“สวัสดีครับคุณกุหลาบ คุณสวยเหมือนคุณนายเลยครับ”
พฤกษ์เอ่ยชมแต่คนที่เขินที่สุดคือคุณนายแจ่มจันทร์ หล่อนยิ้มหวานกับเด็กหนุ่มทั้งสอง
“แหม...มาชมกันซึ่งหน้าอย่างนี้ฉันเขินแย่นะ เอาเถอะ อยู่ที่นี่ไม่ต้องกังวลเรื่องที่อยู่ที่กิน เพราะฉันให้นายเพิ่มอยู่ที่บ้านหลังเล็กริมสวนของท่านนายพล เป็นบ้านที่สบายมาก พอถึงเวลาก็มาทานอาหารที่ห้องครัวเพราะฉันจะให้แม่บ้านจัดไว้ให้ทุกวัน คิดว่าคงอยู่ได้สบายเลยล่ะ”
“เป็นพระคุณอย่างยิ่งครับคุณผู้หญิง ผมรู้สึกรบกวนคุณผู้หญิงอย่างมาก แต่ก็อยากให้ลูกมาอยู่ใกล้ ๆ มาช่วยงานที่นี่”
“อย่าพูดว่ารบกวนเลยนะนายเพิ่ม ถือว่าเป็นการช่วยเหลือกันเพราะนายเพิ่มก็ทำงานให้ท่านายพลมาตั้งนาน ถ้ายังไงก็ให้ลูกชายนายเพิ่มไปพักผ่อนที่บ้านก่อนก็ได้แล้วค่อยทำงาน”
ทั้งสามยกมือไหว้คุณผู้หญิงของบ้าน นายเพิ่มยิ้มและอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองคุณผู้หญิงแจ่มจันทร์ เพราะถึงแม้อายุของหล่อนจะสี่สิบปลาย ๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารูปร่างหน้าตายังสะสวย ผิวพรรณของแจ่มจันทร์ยังผุดผาดเหมือนสาวรุ่นเพราะหล่อนมีเชื้อของคนจีน ทำให้ผิวขาวเหมือนหยวก แถมทรวดทรงองเอวยังน่ามอง เพราะถึงหล่อนจะตัวไม่ใหญ่แต่หน้าอกหน้าใจที่นายเพิ่มชอบเก็บเอาไปฝันนั่นใหญ่ขนาดผลส้มโอ บางครั้งคนสวยวัยกลางคนก็รู้สึกผิดเหมือนกันเพราะเขาชอบแอบมองคุณผู้หญิงของบ้านที่หน้าตายังสะสวยและเก็บเอาไปฝันเกือบทุกค่ำคืน
นายเพิ่มเป็นพ่อหม้ายที่มีลูกติดคือไพรกับพฤกษ์ ฝาแฝดหนุ่มทั้งสองที่บ้านอยู่ต่างจังหวัด ด้วยความเป็นห่วงนายเพิ่มจึงให้ลูกชายมาอยู่ด้วยกันและได้รับความเมตตาจากท่านนายพลและคุณผู้หญิงของบ้านทำให้เขารับลูกชายทั้งสองมาอยู่ด้วย
แต่ก็บ่อยครั้งที่เขาแอบมีจินตนาการถึงเมียของท่านนายพล เป็นจินตนาการพรึงเพริดที่ไม่เคยบอกใคร แต่หลายครั้งเขาก็เห็นคุณผู้หญิงเหมือนแอบซุ่มดูเขาอยู่ มันทำให้นายเพิ่มมีความหวังลึก ๆ ว่าวันหนึ่งอาจได้ลิ้มลองรสชาติคุณผู้หญิงของท่านนายพลสักครั้ง
หลังนายเพิ่มพาลูกชายฝาแฝดกลับไปที่พักแล้วคุณแจ่มจันทร์ก็หันมาคุยกับลูกสาวคนเดียวที่ยืนมองตามหลังหนุ่มแฝดทั้งสองชนิดตาไม่กะพริบ
“วันนี้แพมมาที่บ้านหรือเปล่าลูก?”
“อาจจะมามั้งคะคุณแม่ ว่าแต่คุณแม่จะไปไหนเหรอคะ”
“แม่จะเดินดูต้นไม้รอบ ๆ บ้านหน่อย รู้สึกว่าบางต้นมันจะเหี่ยว จะให้นายเพิ่มเขาช่วยหาดอกไม้สวย ๆ มาประดับตกแต่ง คุณพ่อกลับมาจะได้สบายตาเพราะมีต้นไม้สวย ๆ ใหม่ ๆ ไงจ๊ะ”
“ตามสบายค่ะคุณแม่ เดี๋ยวหนูนอนอ่านหนังสือในห้องรับแขกนี่ล่ะค่ะ”
กุหลาบมองตามมารดาที่เดินออกไปนอกบ้าน บ้านของนายพลเรืองฤทธิ์เป็นบ้านหลังใหญ่ที่รายรอบไปด้วยสวนและป่าที่มีพันธุ์ไม้นานาชนิด ๆ อยู่ห่างจากตัวเมืองในเขตที่สงบ บางครั้งลูกสาวคนเดียวของคุณผู้หญิงแจ่มจันทร์ก็จะเข้าไปในเมืองบ้าง เพราะโดยนิสัยแล้วกุหลาบชอบอยู่บ้าน และมีเพื่อนสนิทที่แวะเวียนมาหาบ่อย ๆ นั่นคือแพม เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันและคุยกันทุกเรื่อง ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง
เวลาผ่านไปสักพักกุหลาบจึงผล็อยหลับ แต่ก็เพียงงีบเดียวจึงตื่นขึ้นมา เด็กสาวมองไปรอบ ๆ ก็ยังไม่เห็นว่ามารดาจะกลับเข้ามาหล่อนจึงคิดว่าจะออกไปดูต้นไม้เป็นเพื่อนคุณผู้หญิงแจ่มจันทร์สักน่อย
คิดได้ดังนั้นก็วางหนังสือลงบนโต๊ะไม้ของชุดรับรักแล้วเดินออกไปนอกบ้านที่ร่มรื่นด้วยเงาไม้ ปกติบ้านของนายพลใหญ่จะไม่ค่อยมีใครเข้ามาวุ่นวายเพราะถือว่าเป็นที่ส่วนตัวและเจ้าของบ้านก็ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องคนเข้าออกเพราะต้องการให้เกิดความปลอดภัย
“เอ...แม่เดินไปทางไหนน๊า”
กุหลาบพูดกับตัวเองแล้วหันงซ้ายหันขวามองหามารดาเพราะไม่เห็นเงาคุณผู้หญิงจันทร์แจ่มในสวนข้างบ้าน แล้วแว่บหนึ่งหล่อนก็นึกได้ว่าวันนี้มีคนเข้ามาอยู่ใหม่และหล่อนก็อยากรู้ว่าตอนนี้หนุ่มแฝด ลูกชายของนายเพิ่มจะเป็นยังไง ที่พักจะสะดวกหรือไม่ ชักอยากจะตามไปดู
ว่าแล้วก็เดินมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านหลังเล็กซึ่งเป็นที่อยู่ของนายเพิ่ม คนสวนประจำบ้าน เมื่อไปถึงที่นั่นหล่อนก็รู้สึกว่าบ้านทั้งหลังเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ แต่แล้วเด็กสาวก็ได้ยินเสียงดังลอดออกมา มันดังมาจากที่ไหนสักแห่งของบ้าน แต่ก็ไม่เบามาก จับสำเนียงได้เหมือนคนกำลังคุยกัน กุหลาบเดินย่องเงียบเลียบไปตามผนังบ้านแล้วหล่อนก็ต้องตะลึงเมื่อเยี่ยมหน้าออกไปแล้วเกือบหลุดอุทานดีว่ายั้งไว้ได้เสียก่อนเพราะภาพที่เห็นบนแคร่หลังบ้านคือคุณผู้หญิงแจ่มจันทร์นั่งอยู่กับนายเพิ่มคนสวนของบ้าน แต่ทั้งสองไม่ได้นั่งคุยกันเฉย ๆ แต่นั่งชิดตัวเบียดกันและที่สำคัญคุณผู้หญิงยังปล่อยให้นายเพิ่มซุกไซ้ใบหน้าสีเข้ม ๆ ไปบนลำคอขาวผ่องอีกด้วย
“อื๊อ...นายเพิ่ม เบา ๆ หน่อยสิจ๊ะ เดี๋ยวก็เป็นรอยหมดหรอก”
คุณผู้หญิงที่สวมชุดกระโปรงลูกไม้ร้องบอกนายเพิ่มที่กำลังจูบไซ้อย่างเมามัน คนสวนวัยกลางคนทั้งกอดทั้งจูบ ทำเหมือนกำลังลวนลามคุณผู้หญิง แต่ไม่ใช่สิ...คุณผู้หญิงแจ่มจันทร์ไม่ได้ปฏิเสธแถมยังบอกให้ทำเบา ๆ ซะอีก
“ตายละ...คุณแม่”