หมายตา

3363 Words
ฉันเดินมายังลาดจอดรถของมหาลัย ตลอดทางเดินนี่มันชั่งเย็นวูบวาบดีเหลือเกิน คนบ้าเอ๊ย... เดินมาได้สักพักฉันก็เจอรถยี่ห้อเดียวกันจอดเรียงกันอยู่สี่คนแต่คนล่ะสี สีแดงของเฮียโต้ง ถัดมาคือสีดำ สีส้ม สีขาว แล้วรถพี่ราเรซสีอะไรล่ะ ฉันลองกดปุ่มรีโมทที่กุญแจ สัญญาณปลดล็อกสว่างวาบขึ้นที่รถคันสีดำ นี่รถเขาสินะ ฉันมองหันซ้ายหันขวาดูว่ามีใครเห็นฉันหรือเปล่า เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นแล้ว ฉันก็รีบเปิดประตูรถคันสีดำเข้าไปนั่งข้างในอย่างรวดเร็ว ฉันสตาร์ทเครื่องรออย่างที่พี่ราเรซบอกพร้อมกับล็อกประตูด้วย นั่งรออยู่สักพักเขาก็เดินมา ฉันเอื้อมมือไปปลดล็อกประตูฝั่งคนขับเพื่อให้เขาเปิดประตูเข้ามาได้ “เอาคืนมาได้แล้วค่ะ ต้าจะได้กลับบ้าน” ฉันแบมือยื่นไปตรงหน้าเหมือนเด็กแบมือขอเงินจากผู้ใหญ่ “เดี๋ยวไปส่ง” หันมาบอกฉันเสร็จ พี่ราเรซก็ถอยรถขับออกจากมหาลัยทันที “แล้วเขารับน้องเสร็จกันแล้วเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามเมื่อรถวิ่งอยู่บนถนนได้สักพัก “ยัง” พี่ราเรซตอบโดยที่ตายังมองถนนอยู่ “แล้วต้าหายมาแบบนี้จะโดนรุ่นพี่ทำโทษไหม” แอบหนีมาแบบนี้รู้สึกไม่ดีเลยเหะ แต่จะให้กลับไปร่วมกจิกรรมต่อก็ไม่ได้ เพราะว่าอันเดอร์แวร์ของฉันมันอยู่กับเขา ฉันชำเลืองมองใบหน้าคมเข้มเล็กน้อย พอพี่ราเรซหันมา ฉันก็เซลูกตาไปข้างทางอย่างเนียนๆ ทำเหมือนมองนู่นนี่นั่นไปเรื่อย “ก็บอกเขาไปสิ ว่าโดนพี่ทำโทษแล้ว” พี่ราเรซหันหน้ามายิ้มอย่างมีเลศนัย “แล้ว... ถ้าเขาถามว่าโดนทำโทษยังไงล่ะ ต้าต้องสาธิตให้เขาดูไหม” ฉันลองพูดแหย่เล่นๆ แกล้งทำหน้าอย่างใสซื่อ อยากเจ้าเล่ห์กับฉันดีนัก “ถ้าสาธิตให้ดู มันทำคนเดียวไม่ได้หรอก ต้องให้พี่มาร่วมแสดงด้วย” เขายังนั่งยิ้มหน้าระรื่นอยู่ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวต้าให้เพื่อนผู้ชายมาช่วยดีกว่า” ฉันหันไปตอบพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างส่งไปให้อย่างกวนๆ “ก็ลองดูสิ ได้เห็นดีกันแน่” และก็เป็นฉันเองที่ต้องหุบปากลงอย่างฉับพลัน ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้แค่ขู่แน่นอน เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เป็นคำตอบได้ดีเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น... ฉันไม่ควรเสี่ยงเพราะมันไม่เป็นผมดีต่อตัวฉันเอง จากนั้นฉันก็นั่งเงียบมาตลอดทางไม่กล้าพูดอะไรอีกเลยจนมาถึงบ้านของฉัน “ขอบคุณค่ะ ที่มาส่ง” ฉันหันไปบอกโดยที่ไม่รอให้เขาตอบ รีบเปิดประตูรถออกแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสามของบ้าน ซึ่งก็คือห้องนอนของฉันเอง มันรู้สึกหวิวๆ มาตลอดทางแล้วถึงบ้านสักที เมื่อก้าวเข้ามาให้ห้องนอนของตัวเอง ก็รู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก ฉันนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงสักพักก็ลุกขึ้นไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูออกมาแล้วก็เดินกลับมายังเตียงนอน มือเล็กแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาออกทีละเม็ดอย่างใจเย็นพร้อมกับฮั่มเพลงไปด้วย โดยที่ไม่รู้เลยว่าในห้องนอนนี้ไม่ได้มีเธออยู่เพียงคนเดียว... ราเรซ ผ่านไปอีกปีกับชีวิตเด็กมหาลัยนี่ก็ปีสี่แล้ว อีกแค่ปีเดียวผมก็เรียนจบ วันนี้ก็เหมือนกับทุกๆ ปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยมีอะไรให้ตื่นเต้นสักเท่าไหร่ จนกระทั่งไอ้เลโอเดินเข้ามาพร้อมกับเล่าเรื่องน้องปีหนึ่งให้ฟัง มันมีอะไรน่าสนใจงั้นเหรอ... “พวกมึง... กูมีอะไรจะบอก” เลโอเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มหน้าระรื่น ตอนนี้ ผม โต้ง บิ๊กไบค์ กำลังนอนเล่นกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างๆ ตึกคณะบริหารธุรกิจ “อะไรของมึงวะ” โต้งลุกขึ้นนั่งถามเลโออย่างหัวเสีย นับวันมันยิ่งขี้หงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ ล่ะไอ้โต้งเนี่ย “เรื่องนี้อาจจะไม่ตื่นเต้นสำหรับมึง แต่มันตื่นเต้นหรับไอ้ไบค์” เลโอบอก “จะพูดอะไรก็รีบพูดมา อย่าลีลา” บิ๊กไบค์ลุกขึ้นนั่งถามเลโอ “กูไปดูรายชื่อของน้องๆ ปีหนึ่งที่คณะมา มีชื่อน้องแก้มใสของมึงด้วยไอ้ไบค์” พอได้ยินดังนั้น บิ๊กไบค์ก็ยิ้มแป้นอย่างอารมณ์ดี “เออ ไอ้โต้งกูเห็นชื่อน้องต้าหนิงด้วย ไม่เห็นมึงเล่าให้เพื่อนฟังบ้างเลย” ผมหูผึ่งเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วจนไอ้โต้งหันมามองหน้าผมอย่างสงสัย ลืมตัวซะแล้วผม เก็บอาการไม่อยู่จริงๆ ที่รู้ว่ายัยตัวเล็กก็มาเรียนที่นี่ด้วย แถมเป็นรุ่นน้องในคณะของผมอีก ไม่ได้เจอกันตั้งสามปีไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้างน่า... “แล้วทำไมกูต้องบอกพวกมึงด้วยวะ” โต้งถามเลโอ “เอ้า! ไอ้นี่ ก็พวกกูเพื่อนมึงไงคร๊าบ...” เลโอพูด แอบประชดไอ้โต้งนิดๆ “ไม่ยักรู้ ว่าเรื่องของน้องกูเป็นที่น่าสนใจของพวกมึงตั้งแต่เมื่อไหร่” ปากมันถามเลโอ แต่สายตาของไอ้โต้งชำเลืองมองมาที่ผม “กูว่าเราไปดูกันหน่อยไหม กูอยากเห็นแก้มใส ไม่ได้เจอกันตั้งสามปี อยากจะรู้นัก ว่าถ้าเจอหน้ากูตอนนี้จะเป็นยังไง” น้ำเสียงเหมือนมันเคือง แต่หน้ามันนี่กลับยิ้มแป้นไม่ยอมหุบ “ไปดิ กูก็อยากไปส่องเหมือนกันว่ามีคนน่ารักๆ บ้างไหม” ผมพูดเสริมบิ๊กไบค์อีกคน “แล้วมึงสนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไอ้เรซ กี่ปีๆ กูก็ไม่เห็นมึงจะระริ้กระรี้ขนาดนี้เลย” แล้วผมก็โดนไอ้โต้งแขวะเข้าให้ “มันก็คงอยากขึ้นมาบ้างล่ะมั้ง” บิ๊กไบค์ตอบแทนผมพร้อมกับหันมายักคิ้วให้อย่างรู้กันแค่สองคน ถามว่าในกลุ่ม เราสนิทกันไหม พวกผมสนิทกันมากครับ แต่เรื่องของหัวใจผม มีแค่บิ๊กไบค์เท่านั้นที่รู้ ถ้าไอ้โต้งรู้... เป็นโดนตีนแน่ แต่ผมไม่ได้กลัวมันหรอกครับ ผมแค่ไม่อยากมีปัญหากับเพื่อน แต่ในทางกลับกัน ...ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้เหมือนกัน “กูลืมโทรศัพท์ไว้ในรถวะ พวกมึงไปก่อนเลย” ผมคลำหาโทรศัพท์ของตัวเองไม่เจอก็เลยเดินไปยังลาดจอดรถ สงสัยต้องอยู่ในรถแน่ๆ แล้วมันก็จริง เพราะมันนอนแอ่งแม่งอยู่ที่เบาะคนขับ ผมหยิบโทรศัพท์ออกมากำลังจะเดินกลับไปที่คณะ สายตาเจ้ากรรมก็แลไปเห็นรถหรูที่คุ้นตาเพราะผมเคยเห็นมันมาก่อน แต่นั้น เรื่องรถไม่ได้ให้ผมตกใจเท่ากับสิ่งที่ตาของตัวเองเห็นอยู่ในตอนนี้ ไอ้ไผ่กับต้าหนิง พอมันเห็นหน้าผมเท่านั้นแหละ มันก็หันไปจูบต้าหนิงต่อหน้าต่อตาผม แล้วมันก็มองผมด้วยสายตาอย่างเป็นผู้ชนะ ผมเผลอกำหมัดแน่นอย่างลืมตัว ยัยตัวเล็กนั่นก็ด้วย ไม่มีทีท่าจะขัดขืนสักนิด มันน่านัก ...ต้าหนิง ผมเดินกลับมาหาเพื่อนที่หน้าตึกคณะ ก็เห็นต้าหนิงกำลังยืนคุยอยู่กับโต้งอยู่ เธอกำลังจะหมุนตัวกลับหลังผมจึงแกล้งเดินเข้าไปขว้างทางทำให้หัวทุ่ยชนเข้ากับอกแกร่งอย่างจัง “ขอโทษค่ะ” ต้าหนิงก้มหน้ากุมตาพูดขอโทษ ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ๆ พอได้เห็นใบหน้าหวานใจมันก็เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้จะได้เห็นเพียงแค่ด้านข้างก็ตาม แค่นี้ก็ทำให้ใจผมเต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง ความขุ่นเคืองก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะเบาลงแต่ก็ยังไม่หายขาด อยากจะเชยคางเธอขึ้นมาสบตากับผม แต่มันก็ติดตรงที่ไอ้โต้งก็ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ แถมจ้องผมอย่างจับผิดอีกต่างหาก “ไม่เป็นไร” ผมพยายามพูดให้น้ำเสียงฟังดูปกติที่สุด ทั้งที่ภายในใจมันกำลังกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจที่ได้เจอต้าหนิงอีกครั้ง “ไปไหนมาคะ” ซินดี้เดินเข้ามากอดแขนพร้อมกับเอาหน้าอกหน้าใจของเธอถูไถอย่างยั่วยวน และนั่นมันก็เป็นผมดีต่อผมเพราะมันทำให้ไอ้โต้งเลิกมองผมด้วยสายตาจับผิดได้ ผมก็เลยใช้ซินดี้เป็นตัวบังหน้าเพื่อให้เพื่อนเลิกระแวง จากนั้นไอ้บาสก็พาน้องปีหนึ่งไปทำกิจกรรมต่อในหอประชุม ซึ่งรุ่นพี่อย่างพวกผมก็คอยเดินตามดูความเรียบร้อย ก็ดูๆ ไปงั้นแหละ ความจริงผมไม่ได้มองใครเลยต่างหากนอกจากต้าหนิง ผมแอบมองอยู่เป็นระยะๆ และก็คอยระวังไอ้โต้งด้วย เพราะมันคอยจับผิดผมอยู่ ไอ้บาสประกาศให้น้องปีหนึ่งจับกลุ่มโดยที่ให้แต่ล่ะกลุ่มมีชายหญิงปะปนกันด้วย ผมนี้อารมณ์ขุ่นขึ้นมาเลยครับ “ไอ้ไบค์ ไปลากไอ้บาสมานี่ดิ” พอบาสพูดจบบิ๊กไบค์ก็เดินเข้าไปจับคอเสื้อนักศึกษาของบาสแล้วก็ลากมันมาหาผม “อะไรของมึงครับ” บาสโวยนิดหน่อยที่ถูกบิ๊กไบค์เชิญตัวมาอย่างมีมารยาทผู้ดี ป้าบ! ผมตบหัวไอ้บาสไปหนึ่งที แต่ก็ไม่ได้แรงอะไรมาก แค่มันเกือบหัวทิ่มนิดหน่อย “มึงประกาศ เหี้ยไร ทำไมให้จับกลุ่มกันมัวแบบนั้น” ผมโวยไอ้บาส “เอ้า! ไอ้นิ ก็กูต้องการให้น้องๆ ทำความรู้จักกัน และก็สามัคคีกัน พวกมึงไม่ช่วยเหี้ยไร ก็อยู่เฉยๆ ควายยยยย” แล้วผมก็โดนไอ้บาสด่ากลับ เกมที่พวกน้องปีหนึ่งเล่นอยู่นี้มันขัดหูขัดตาชิบ... ทำไมต้าหนิงต้องไปอยู่กลางด้วยวะ ดูไอ้เหี้ยสองตัวนั้นดิ ยิ้มหน้าระรื่นอยู่ได้ “กูอยากเอาส้นตีนยันหน้าไอ้สองตัวนั่นจัง” บิ๊กไบค์หันมาพูดกับผมให้ได้ยินแค่สองคน “กูก็ด้วย สัสเอ๊ย” ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีล่ะครับ ได้แต่นั่งดูไปอย่างเซ็งๆ ตุบ! “เฮ้ย!/เฮ้ย!” ผมกับบิ๊กไบค์ร้องประสานเสียง ทำให้เพื่อนในกลุ่มหันมามองเป็นตาเดียว ที่ร้องกันอย่างตกใจขนาดนี้นะเหรอ ก็เพราะต้าหนิงล้มลงไปทับร่างไอ้รุ่นน้องปีหนึ่งผู้ชายที่อยู่กลุ่มเดียวกันกับเธอนะสิ ภาพที่เห็นมันชั่งเรียกตีนจากผมใส่หน้าไอ้รุ่นน้องนั่นได้ดีเลยทีเดียว ส่วนแก้มใสก็ไม่ต่างกันดูจะหนักกว่าต้าหนิงอยู่ล่ะ เพราะเธออยู่ใต้ร่างไอ้รุ่นน้องนั่น ผมเห็นบิ๊กไบค์นั่งกำหมัดแน่น “เย็นไว้เพื่อน...” ผมกระซิบบอกบิ๊กไบค์ และก็เหมือนโชคจะเข้าข้างพวกผม เมื่อบิ๊กไบค์รับอาสาจะทำโทษน้องปีหนึ่งกลุ่มของต้าหนิงเอง มันชั่งหัวไวดีจริง ต้องขอบคุณบิ๊กไบค์อย่างงาม ผมกับบิ๊กไบค์มองหน้ากันอย่างมีเลศนัย ไม่มีใครรู้หรอกว่าพวกผมคิดจะทำอะไรต่อจากนี้... หึๆ “กูอยู่ในห้องคณะนะ” บิ๊กไบค์เดินออกมาพูดลอยๆ ซึ่งรู้กันแค่สองคนระหว่างผมกับเพื่อน บิ๊กไบค์มันส่งนักโทษของผมเข้าไปในห้องเพื่อรอให้ผมเชือดเรียบร้อยแล้ว ต่อไปถึงตาผมส่งนักโทษของมันไปให้เพื่อนเชือดบ้าง... หลังจากที่ทำโทษรุ่นน้องจนพอใจแล้วผมก็พาต้าหนิงมาส่งที่บ้าน ความจริงมันก็ยังไม่พอใจถึงที่สุดหรอก แต่ว่ามันมีมารมาผจญซะก่อนก็เลยต้องหยุดไว้แค่นั้น ใจจริงผมอยากจะได้มากกว่านั้นด้วยซ้ำ รอโอกาสเหมาะๆ ก่อนเหอะ ผมฝากปลาย่างไว้กับแมวนานเกินไปล่ะ ถึงเวลาแย่งปลาย่างคืนแล้ว... ทีที คลับ ผมลงจากรถแล้วก็เดินเข้ามาในร้านกาแฟของบ้านต้าหนิง แล้วเจอกับแม่ของต้าหนิง ซึ่งท่านกำลังคิดเงินอยู่ที่เคาน์เตอร์ “สวัสดีครับม้า” ผมเดินเข้าไปสวัสดีท่าน ท่านทำสีหน้างงเล็กน้อยเหมือนจะจำผมไม่ได้ อะไรกันครับ แค่สามปีเองที่ไม่ได้มา ลืมกันได้ลงนะครับ แบบนี้ต้องมาบ่อยๆ ซะแล้ว พักหลังมานี้พวกผมไม่ค่อยได้มาที่บ้านโต้งบ่อยเพราะพวกผมทั้งสี่คนย้ายไปอยู่ที่คอนโดกันหมด ก็เจอกันทุกวันอยู่แล้วเพราะซื้อห้องติดกัน “ราเรซเองครับม้า” ผมบอกชื่อของตัวเอง “อ้อ ม้าก็นึกอยู่ตั้งนาน ถึงว่าคุ้นๆ แต่ก็นึกไม่ออก โตขึ้นเยอะเลยนะลูก แถมหล่อกว่าแต่ก่อนอีกต่างหาก” แม่ของต้าหนิงชมไม่หยุด แล้วอยากได้เป็นลูกเขยไหมล่ะครับม้า ผมแอบถามท่านอยู่ในใจ “แล้วไปไงมาไงล่ะ โต้งมาด้วยหรือเปล่า” “อ๋อ ผมมาส่งน้องต้าหนิงนะครับ พอดีว่า... โต้งมันใช่ให้มาเอาเสื้อกีฬาให้มันด้วย” ผมโกหกม้าไป ที่จริงก็ไม่ได้อยากจะโกหกหรอก เพียงแต่ว่าคิดหาเหตุผลอย่างอื่นไม่ทัน “อ๋อ งั้นก็ไปดูเอาเถอะ ม้าไม่รู้หรอกว่าโต้งจะเอาตัวไหน” “ครับ งั้นขออนุญาตนะครับ” ผมจำต้องขึ้นไปเอาเสื้อของโต้งจริงๆ เพื่อความเนียนที่โกหกม้าไป แต่พอก้าวขึ้นมายังชั้นสอง สายตาของผมก็มองไปยังขั้นบันไดที่จะพาขึ้นไปยังชั้นสาม ซึ่งมันคือห้องนอนของต้าหนิง แล้วความคิดชั่วๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว เท้าของผมก็ก้าวขึ้นมายังชั้นสามทันที ประตูห้องนอนของต้าหนิงปิดไม่สนิทเลยทำให้ผมมองเห็นภายในห้องของต้าหนิงได้ถนัดตา ผมแอบยืนดูต้าหนิงกำลังจะถอดเสื้อนักศึกษาออกอยู่ที่ปลายเตียงนอน ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ผมมองดูอย่างตื่นเต้น รอบกลื้นน้ำลายเป็นระยะๆ จู่ๆ ก็รู้สึกคอแห้งขึ้นมาซะงั้น รู้ตัวอีกทีเท้าของผมมันก็ก้าวเข้ามาในห้องของต้าหนิงเรียบร้อยแล้ว ต้าหนิงถอดเสื้อนักศึกษาออกแล้วเอาไปวางไว้บนเตียง จังหวะนั้น ต้าหนิงหันตัวกลับมาที่หน้าประตู ต้าหนิงยืนนิ่งอึ้ง ตาของเธอโตเท่าไข่ห่าน ปากบางอ้าหวออย่างตกใจ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจ ผมกลับไปโฟกัสก้อนเนื้อที่นูนออกมาของเธอต่างหากที่มีบราสีดำปกปิดไว้อยู่ บริเวณเนินอกมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ ที่ผมเป็นคนสร้างมันขึ้นเอง ตอนที่อยู่ในห้องประชุมผมก็เห็นเพียงแค่ช่วงบนไม่ได้เห็นเต็มๆ ตาแบบนี้ มันยิ่งปลุกอารมณ์นักล่าที่ซ่อนอยู่ในตัวผมได้ดีซะจริง “พี่เรซ!” ต้าหนิงรีบหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาพันรอบอกของเธอเอาไว้ ว้า...ปิดซะได้ แอบเสียดายนิดๆ พอได้สติผมก็แกล้งทำเป็นไม่ได้รู้สึกอะไร ทั้งที่ภายในของผมตอนนี้มันร้อนรุ่มดังโดนสุ่มไฟ รู้สึกถึงความคับแน่นที่กลางกายของตัวเอง “โรคจิตเหรอคะ ถึงได้มาแอบบดูเขาแบบนี้” ต้าหนิงขึงตาใส่อย่างโกรธเคือง “งั้นมั้ง” ก็ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงยอมรับไปเลยก็แล้วกัน แมนๆ ผมเดินไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนอนของต้าหนิง เธอยืนอ้าปากหวออย่างตกใจกับการกระทำของผม “ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ คนโรคจิต” ต้าหนิงเดินไปหยิบหมอนใบใหญ่มาปาใส่หน้าผมอย่างแรง แต่ก็ไม่ทันโดนหน้าผมหรอก ผมปัดออกไปได้ก่อน “ถ้าบอกว่า... ไม่ล่ะ” ผมยกยิ้มอย่างกวนๆ “ไม่ยอมออกไปใช่ไหม” ต้าหนิงเดินไปหยิบหมอนข้างใบใหญ่มาฟาดใส่ผมอย่างบ้าคลั่ง ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ! ผมเอื้อมมือไปคว้าเอาร่างบางทำให้ต้าหนิงล้มลงมาทับร่างกายของผม ผมรีบรวบกอดเอวบางไว้แน่นเมื่อสบโอกาส “พี่เรซ! ปล่อยต้านะ” ต้าหนิงโวยวายทันทีที่เสียเปรียบ “ไม่ปล่อยหรอก” ผมจ้องตาของต้าหนิงที่ห่างกันไม่ถึงเซ็น ผมเห็นแววตาสั่นระริกอย่างตื่นๆ ไม่รู้ว่าตื่นเพราะกลัวหรือตื่นเพราะอย่างอื่นกันแน่ แล้วแก้มเนียนของต้าหนิงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด ผมมั่นใจแล้วว่า ต้าหนิงเขิน... และเธอก็หวั่นไหวไปกับผมด้วย มือบางที่กำอกแกร่งของผมก่อนหน้านี้ได้คายออกแนบลงที่อกแกร่งแทน ตึก ๆ ๆ ตึก ๆ ๆ ผมรู้สึกได้ว่าไม่ใช่แค่หัวใจของผมที่เต้นแรงคนเดียว แต่หัวใจของต้าหนิงก็เต้นแรงด้วยเพราะมันสะเทือนมาถึงผม มือหนาเลือนขึ้นไปจับที่ท้ายทอยของต้าหนิงเพื่อให้ใบหน้าหวานก้มลงมาใกล้ริมฝีปากของตัวเอง ก๊อก! ก๊อก! “ต้า ทำอะไรอยู่ลูก พี่ไผ่มารอนานแล้วนะ” เสียงแม่ของต้าหนิงเรียกอยู่หน้าห้อง ต้าหนิงรีบเด้งตัวลุกขึ้นออกจากตัวผมอย่างรวดเร็ว “ต้ากำลังอาบน้ำอยู่ค่ะ ม้า เดี๋ยวลงไป...” ต้าหนิงตะโกนตอบแม่ก่อนจะวิ่งไปแนบหูลงกับบานประตูเพื่อฟังเสียงว่าแม่ของตัวเองลงไปแล้วหรือยัง “ออกไปได้แล้วค่ะ” สงสัยแม่ของต้าหนิงลงไปแล้ว ถึงได้หันมาออกปากไล่ผม พร้อมกับใบหน้าบูดบึ้ง “ม้าไม่น่ามาขัดจังหวะเลยเนอะ” ผมแกล้งพูดขอความคิดเห็นจากต้าหนิง แล้วก็ได้รับสายตาดุกลับมาให้มา ต้าหนิงเดินมายังตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบผ้าขนหนูอีกผื่นมาคลุมกายพร้อมกับมองมาที่ผมอย่างระแวง จะทำตัวน่ารักไปถึงไหน (^_^) “โรคจิต” พอด่าผมเสร็จต้าหนิงก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับเสียงล็อกกลอนประตูดังลั่น ฟังดูก็รู้ว่าเธอตั้งใจล็อกเสียงดังเพื่อให้ผมได้รับรู้ว่า ผมเข้าไปไม่ได้ ...เด็กน้อยเอ๊ย กลับก่อนดีกว่าเดี๋ยวม้าขึ้นมาตามต้าหนิงอีกรอบมันจะทำให้ต้าหนิงดูไม่ดีเอาได้ ก่อนจะลงไปยังชั้นล่างผมก็ไม่ลืมเข้าไปเอาเสื้อกีฬาในห้องนอนของโต้งก่อนเพื่อความเนียน แต่พอลงมากลับไม่เจอม้า สงสัยอยู่หลังร้าน ผมเดินมายังหน้าร้านกาแฟก็เจอกับไอ้ไผ่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ ซึ่งมันก็หันมามองหน้าผมอย่างตกใจ เพราะอะไรนะเหรอ? ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างมีเลศนัยชวนในมันคิดไปในแง่ลบ แล้วผมก็เดินผิวปากออกจากร้านไปอย่างอารมณ์ดี เมื่อเช้าตอนที่มันจูบต้าหนิง ผมรู้... ว่ามันตั้งใจทำให้ผมเห็น นอกจากบิ๊กไบค์แล้วก็มีไอ้ไผ่อีกคนที่รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับต้าหนิง และการที่ผมเดินออกมาจากบ้านของต้าหนิงเมื่อกี้ก็พอจะสร้างความระแวงให้มันได้บ้าง ไม่มากก็น้อยแหละ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD