แอบมอง 1/2

2735 Words
ต้าหนิง ฉันรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง ดีนะระหว่างทางที่วิ่งมาไม่มีใครเห็นไม่งั้นคงได้ตอบคำถามยาวเป็นหางว่าวแน่ ฉันทิ้งตัวลงนอนกับเตียงนุ่มนิ่มอย่างอ่อนแรง ภายในใจของฉันตอนนี้มันว้าวุ่นไปหมด ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงกล้าทำแบบนั้นกับฉันทั้งที่เราสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้แล้ว... ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ใจก็เต้นแรงไม่หยุด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นี่ฉันคงไม่ได้หวั่นไหวไปหรอกนะ ที่ใจเต้นแรงแบบนี้ต้องเป็นเพราะ... ฉันตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้แน่ๆ เลย ใช่... มันต้องเป็นแบบนั้น ฉันจะรู้สึกหวั่นไหวกับคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วไม่ได้ เพราะพี่เขา... มีแฟนอยู่แล้ว คลื่น......คลื่น...... (098765xxxx) เอ๊ะ! เบอร์ใครนะ ไม่เห็นจะคุ้นเลย ฉันลังเลจะรับสายหรือไม่รับสายดี... รับดีกว่า เผื่อเป็นเพื่อนของฉันที่อาจจะเอาเบอร์คนอื่นโทรมา เพราะไม่มีใครมีเบอร์ของฉันนอกจากเพื่อนแล้วก็คนในครอบครัว “ฮัลโลค่ะ” ฉันกดรับสายกรอกเสียงพูดลงไป “ใช่เบอร์ของน้องต้าหนิงหรือเปล่าครับ” เสียงผู้ชายด้วย แถมยังรู้ชื่อฉันอีกต่างหาก “ใครคะ แล้วเอาเบอร์นี้มาได้ยังไง” ฉันถามกลับ โดยที่ไม่ตอบคำถามเขา “พี่ไผ่เองครับ พี่ขอมาจากเพื่อนของต้าหนิงที่ชื่อแก้มใสนะ” เขาอธิบาย พี่ไผ่นี่เอง นี่เขาคงจะเริ่มจีบฉันอย่างจริงจังแล้วสินะ เพราะไม่มีเฮียโต้งคอยขว้างทางเขาแล้ว “ค่ะ พี่ไผ่มีอะไรรึเปล่าค่ะ” “พรุ่งนี้วันหยุด พี่อยากจะชวนน้องต้าหนิงไปดูหนัง ไม่รู้ว่าน้องต้าหนิงจะว่างหรือเปล่า” พรุ่งนี้ฉันก็ไม่มีอะไรทำอยู่พอดี อยู่แต่บ้านมันก็น่าเบื่อ ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว ลองเปิดใจให้พี่เขาสักหน่อย เขาก็มีความพยายามน่าดูที่จีบฉันอย่างจริงจัง “ได้ค่ะ กี่โมงค่ะ” “เย้.. นึกว่าจะแห้วซะแล้ว เอาเป็นว่าสี่โมงเช้าเดี๋ยวพี่เข้าไปรับที่บ้านนะครับ” “โอเคค่ะ” ฉันควรจะหันมาสนใจคนที่เขาสนใจฉันจริงๆ และคนที่มีความเป็นไปได้ในการพัฒนาสานต่อความสัมพันธ์ พี่ไผ่เขาก็น่ารักดีนะ ดูจริงใจดี ตรงไปตรงมา การกระทำตรงกับคำพูด ไม่เหมือนใครบางคนที่ดีแต่ปั่นหัวฉันเล่นไปวันๆ เช้าวันต่อมา... ฉันตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อมาวิ่งออกกำลังกายที่สนามฟุตบอลของที่บ้าน เช้าๆ แบบนี้ยังไม่มีลูกค้ามา บรรยากาศยามเช้านี่นะ... สดชื่นดีจริง ฉันยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ข้างสนามแรกหลังจากที่วิ่งรอบสนามไปสามรอบ สนามแรกอยู่ใกล้กับร้านกาแฟของม้าและก็อยู่ใกล้กับถนนใหญ่ ทำให้ฉันได้เห็นเหตุการณ์บางอย่างที่หน้าร้านกาแฟของม้า เมื่อรถแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของฉัน จากนั้นก็มีสี่กุมารเดินลงมาจากรถแท็กซี่ ซึ่งดูจากสภาพของแต่ละคนแล้วไปตกถังเหล้ามาแง่ๆ เดินกอดคอกันเป็นคู่ๆ ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านฉัน รู้อยู่หรอกว่าไปดื่มกันมา แต่ว่า...กลับมาซะเช้าเลยนะ ไม่เกินไปหน่อยเหรอ วันหยุดทีไรเป็นต้องไปตกถังเหล้ากันให้ได้ แต่ก็นะ... ผับที่พวกเขาไปนั่นก็เป็นผับของอาพี่ราเรซ ก็ไม่แปลกว่าทำไมอายุอย่างพวกเขาถึงเข้าไปได้ แถมจะเมาแค่ไหนก็ไม่มีใครว่าอะไรซะด้วย พี่ชายฉันก็เลยได้ใจใหญ่... ฉันยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูตอนนี้เจ็ดโมงกว่าแล้ว คิดเรื่องพวกเขาไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่า ฉันเดินขึ้นมายังชั้นสามของบ้านเพราะห้องนอนของฉันอยู่ชั้นสาม ป๊ากับม้านอนอยู่ชั้นล่างเพราะท่านอายุเยอะแล้วไม่อยากขึ้นบันไดมาอยู่ชั้นบนเลยให้ฉันกับเฮียโต้งขึ้นมาอยู่ ส่วนห้องนอนของเฮียโต้งนะอยู่ชั้นสอง พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็นอนเล่นอยู่บนห้องนอนสักพักก็เดินลงมายังชั้นล่างเมื่อใกล้เวลานัด ฉันเดินลงยังชั้นสองกำลังจะลงไปยังชั้นล่างประตูห้องนอนของเฮียโต้งก็เปิดออกมาซะก่อน “จะไปไหน” ฉันหันไปมองแวบหนึ่ง เมื่อเห็นแล้วว่าไม่ใช่พี่ชายของตัวเองฉันก็เบือนหน้าหนีทันที พอเห็นหน้าเขาเรื่องเมื่อวานก็พุดขึ้นมาในหัวทันที ฉันทำเมินเฉยก้าวเดินต่ออย่างไม่สนใจ “ต้าหนิง” พี่ราเรซจับข้อมือฉันไว้ก่อนที่ฉันจะก้าวขาลงบันได “มีนัดค่ะ จะรีบไป” ฉันบิดข้อมือของตัวเองออกจากมือหนา ซึ่งพี่ราเรซก็ยอมปล่อยง่ายๆ ฉันชายตาไปมองหน้าเขาแวบหนึ่ง และถ้าฉันไม่ได้ตาฝาดไปนะ ฉันเห็นแววตาไหววูบอยู่นัยน์ตาคู่นั้นของเขามันสั่นไหวแปลกๆ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม...แต่พอฉันกะพริบตาแววตาไหววูบนั่นก็หายไปเหลือเพียงความว่างเปล่า ฉันเดินหันหลังให้กับพี่ราเรซ เดินลงยังมาชั้นล่าง ซึ่งเป็นร้านกาแฟและร้านอาหารของม้า “แต่งตัวซะสวยเลย จะไปไหนเหรอลูก” ม้ากำลังเช็ดตู้กระจกอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อฉันเดินมาที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ เพื่อหยิบนมรสสตอเบอร์ออกมาดื่มหนึ่งกล่องกับแซนวิจทูน่ามายองเนส “ไปดูหนังค่ะ” ฉันตอบม้าพลางเคี้ยวแซนวิจจนแก้มตุ่ย ม่าม้าของฉันไม่ค่อยจะหวงเท่าไร ถ้าหากฉันจะมีแฟน แต่ป๊ากับเฮียโต้งนี่ดิ หวงฉันอย่างกะไข่ในหิน “ไปกับแก้มใสเหรอ” “เปล่าค่ะ ไปกับผู้ชาย” ฉันกระซิบบอกม้าเพราะกลัวป๊าจะได้ยิน “จริงเหรอเนี่ย ใครกัน” ม้ากระซิบถามอย่างตื่นเต้น “สวัสดีครับ” ยังไม่ทันได้ตอบม้าพี่ไผ่ก็เดินเข้าสวัสดีม้าของฉันซะก่อน “ดีจ้า” ม้าหันไปรับไหว้พี่ไผ่ “ผมขออนุญาตพาน้องต้าหนิงไปดูหนังนะครับ” ม่าม้าของฉันทำหน้างงนิดหน่อยก่อนยิ้มกลับไปให้พี่ไผ่อย่างใจดี เขาสุภาพจัง... ดูเป็นคนมีสัมมาคารวะ แถมยิ้มเก่งอีกต่างหาก “ได้สิจ๊ะ แต่อยากพาน้องกลับดึกล่ะ” ม่าม้าบอก ฉันรีบกินแซนวิจกับนมรสสตอเบอร์จนหมด หันไปหยิบน้ำเปล่าออกมาจากตูแช่หนึ่งขวดแล้วก็เดินออกมาหาพี่ไผ่ที่หน้าเคาน์เตอร์ “ต้าไปก่อนนะม้า” ฉันเดินเข้าไปกอดม้าพร้อมกับหอมแก้มท่านหนึ่งที “ยัยลูกคนนี้นี่ โตเป็นสาวแล้วยังจะมาหอมแก้มม้าอีก อายพี่เขาไหมนั่น” ม้าแกล้งดุฉัน “ไม่ป็นไรหรอกครับ น่ารักดี...” พี่ไผ่ตอบ นี่กะจะทำคะแนนกับม้าของฉันเต็มที่เลยใช่ไหมเนี่ย เพราะดูจากสถานการณ์แล้ว เหมือนม้าของฉันจะพอใจพี่ไผ่อยู่ไม่น้อยกับกิริยามารยาทที่น้อมนอบของพี่เขา “พี่ไผ่ขับรถมาเองเหรอคะ” ฉันถามขึ้น เมื่อพี่ไผ่เดินมาเปิดประตูรถสปอตร์หรูให้ฉันเข้าไปนั่ง ดูแล้วบ้านรวยใช่เล่นนะเนี่ย รถคันที่ขับมารับฉันเนี่ยราคาเฉียนไปกี่ล้านก็ไม่รู้ “ครับ น้องต้าหนิงไม่ต้องกลัวไป พี่ซื้อใบขับขี่มาแล้ว” ฉันหันขวับไปมองหน้าพี่ไผ่อย่างอึ้งๆ “ฮ่าๆ ๆ พี่ล้อเล่น” เฮ้อ... โล่งอกนึกว่าพูดจริงซะอีก “พี่ไผ่นี่อารมณ์ขันจังเลยนะคะ แต่อย่าล้อเล่นแบบนี้บ่อยๆ ละ เดี๋ยวต้าหัวใจวายพอดี” “น้องต้าหนิงครับ มุมปากเปื้อนนิดหน่อยนะ ตรงนี้” พี่ไผ่ชี้นิ้วไปที่มุมปากด้านซ้ายของตัวเองเพื่อให้ฉันดูเป็นตัวอย่างว่ามุมปากฉันเปื้อนอยู่ตรงไหน “ตรงนี้เหรอคะ” ฉันเช็ดมุมปากตามที่พี่ไผ่บอก “ยังออกไม่หมดเลย เดี๋ยวพี่เช็ดให้” พี่ไผ่หยิบทิชชูจากกล่องด้านข้างประตูรถมาเช็ดที่มุมปากให้ ฉันก็ยื่นหน้าไปใกล้มือพี่ไผ่อีกเพื่อที่พี่เขาจะได้เช็ดได้ถนัดขึ้น “เรียบร้อยแล้วครับ” เมื่อเช็ดมุมปากให้ฉันเสร็จพี่ไผ่ก็กลับไปนั่งที่ตามเดิมพร้อมกับเคลื่อนตัวรถออกจากหน้าบ้านของฉัน สองหนุ่มสาวไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของพวกเขาได้มีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองทุกกิริยาของทั้งคู่ ซึ่งถูกมองลงมาจากชั้นสองของบ้าน ทำให้เห็นเหตุการณ์ภายในรถหรูได้อย่างชัดเจน ราเรซ ผมกำลังยืนมองดูคู่รักคู่หนึ่งซึ่งกำลังพลอดรักกันอยู่ในรถหรูอย่างไม่อายฟ้าอายดิน นี่กลางวันแดดจ้าแบบนี้ก็ยังไม่มีความละอายแก่ใจกันบ้างเลย ผมเดินกลับเข้าในห้องนอนของโต้งก็เจอกับบิ๊กไบค์กำลังนั่งสะบัดหัวไปมาอยู่ที่ปลายเตียง “ตื่นนานแล้วเหรอ” บิ๊กไบค์ถามผม “อือ กูจะกลับแล้ว” ผมตอบเพื่อนซึ่งบิ๊กไบค์ก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจแล้วมันก็ล้มตัวลงนอนต่อ แล้วมันจะตื่นมาเพื่อ... ผมเดินลงมายังชั้นล่างก็เจอกับม่าม้าของเพื่อน “สวัสดีครับม้า” “อ้าว เมื่อคืนนอนนี้เหรอลูก” ม่าม้าถามพร้อมกับยิ้มให้อย่างใจดี “ครับ” “แล้วโต้งล่ะ ตื่นหรือยัง” “ยังครับ นอนอยู่กับบิ๊กไบค์แล้วก็เลโอครับ” “แล้วเรซจะกลับแล้วเหรอ ทานข้าวเช้าก่อนไหม” ม้าถามอย่างใจดี เพราะแบบนี้ไง ถึงบอกว่า...ถ้าได้เป็นลูกเขยบ้านนี้...มันจะดีนะ “ไม่เป็นไรครับม้า ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ม่าม้าอีกครั้ง แล้วท่านก็ยิ้มให้อย่างใจดีเหมือนเคย Lay Music เมื่อผมเดินเข้ามาในตึก ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างหันมามองผมเป็นตาเดียว ไม่รู้จะมองอะไรนักหนา... “ขอโทษนะคะ น้องมาเทสเสียงเป็นศิลปินใช่ไหม” ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาถามผม “เปล่าครับ” “งั้นน้องสนใจเป็นดาราไหม เดี๋ยวเอานามบัตรพี่ไปถ้าเกิดน้องสนใจ...” ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ละความพยายามอีก “ผมไม่สนอะไรทั้งนั้นครับ ขอตัว...” ผมหันไปตอบอย่างรำคาญ ผมเดินขึ้นมายังชั้นสองของตึกเดินตรงไปยังห้องสุดท้ายของชั้น ผมเลื่อนประตูกระจกเปิดออกแล้วเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาตัวยาวที่อยู่ในห้องนี้ “มาหาใครครับ” ผู้ชายเจ้าของผิวขาวเนียนหน้าหล่อไม่เสื่อมคลายแม้อายุจะปาเข้าเลขสี่แล้วก็ตาม สงสัยตอนเป็นหนุ่มสาวๆ คงจะตามกรี๊ดเป็นว่าเล่น “มาหาพ่อ... ครับ” ผมแอบกระแทกเสียงนิดหน่อยตอนที่เอ่ยคำว่าพ่อ “พูดให้มันดีๆ หน่อย เมื่อคืนไปนอนไหนมา แม่แกบอกว่าแกไม่ยอมกลับไปนอนที่บ้าน” “ไปผับอาโลโค่มาครับ พึ่งกลับมาเมื่อเช้าแล้วก็ไปนอนที่บ้านไอ้โต้ง” พ่อเรย์ส่ายหน้าไปมาเหมือนเหนื่อยที่จะคุยกับผม “แล้วมาหาพ่อมีอะไร ทำไมไม่กลับบ้าน” ปากถามแต่สายตาของพ่อเรย์ยังจ้องอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์อยู่ “อยากได้รถ” ผมตอบพ่อ “ก็จอดอยู่ที่บ้านไงเยอะแยะ” “เรซจะซื้อใหม่” พ่อเรย์หันเก้าอี้กลับมามองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ “แกจะเอาไปทำอะไร ติดหญิง?” “แค่อยากได้ใหม่” “ขึ้นมหาลัยแล้วพ่อจะซื้อให้” “เรซจะเอาเดี๋ยวนี้” “ไม่ได้ แกยังเรียนไม่จบมอหกเลย” พ่อเรย์เริ่มอารมณ์เสียใส่ผม “จะให้ไม่ให้” ผมถามกลับ “ไม่!” ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาแม่ไลลาสุดสวยของผมทันที รอสักพักแม่ไลลาก็รับสาย แต่ผมกดปุ่มปิดเสียงสนทนาไว้ไม่ให้แม่ได้ยินสิ่งที่ผมจะพูด “แม่ครับ เรซมาหาพ่อที่ค่ายเพลง บังเอิญว่ามีสาวๆ มารอจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพลงพ่อเรย์เต็มห้องเลยครับ” ผมแสยะยิ้มอย่างเป็นผู้ชนะ “เฮ้ย! ไอ้ลูกเวร พูดงั้นได้ไงวะ!” พ่อเรย์รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้มาแย่งโทรศัพท์ไปจากผม แต่มีเหรอที่ผมจะยอมให้แย่งไปได้ง่ายๆ “ว่าไงพ่อ จะให้ไม่ให้” ผมถามพ่ออีกครั้ง “เออๆ แต่แกต้องเคลียร์กับแม่แกก่อนนะ” พ่อเรย์ดูตื่นตกใจมาก ผมนี้อยากจะขำให้ฟันร่วง ไม่รู้จะกลัวอะไรขนาดนั้น คลื่น...... คลื่น...... คลื่น...... แม่ไลลาโทรกลับมาพอดี ผมยื่นโทรศัพท์ไปให้พ่อเรย์ซึ่งพ่อก็ทำสีหน้าอย่างไม่เข้าใจ ผมก็เลยกดรับสายให้แล้วก็ยื่นโทรศัพท์ไปแนบกับหูของพ่อ “ฮัลโลเรซ เมื่อกี้โทรมาแล้วทำไมไม่พูดล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า” (แม่ไลลาพูด) พ่อเรย์หันหน้ามาหาผมพร้อมกับส่งสายตาดุมาให้ ผมนี่ยืนกลั้นขำสุดชีวิต จนท้องผมเริ่มจะแข็งอยู่แล้ว “ไม่มีไรครับแม่ เรซจะโทรไปบอกว่า เย็นนี้ทำกับข้าวของโปรดให้เรซกับพ่อด้วยนะครับ” ผมดึงโทรศัพท์กลับมาแนบกับหูของตัวเองเพื่อคุยกับแม่ต่อ “ได้สิ แล้วจะกลับมาตอนไหนล่ะ” (แม่ไลลาพูด) “หลังจากที่ไปซื้อรถครับ” “ใครจะซื้อรถ เรซเหรอ ไหนพ่อบอกกับแม่ว่าเข้ามหาลัยก่อนถึงจะซื้อให้ไง” (แม่ไลลาพูด) “พ่อเปลี่ยนใจแล้วครับ เพราะฉะนั้นวันนี้แม่ช่วยเอาใจพ่อหน่อยแล้วกัน พ่ออุตส่าห์ใจดีกับลูกชายสุดหล่อทั้งที” “พ่อลูกคู่นี่ จริงๆ เลย แค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวแม่จะไปตลาดสักหน่อย” (แม่ไลลาพูด) พูดจบแม่ก็วางสายไปทันที “พ่อตกลงแล้วนะ ห้ามเปลี่ยนคำ” ผมหันไปคุยกับพ่ออย่างยิ้มๆ “เออๆ แกนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ” พ่อเรย์ส่ายหน้าอย่างยอมแพ้ “ก็ผมลูกพ่อไง” ผมนั่งยิ้มอย่างภูมิใจที่สามารถทำให้พ่อยอมซื้อรถให้ผมได้ “อ้าวเรซ มาได้ไง” เสียงน้องชายสุดหล่อของแม่ผมถามขึ้น “นั่งรถมาครับ” “ไอ้หลานเวร ตอบได้กวนทีนมาก” น้าไดมอนด์บ่น “น้าขวัญหวัดดีครับ” ผมหันไปทักทายภรรยาคนสวยของน้าไดมอนด์ “ทีน้ามึงแท้ๆ ไม่ยอมหวัดดี” น้าไดมอนด์บ่น “น้าขวัญก็น้าเรซเหมือนกันป่ะ เอ๋... หรือว่าไม่ใช่ น้าขวัญครับ ถ้าไม่สนเรื่องอายุละก็... เบื่อน้ามอนด์เมื่อไรเรซยังว่างอยู่นะครับ” พูดจบผมก็ฉีกยิ้มหวานส่งไปให้ภรรยาของน้าไดมอนด์ทันที “ไอ้เรซ! เดี๋ยวเหอะมึง...” น้าไดมอนด์ควันออกหูซะแล้ว น้าของขวัญก็ยืนขำอย่างชอบใจ “หลานใครล่ะ” พ่อเรย์หันไปพูดกับน้าไดมอนด์ “ลูกใครล่ะ” น้าไดมอนด์ก็ถามพ่อเรย์กลับ “เหมือนน้ามันเลย” พ่อเรย์โบยให้น้าไดมอนด์ “เหมือนพ่อมันนั่นแหละ” น้าไดมอนด์ก็ไม่ยอมเหมือนกัน “หยุดเลยค่ะ เหมือนทั้งคู่ค่ะ” น้าของขวัญพูดขึ้น “พี่เรซค่า...” เสียงหวานใสแจ๋วดังมาแต่ไกล “ไดน่า” ผมเรียกชื่อเธออย่างดีใจ ไดน่าคือลูกสาวของน้าไดมอนด์กับน้าของขวัญ เธออายุเจ็ดขวบ อยู่ในวัยกำลังน่ารักน่าชังพูดเก่งเป็นที่หนึ่ง “ไดน่าคิดถึงพี่เรซจังเลย” ไดน่าวิ่งเข้ามากอด ผมจึงอุ้มน้องสาวตัวน้อยมานั่งบนตักพร้อมกับหอมแก้มซ้ายทีขวาทีอย่างคิดถึง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD