ตอนที่ 2 ยาในสุรา2

1581 Words
แต่ใครจะคาด ทั้งๆ ที่มียาปลุกกำหนัดเร่งเร้า จนนางสัมผัสได้ถึงบางอย่างในร่างกายเขาที่แทบจะปริแตกอยู่ร่อมร่อผ่านเสื้อผ้า พริบตาเดียว ร่างของนางพลันถูกดึงให้หลุดจากภวังค์เพ้อฝันไปสิ้น ด้วยมือใหญ่ที่จับไหล่นางแล้วดันไปชิดกำแพงดังอึก ภาพชายหญิงบนเตียงเมื่อครู่ล้วนเป็นหวังซูเหยาจินตนาการไปเองคนเดียว เพราะยามนี้ จ้าวเฟิ่งเพียงก้มมองด้วยดวงตาแดงก่ำ กล่าวเพียงสามคำ “ไสหัวไป!” จากนั้นสาวน้อยที่คาดหวังเต็มเปี่ยมว่าพ้นคืนนี้จะได้หมั้นดังใจหมายจึงทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังเฉิงอ๋องที่ค่อยๆ ห่างไป สาเหตุที่หวังซูเหยาร้อนรนอยู่ไม่สุขจนต้องลุกขึ้นมาทำการลงแรงกายแรงใจ ทำตัวหน้าด้านไร้ยางอายระดับสูงสุดขนาดนี้ เพราะเพิ่งได้ข่าวว่าเฉิงอ๋องกลับมาคราวนี้เหมือนจะมีหญิงในใจ เขามีคนรักแล้ว เพียงแต่เป็นสตรีที่เขาไม่มีทางได้เคียงคู่ ตัวคนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ หญิงสาวกัดฟัน แววตาหรี่แคบฉายประกายเด็ดเดี่ยว สองมือในแขนเสื้อของนางกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ แววตาที่มองตามร่างสง่ามีแต่ความรักท่วมท้นที่ไม่เคยลดลง หญิงสาวรวบรวมความกล้าครั้งสุดท้าย วิ่งไปดักหน้าเขา “พี่เฟิ่ง ท่านรู้ดีว่าตั้งแต่ข้าเป็นเด็กหญิงไม่ประสา ในใจข้าก็มีเพียงท่านแล้ว ทำไมเล่า ทำไมท่านไม่มองข้าบ้าง ไยต้องมองหาสตรีที่ไม่คู่ควรที่หายตัวไปทางใดก็ไม่รู้ผู้นั้นด้วย” ฝีเท้าอันหนักอึ้งชะงักกึก หางตาจ้าวเฟิ่งกระตุกเบาๆ หวังซูเหยาเห็นดังนั้นก็เริ่มลำพองใจ สองตาปริ่มน้ำแลดูงดงามหยาดเยิ้มจึงส่งให้ไม่มีลดละ จ้องมองอย่างลึกซึ้งเข้าไปในดวงตาคมดำไร้ก้นบึ้งของเขาอย่างจงใจ ด้วยสภาพของเขายามนี้หากถูกสตรียื้อเวลาให้ร่วมเสวนา เกรงว่าพรุ่งนี้คงต้องส่งแม่สื่อไปเจรจาหมั้นหมายตามแผนการ หวังซูเหยาลอบแย้มยิ้มอยู่ในใจ เมื่อเห็นหนทางสำเร็จรำไร ทว่าท้ายที่สุด จ้าวเฟิ่งกลับไม่ใส่ใจว่านางจะรู้เรื่องส่วนตัวของเขามากน้อยแค่ไหน แววตาของเขายังคงเฉยเมยคล้ายผลักไส น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบผิดกับอาการร้อนรุ่มในอก “ไม่เกี่ยวว่าข้ามีใครเคียงหรือครองตัวสันโดษ เพราะสิ่งเดียวคือข้าไม่ต้องการเจ้า” กล่าวจบเขาปรายตามองนางนิ่งๆ เดินจากไปอย่างเย็นชา อีกคราที่หวังซูเหยาทำได้เพียงมองเงาร่างสูงสง่าจนลับตา รับรู้เพียงกลิ่นอายรังเกียจที่เขาทิ้งไว้ให้แผ่ซ่านรอบตัวนาง ตอกย้ำเด่นชัดถึงคำปฏิเสธอันเฉียบคมและเน้นว่าวันหน้าไม่มีโอกาสแล้ว... เรือนเฉินเฟิงตั้งตระหง่านในจวนเฉิงอ๋อง ขันทีเร่งรุดเข้าหาทันทีที่เห็นผู้เป็นนายกลับเข้าเรือนมา “ท่านอ๋อง” จ้าวเฟิ่งเดินเข้าห้อง ไม่หันมอง “เตรียมน้ำให้เปิ่นหวาง” “พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีน้อมกายรับคำ หันไปสั่งให้คนดำเนินการ นางกำนัลผู้มีสายตามากประสบการณ์มองจ้าวเฟิ่งครู่หนึ่งจึงรับรู้ถึงความผิดปกติของผู้เป็นนาย นางเอ่ยอย่างรู้งานอย่างดี “ท่านอ๋อง บ่าวจะไปตระเตรียมสาวงามให้เดี๋ยวนี้” จบคำก็ยอบกายแล้วจากไปจัดการทันที น้ำในถังไม้ถูกเติมจนเต็ม ในจังหวะที่ขันทีนามหลี่อี้กำลังยกน้ำร้อนค่อยๆ เติมให้ เฉิงอ๋องยกมือห้ามไว้ “ไม่ต้อง” จบคำก็ปลดผ้าออกจากร่างแล้วนั่งลงถังไม้ทั้งอย่างนั้น หลี่อี้นิ่วหน้า “ท่านอ๋อง น้ำเย็นเกินไป ขอท่านอ๋องโปรดถนอมพระวรกายด้วย” ยังพูดไม่จบ เสียงแหบพร่าก็ตัดบท “แต่เปิ่นหวางกำลังจะตายหากไม่ได้น้ำเย็น เจ้ารู้หรือไม่?” รู้สิ ทำไมจะไม่รู้ ในเมื่อเขาเห็นชัดเจนว่าผู้เป็นนายเหนือหัวถูกวางยาอันใดมา หลี่อี้ยืดคอยาว มองประตูครั้งแล้วครั้งเล่า หวังให้นางกำนัลพาตัวสาวงามมาโดยไว ในถังไม้ จ้าวเฟิ่งลำตัวสั่นเทา ฝ่ามือที่จับขอบถังเกร็งแน่น หลังมือตลอดจนท่อนแขนเข็งแกร่งมีเส้นเลือดปูดนูนเด่น แลดูมีเสน่ห์ร้อนแรงแฝงความเย้ายวนดึงดูดใจคนเป็นพิเศษ ยังมีสันกรามที่ขบกัน จมูกโด่งสันขึ้นสีแดงเรื่อ ริมฝีปากบางเม้มแน่น องคาพยพบนใบหน้ายามนี้คำว่าหล่อเหลาทรงเสน่ห์ยังน้อยเกินไป ขณะเหม่อมอง หลี่อี้ก็ต้องรีบหมุนตัวหันหลังหนีทันที เมื่อเห็นเฉิงอ๋องเริ่มกระทำบางอย่างเพื่อจัดการกับความปรารถนาของตัวเอง แม้ตอนนี้หลี่อี้ไม่มีสิ่งนั้นแล้ว แต่ก็ยังรู้ดีว่าคืออันใด จ้าวเฟิ่งกัดฟันขบริมฝีปาก พาร่างกายตนฝ่าพายุร้าย ผ่านไปครู่หนึ่งจึงผ่านพ้นมรสุมลูกแรก เขาสูดปากหายใจหอบใหญ่ ทว่าฤทธิ์ของยาที่ได้รับกลับไม่บรรเทาลงแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ยิ่งเพิ่มเพลิงปรารถนาให้ยิ่งลุกไหม้โหมกระพือ เสมือนว่าเมื่อครู่ที่เขาทำลงไปเป็นการเพิ่มเชื้อไฟท่ามกลางไม้สน[1]กองพะเนินเท่านั้น อ๋องหนุ่มสายตาเย็นเยือกผิดกับตัวตนที่ร้อนรุ่มเกินบรรยาย จังหวะนั้น นางกำนัลนามเซวียเทาก็เอาตัวสาวงามเข้ามา ก่อนพยักหน้าให้ขันทีเดินออกไปพร้อมกัน ประตูห้องถูกปิดลง เหลือเพียงสาวงามระเหิดระหงกำลังยืนมองเฉิงอ๋องด้วยดวงตาสั่นไหว นางดีใจแทบตายเมื่อได้รู้ว่าคืนนี้จะต้องปรนนิบัติเฉิงอ๋อง สาวงามเดินกรีดกรายเข้าใกล้เป้าหมายที่ต้องการปีนป่าย “ท่านอ๋องเพคะ...” นางสะสวยอย่างยิ่ง ประหนึ่งเทพธิดาทิ้งชั้นฟ้าลงมา น้ำเสียงยังหวานละมุนมาก รูปร่างอ่อนนุ่มยวนตา หน้าอกยวนใจ บั้นท้ายใคร่เสน่หา สาวน้อยปรือตาฉ่ำน้ำแวววาวมองริมฝีปากที่ขบกันแน่นบนใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นนาย มองแววตาคมเข้มที่เหมือนมีประกายไฟอยู่ข้างใน มองเส้นสายลายกล้ามและเส้นเลือดข้างลำคอที่กำลังปูนโปน นางมองทุกส่วนที่ทรงเสน่ห์นั้นอย่างหลงใหล ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกหวงแหนลำพองใจ ไม่ว่าใครหากได้มองล้วนรู้สึกเฉกเดียวกับนาง “หม่อมฉันหนิงเอ๋อร์เพคะ ท่านอ๋องทรงให้หม่อมฉัน...” ยังพูดไม่จบ นางพลันรับรู้ถึงกลิ่นอายอันตราย ได้ยินบุรุษในถังไม้แค่นเสียงลอดไรฟันว่า “ออกไป” “แต่ว่า ท่านอ๋องเพคะ...” จ้าวเฟิ่งช้อนตาขึ้นมองแวบหนึ่ง “หากเข้ามาอีกครึ่งก้าว เปิ่นหวางจะฆ่าเจ้า” ได้ยินดังนั้น ใครจะกล้ารั้งอยู่ “พ่ะ เพคะ ไปแล้วเพคะ” “ช้าก่อน” เมื่อเสียงเข้มนี้กระทบโสตประสาท หนิงเอ๋อร์พลันชะงักฝีเท้า ในใจลิงโลดทันใด คิดว่าท่านอ๋องต้องทนไม่ไหว คิดเปลี่ยนใจให้นางปรนนิบัติแน่แล้ว ทว่ายังไม่ทันหันไปยิ้มหวานกลับได้ยินคำพูดเย็นเยียบแทน “ต่อไปอย่าให้เปิ่นหวางได้ยินว่าเจ้าใช้ชื่อนี้อีก” “...!?” “และอย่ามาให้เห็นหน้าอีก ออกไป!” “เอ่อ...ท่ะ” ยังไม่ทันอ้าปาก หลี่อี้ที่ได้ยินพลันเข้ามากระชากตัวนางลากออกไปทันที ประตูห้องอาบน้ำปิดลงอีกครั้ง จ้าวเฟิ่งหลับตาขบกราม จัดการกับตัวเองต่อไป ผ่านไปค่อนคืน น้ำในถังกระฉอกไปเกือบครึ่ง แต่พายุอารมณ์ในกายก็ยังไม่ยอมสงบลง จ้าวเฟิ่งหอบหายใจหนักหน่วง ทั้งกระเส่าและถี่กระชั้น เขานั่งอยู่ในถังไม้ที่มีน้ำเย็นเยียบ สองคิ้วขมวดแน่น สองตาเคร่งเครียด การสลายฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดมิใช่สิ่งที่สองมือจะทำได้ ชั่วขณะนั้น ภาพหนึ่งพลันปรากฏให้ห้วงภวังค์ เป็นภาพฝันเมื่อคืนก่อน เขามองเห็นสตรีชุดแดงยืนขนาบข้าง นางผู้งดงามย่อมเป็นเจ้าสาวของเขาจึงใส่ชุดสีแดงเช่นเดียวกับเขา ยืนคู่กับเขาท่ามกลางบรรยากาศมงคลรอบกาย ในตอนนั้นเบื้องหน้าของเขาคือสตรีอีกคน นางสวมชุดสีฟ้าเรียบๆ ยืนมองเขาเงียบๆ ใบหน้าเย่อหยิ่งสงบนิ่งสุดหยั่ง พูดเสียงเนิบนาบว่า ‘ยินดีด้วย’ เขาสะบัดแขนจากเจ้าสาวข้างกาย ก้าวเท้ารุดขึ้นหน้า จับตัวนางกระชากเข้าหา คำรามเสียงลอดไรฟันว่า ‘ยินดีหรือ? เรื่องของเราคงเป็นข้าที่ปรนเปรอให้เจ้ากระมัง’ นางเงยหน้า ทุกคำล้วนเฉือนใจ ‘ในเมื่อท่านแต่งงานแล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่ข้าต้องอยู่ข้างกายท่านอีก ข้าแค่หวังว่าท่านจะอยู่ดีมีความสุขกับสตรีที่มีท่านในใจเท่านั้น ในใจข้าไม่ได้มีท่าน’ พูดจบก็สะบัดแขนเดินจากไปอย่างไม่ใยดี นางทิ้งตัวเขาไว้เพียงเบื้องหลังให้มองตามอย่างสิ้นหวัง แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่ความฝัน เพราะความเป็นจริง นางยังคงอยู่ในห้องหนังสือ และตัวเขาก็ไม่ได้แต่งงานกับใคร ในเมื่อเป็นเช่นนั้น นางก็ไม่มีสิทธิ์หันหลังให้เขา... [1]ไม้สน ไม้เกี๊ยะ จุดเป็นเชื้อเพลิง ใช้ก่อฟืน ก่อถ่าน ตั้งเตา ตั้งกระโจมล้อมวงสุราในป่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD