ะ...ไม่ค่อยสบายค่ะพี่เลยให้พักผ่อน นั่นก็...โสดนะคะคุณน้อง กำลังดูๆ อยู่ว่าเมื่อไหร่จะมีคนถูกใจมาให้แม่ชื่นชมด้วยซะที”
คุณหญิงพูดพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนส่งสัญญาณอะไรบางอย่างให้เขมนิจที่ยิ้มตอบรับด้วยแววตาที่บอกบางสิ่งกลับไปเช่นกัน
แดดยามสายสาดส่องลงมายังสระบัวขนาดใหญ่ข้างบ้านรูปทรงบาหลีที่มีทางเดินทอดตัวไปสู่ศาลากลางน้ำ ดอกบัวน้อยใหญ่แผ่กลีบรับประกายแดดบนแผ่นน้ำไหวระยิบดุจห่มคลุมด้วยกำมะหยี่ นีรนุชเดินทอดน่องไปตามทางเดินที่สร้างด้วยไม้สักเคลือบเงาวาววับยามต้องละอองแดด เธอมุ่งหน้าไปยังตัวศาลาแปดเหลี่ยมตระหง่านกลางสระขนาดใหญ่เพื่อที่จะพบว่ามีใครคนหนึ่งนั่งอยู่บนม้าโยกเพียงลำพัง
เด็กสาวค่อยๆ จรดปลายเท้าลงบนพื้นเบาๆ กลัวเป็นการรบกวนผู้ที่อยู่ก่อน ทว่าทุกอย่างยังคงเงียบงัน ม้าโยกที่หยุดนิ่งไม่เอนไปมาแม้จะมีร่างสูงใหญ่ทอดร่างเอนกายอยู่ ณ ที่นั้น สาวน้อยไม่นึกสงสัยใดๆ ในความสงบเงียบที่ลอยตัวอยู่รอบๆ เธอทอดสายตาออกไปภายนอกเพื่อซึมซับความงามในบริเวณสระบัวอย่างเป็นสุข นีรนุชหยุดที่รั้วของศาลาโดยอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองผู้ที่นั่งอยู่บนม้าโยก
ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อคอกลมสีขาวกางเกงจีนสีกรมท่า หลังนั้นแนบไปกับพนักพิงใบหน้าตั้งตรง เสี้ยวหน้าอันหล่อเหลาทว่าดวงตาที่ทอดไปเบื้องหน้าดูแห้งแล้ง มือทั้งสองวางนาบไปกับที่พักแขนเสมือนปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างลงที่ตรงนั้น เขาไม่รู้หรืออย่างไรว่ามีใครมายืนอยู่ตรงนี้ นีรนุชนึกอยู่ในใจเพราะหลายครั้งที่หันกลับไปมองหากแต่ก็ปราศจากการตอบโต้ใดๆ จากอีกฝ่าย
“เขายังไม่พร้อมที่จะคุยกับใครตอนนี้หรอกครับ”
เด็กสาวหันไปตามเสียงที่ดังขึ้นมากลบความเงียบ ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวกางเกงยีนส์มายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้ แต่เสียงกังวานและใบหน้าคมคายนั้นทำให้นีรนุชถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ
“โทษทีค่ะ...นุชแค่มาเดินเล่น เห็นว่าบรรยากาศดีน่ะค่ะ”