เสียงดนตรีที่ดังอย่างสนั่นหวั่นไหวก็ไม่สามารถทำให้หัวใจที่ห่อเหี่ยวมีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง เหล่าผีเสื้อราตรีที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกและขยับร่างกายตามจังหวะเพลงที่อยู่ด้านล่างอย่างเมามันก็ไม่สามารถทำให้คนที่มองลงไปมีอารมณ์ร่วมเลยสักนิด
แก้วเหล้าในมือถูกยกเข้าปากครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่มีทีท่าว่าคนยกจะหยุดลงเลย มีแต่กระดกเพิ่มโดยไม่คิดถึงความเมา
แต่ขึ้นชื่อว่า เสือติณณ์ คอแข็งยิ่งกว่าเหล็ก เหล้าที่กระดกเข้าปากไปกี่แก้วต่อกี่แก้วในค่ำคืนนี้ก็ไม่สามารถทำเขาล้มได้เพราะสิ่งเดียวที่ทำให้ชีวิตของเขาหมดสนุกอยู่แบบนี้ก็เป็นเพราะคนเป็นแม่
“ทำหน้าหงอยเหมือนหมาอดแดกไก่แบบนี้มีไรวะ” เสียงเพื่อนสนิทในกลุ่มเดียวกันอย่างไอ้เรย์ถามขึ้นโดยข้างกายมีแฟนสาวตัวน้อยอย่างน้องแพรนั่งอยู่
“กูต้องแต่งงานว่ะ” ผมตอบกลับไปทันทีก่อนที่มือจะคว้าแก้วเหล้าเข้าปากอีกครั้งและเมื่อผมตอบกลับไปทุกชีวิตที่อยู่รอบโต๊ะก็ให้ความสนใจกับผม
“จริงจัง” เสียงของไอ้พายุเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มถามขึ้น ไม่ต้องถามว่ามันมีใครข้างกายไหม ก็คงหนีไม่พ้นน้องโมจิแฟนของมันนั่นแหละ
“กูจริงจัง แม่พึ่งบอกกูวันนี้” ผมพูดขึ้นอีกครั้งเพราะตั้งแต่ที่แม่บอกว่าผมต้องแต่งงาน จิตใจของผมก็ห่อเหี่ยวไปหมดเพราะการแต่งงานคือสิ่งที่ผมไม่เคยคิดอยากจะทำ
“มึงก็ไม่ต้องแต่งดิวะ แต่งงานเลยนะเว้ย” เสียงของไอ้คิมหันต์เพื่อนสนิทอีกคนของผมพูดขึ้นโดยที่ข้างกายของมันก็มีน้องน้ำขิงแฟนของมันนั่งอยู่
พูดได้เต็มปากเลยว่าทั้งกลุ่มมีผมคนเดียวที่โสดและไม่เคยคิดอยากจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอย่างพวกมันเพราะถ้าผมมีแฟน ผมทำรักกับแฟนได้แค่คนเดียวแต่ถ้าไม่มีแฟนผมสามารถทำรักได้กับทุกคน
ผมยังคงรักสนุก อยากมั่วสาว คั่วสาวอยู่ การเอาใครเข้ามาอยู่ในชีวิตเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยคิดจะทำ
“กูก็ไม่อยากแต่งแต่กูขัดแม่ไม่ได้” ผมพูดขึ้นอีกครั้งเพราะผมขัดแม่ไม่ได้จริงๆ
“แล้วมึงจะทำยังไง” ไอ้เรย์ถามขึ้นอีกครั้ง ถ้าถามว่าผมจะทำยังไงนะหรอ ต้องถามผมทำอะไรได้บ้างดีกว่าเพราะผมทำอะไรในเรื่องนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
“กูทำอะไรไม่ได้ รู้แค่ว่าพรุ่งนี้ก็คงต้องเข้าไปคุย” ผมพูดขึ้นทันที
แล้วไอ้คำที่ว่า ผมขัดแม่ไม่ได้ นั่นก็หมายความว่าผมขัดแม่ไม่ได้จริงๆ แม่ของผมน่ะหรอ ยิ่งกว่าแม่ของไอ้เรย์เสียอีก ถ้ามีเรื่องอะไรที่อยากจะทำแล้ว เขาก็ต้องทำให้ได้ ยิ่งตอนนี้ผมไม่มีใครมันก็ยิ่งเข้าทางแม่ของผม
“ทำไมมึงไม่หาแฟนปลอมๆ จะได้ไม่ต้องแต่งกับคนที่แม่หาให้” ไอ้พายุพูดขึ้น
“เขารู้ว่ากูไม่อยากมีใคร เขาถึงได้ยัดเยียดการแต่งงานให้กับกู” เพราะแม่เคยให้ผมหาแฟนแล้วแต่ผมก็เลือกที่จะปฏิเสธตลอดและผมก็คิดไม่ถึงเลยว่าแม่จะหาให้ตามที่พูดไว้จริงๆ
“แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” ไอ้คิมหันต์ถามขึ้นอีกครั้ง นี่แหละคือคำถามที่อยู่ในหัวของผม
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
“กูก็ไม่รู้ ไม่รู้เหี้ยอะไรสักอย่าง” ผมตอบกลับทันทีก่อนจะยกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง
ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอคนนั้นเลย รู้แค่เพียงว่าผมต้องแต่งงานและพรุ่งนี้ก็ต้องเข้าไปคุยกับแม่
และก่อนที่แม่ของผมจะวางสายไป ยังย้ำแล้วย้ำอีก ย้ำกับผมประมาณสามรอบสี่รอบก็ว่าได้
"ติณณ์ก็รู้นะ ถ้าหากปฏิเสธแม่จะเป็นยังไง"
คำพูดทิ้งท้ายของคนเป็นแม่ทำผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่และไม่กล้าปฏิเสธอะไรออกไปเพราะแม่ของผมพูดแบบนี้ทีไร ผมควรสงบเสงี่ยมตัวเองไว้
“คิดอะไรอยู่” ไอ้เรย์ถามขึ้นอีกครั้ง อาจเป็นเพราะอยู่ๆผมก็เงียบไป มัวแต่คิดถึงเรื่องที่คุยกับแม่เมื่อเย็น
“กูก็คิดไรเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ” ผมตอบกลับมันไปอย่างส่งๆ จริงๆไม่ได้คิดอะไรเรื่อยเปื่อยหรอก คิดเรื่องแต่งงานอยู่มากกว่า
“เอาสาวสักคนไหม เผื่ออารมณ์ของมึงจะดีขึ้น” คราวนี้ไอ้คิมหันต์ถามขึ้นเพราะทุกคนคงรู้ว่าผมไม่โอเคเท่าไหร่
“กูไม่มีอารมณ์ว่ะ” ผมตอบกลับทันควันเพราะผมไม่มีอารมณ์จริงๆ ปกติเห็นผู้หญิงเดินผ่านไปผ่านมาแบบนี้ ส่งสายตายั่วยวนขนาดนี้มีหรือที่ผมจะพลาด
“จะโดนแต่งงานทั้งทีเอาใครไม่ลงเลยหรือไง” เสียงไอ้พายุพูดขึ้นอีกครั้ง
“เออเอาไม่ลง” ผมตอบกลับทันที
“อย่าคิดมากเลยค่ะพี่ติณณ์ บางทีอาจจะดีก็ได้นะคะ” เสียงหวานของน้องโมจิดังขึ้นหลังจากนั่งเงียบฟังบทสนทนาของพวกผมอยู่นานก็พูดขึ้น
“พี่ก็หวังว่าแบบนั้น” ผมตอบกลับอย่างสุภาพเพราะไม่อยากใช้สันดานหยาบกับเมียของเพื่อน
“หนูว่าพี่ติณณ์เลิกคิดมากดีกว่า เผลอๆผู้หญิงที่ต้องแต่งงานด้วยอาจจะตรงสเปคของพี่ติณณ์ก็ได้นะคะ” น้องน้ำขิงพูดขึ้นอีกครั้งเป็นการเสริมซึ่งผมก็หวังว่าผู้หญิงคนนั้นจะตรงสเปคของผมทุกอย่างก็แล้วกัน
“ตรงอยู่แล้วค่ะ คุณแม่หาให้ทั้งทีคงไม่หาแบบไม่เข้าตาลูกชายมาให้หรอกค่ะ” น้องแพรพูดขึ้นอีกครั้ง
สามสาวที่นั่งอยู่ทำงานเป็นทีมเวิร์คได้ดีเพราะคำพูดของพวกเธอมันสามารถทำให้ผมเลิกคิดมากได้อยู่เหมือนกัน
เพราะอย่างน้อยแม่ของผมก็ต้องหาผู้หญิงสาวๆสวยๆแซ่บๆเด็ดๆมาให้ผมอยู่แล้ว