ห้องส่วนตัวของเฉิงอ๋องอยู่ติดกับห้องหนังสือกว้างใหญ่ ด้านนอกมีชั้นหนังสือวางตั้งเรียงราย มีโต๊ะทำงานที่สลักลวดลายน่าเกรงขาม
ระหว่างพื้นที่กว้างใหญ่นั้นด้านในคือห้องอาบน้ำที่มีฉากกั้น หากฉากกั้นออกเล็กน้อยจะมีกลไกซ่อนอยู่
กำแพงที่เชื่อมกับห้องอาบน้ำและห้องหนังสือนี้ถูกจัดให้เป็นห้องพักห้องหนึ่ง ด้านในหรูหรามีระเบียบและเร้นสายตา
ห้องลับของห้องหนังสือแห่งนี้ นับเป็นอาณาเขตหวงห้าม ยากค้นหา มิให้ผู้ใดเข้ามา
ในห้องลับ เพ่ยหนิงกำลังยืนหันหลังพิงผนังห้องเงียบๆ ฟังความเคลื่อนไหวจากห้องอีกฝั่งนิ่งๆ
ยิ่งดึกยิ่งหนาว แสงดาวพราวเต็มฟ้า ส่องแสงลอดช่องเล็กๆ ของหน้าต่างเข้ามา หญิงสาวกลับมานั่งตรงโต๊ะตัวเดิมที่มีอาหารหลากสีสันวางอยู่ละลานตา แต่ละอย่างหายากเลื่องชื่อและน่ากิน รสชาติดียิ่งกว่าเหลาอาหารที่นางเคยกินมาตลอดชีวิตสิบหกปี
นอกจากอาหารจะชั้นเลิศ แต่ละมื้อยังอิ่มหนำสำราญ กินเสร็จยังได้นอนหลับกลางวัน ไม่ต้องตรากตรำทำงานอันใด
ทว่าแม้นางจะชอบกินและอาหารหน้าตาชวนลิ้มลอง หากแต่ดวงตากลมโตดุจกวางน้อยกลับละจากอาหารอย่างไม่ใส่ใจ
นางเท้าคางมองแสงเทียนที่ส่องสว่างกลางห้อง
หน้าต่างที่ไม่ถูกอนุญาตให้เปิดออกทำให้นางต้องนั่งมองแสงจากเทียนแทนแสงจากดวงดาว
ช่างน่าอนาถใจ...
เพ่ยหนิงกำลังนึกถึงคืนแรกที่ทำให้ตัวเองต้องเข้ามาอยู่ในนี้
คืนนั้น นางเข้ามาต่อรองไมตรีกับเฉิงอ๋อง ในใจคิดว่าวันนี้ฆ่ารัชทายาทไม่ได้ วันหน้าย่อมมีโอกาส
นางจึงทวงบุญคุณที่เคยช่วยชีวิตเขา ให้เขาปล่อยนางไป แล้วนางจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก
ใครจะคาด หลังจากเอ่ยปากไม่เป็นผล นางที่โวยวายจนลำคอแหบแห้งก็ยกน้ำชาที่ไร้การแตะต้องบนโต๊ะของเขาขึ้นดื่มอย่างถือวิสาสะด้วยท่าทางโอหัง
หลังจากนั้นไม่นานตัวนางก็ร้อนรุ่ม รู้สึกถึงเพลิงผลาญที่แล่นพล่านจะไปทั่วตัวก่อนจะพุ่งขึ้นสูงและดิ่งลงต่ำไปที่ท้องน้อย ท้ายที่สุดนางก็ควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ร้องขอเขาเสียงสั่นเครือ ขณะทิ้งตัวลงนั่งบนตักของเขา
เขาตัวเกร็ง นิ่วหน้ามอง
พวกเราต่างไม่รู้ว่าในน้ำชามีอันใด
ขันทีที่อยู่นอกห้องถูกเฉิงอ๋องเรียกมาสอบถามถึงได้รู้ว่าเป็นชาพระราชทานจากฮ่องเต้ที่รัชทายาทแบ่งมาให้
สองมือแกร่งที่ประคองบั้นท้ายของนางซึ่งกำลังถูไถไปมาบนหน้าขาของเขาชะงักค้างไปทันที
“ไหวหรือไม่?” เขาถามเสียงเครียด
นางตอบเสียงสั่น “ไม่ไหว...”
หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกค่ำคืน คือนางไม่ได้ออกจากห้องลับ และเขาก็จะกลับมานอนด้วยแทบทุกคืน
ไม่รู้ว่าใครติดใจใคร
เฉิงอ๋องจ้าวเฟิ่งที่แค่กระดิกนิ้วก็มีสาวงามวิ่งตามเป็นพรวนกับนางที่เรียกร้องเขาเพราะยาแค่ครั้งเดียว...
หญิงสาวถอนหายใจให้กับความโง่เขลาของตัวเองเป็นครั้งที่เท่าใดมิอาจนับ จากนั้นพลันลุกขึ้น กระชับชุดนางกำนัลไร้สีสันให้แน่นขึ้น ทำท่าจะเดินไปทางเตียงนอน
ในตอนนี้เอง ประตูเล็กฝั่งที่ติดกับห้องอาบน้ำก็เปิดออก ร่างบุรุษสูงสง่าสวมเพียงเสื้อคลุมเผยแผ่นอกตึงแน่นก็เดินเข้ามา
เพ่ยหนิงปรายตามองเฉิงอ๋องที่แผ่กลิ่นอายเย็นเยือกนิ่งๆ ก่อนจะไล่สายตามองลงตรงหยดน้ำที่เกาะพราวบนกล้ามหน้าอก ปลายผมของเขาที่แผ่สยายพาหยดน้ำมากมายพร่างพรายที่ตรงนั้น มองดูแล้วคล้ายหยาดเหงื่อที่นางเห็นตอนอยู่ใต้ร่างเขา
หญิงสาวพลันหน้าแดง รู้สึกสับสน ใจเต้นระรัวขึ้นมา
ดูสิ! เห็นแค่นี้ก็คิดไปไกล ใครติดใจใครคงไม่ต้องสืบกระมัง
เพ่ยหนิงกัดปาก รู้สึกราวกับมีกวางกระโดดวิ่งชนอยู่ในหัวใจ นางไม่ชอบความรู้สึกนี้เท่าใดจึงลุกจากม้านั่งกลมไปล้มตัวลงนอนบนเตียง ดึงผ้าห่มปิดหน้า ไม่สนใจบุรุษผู้มาเยือน
จ้าวเฟิ่งไม่ใส่ใจอาการมองเมินนั้นของนาง เพียงเดินมาหย่อนกายลงนอนด้านข้าง เท้าแขนตะแคงมอง ถามเสียงนิ่ง “ระดูของเจ้าหมดแล้วหรือยัง?”
ใบหน้าเรียวเล็กแดงซ่านค่อยๆ โผล่จากผ้าห่ม นิ่วหน้าตอบ “เพิ่งมาจะหมดได้ไง”
ได้ยินดังนั้นบุรุษก็ให้รู้สึกขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาแค่นเสียงเย็น “ดี ดีมาก เพราะเจ้า คืนนี้ข้าถึงได้มีสภาพอนาถ”
คืนนั้น นางถูกฤทธิ์ยารุมเร้ายังมีเขาช่วย แต่คืนนี้นางกลับเป็นระดู!
จ้าวเฟิ่งดึงผ้าห่มออกจากตัวเพ่ยหนิง ทอดสายตาอ้อยอิ่งไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของนาง
สตรีที่เคยต้องมือชายแล้ว ทั่วตัวจะมีเสน่ห์อย่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมา และชายผู้นั้นก็คือตัวเขาเองที่กำลังมองนางไม่วางตา รู้สึกอย่างถ่องแท้ถึงเสน่หาที่มีมากกว่าเดิมของนางได้อย่างชัดเจน
ก่อนหน้านี้ผิวพรรณเนียนละเอียดของนางมองแล้วให้ความรู้สึกอยากสัมผัส อยากแตะต้อง ปรารถนาครอบครอง
แต่เมื่อได้ทำทุกอย่างตามใจแล้วกลับให้ความรู้สึกว่าไม่พอ คล้ายกับว่าทั่วตัวของนางมีเสน่ห์ยั่วยวนที่อธิบายไม่ถูกเพิ่มขึ้นมา
ภาพดวงตาฉ่ำน้ำใต้คิ้วเรียวที่ขมวดยามสีหน้ากำลังเผยความเจ็บปวดสุขสม กลีบปากบวมช้ำเม้มน้อยๆ ครางเบาๆ เนินอกหิมะมีรอยจ้ำ เอวคอดกิ่วขยับขึ้นลงซ้ำๆ ตามจังหวะของเขา ภาพเหล่านั้นทำอย่างไรก็ลืมไม่ลงแม้เสี้ยวเวลา ยังมีกลิ่นเหงื่อที่หอมอบอวลไปทั่วโพรงจมูก รสชาติอันหวานล้ำที่ติดปลายลิ้น
ทุกสิ่งของนางนุ่มหวานเกินบรรยาย
จ้าวเฟิ่งไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ากำลังหลงใหลทุกสิ่งในตัวเพ่ยหนิง คิดอยากรังแกนางตลอดเวลา
เขาหลับตา หวังเพียงว่ากลางลำตัวที่ยังมีเพลิงราคะตกค้างอยู่ขณะนี้จะสงบลงเสียที ทว่าจนแล้วจนรอด มันก็ยังไม่ยอมสงบ ซ้ำร้ายยังแข็งขึงมากกว่าเดิม
อ๋องหนุ่มลืมตา พลิกตัว มือข้างหนึ่งที่ร้อนผ่าวยื่นออกมา รั้งร่างนุ่มโอบกอดด้วยวงแขนที่ปวดเมื่อยจนชาหนึบ
ร่างของเพ่ยหนิงแข็งทื่อ บุรุษผู้นี้คล้ายกับอดกลั้นมานานปี เขาทำราวกับกำลังจะคุมตัวเองไม่ไหว เหมือนอยากจะฝังตัวนางเข้าไปในกายเขาจนหมด
“ท่านใจเย็น...”
จ้าวเฟิ่งขบกราม ถามเสียงขรึม “หมดเมื่อใด?”
เพ่ยหนิงกลอกตานับ “อีกสามวันห้าวัน”
ชายหนุ่มมุ่นคิ้ว “นานไป”
หญิงสาวผงกหัวเผยแก้มแดงก่ำน่ารักจากอ้อมอกร้อนผ่าว