“ก็อย่างที่บอก งานแต่งมีครั้งเดียวจะให้น้อยหน้าใครเขาก็ไม่ได้” ผมตอบคำถามเดิมอีกครั้งเพราะไม่รู้ทำไมวันนี้คนข้างๆถึงดูอยากรู้ไปเสียทุกเรื่อง
“แต่เราไม่ได้รักกันจริงๆสักหน่อย แบบชุดก็เลือกเอาตามร้านมีก็ได้ ไม่เห็นต้องสั่งตัด”
ไม่ได้รักกันจริงๆแล้วไงวะ ผมทำเพราะผมอยากทำจะรักไม่รักมันไม่เกี่ยวกันสักนิด
ผมยังยืนยันคำเดิมว่าการแต่งงานของผมจะมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ผมเลยอยากทำมันออกมาให้ดีที่สุดและเมื่อไหร่ที่ครบสองปีผมก็จะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมเพราะผมไม่ชอบการผูกมัด
“ฉันพอใจจะทำ เธอมีหน้าที่ใส่ก็แค่ใส่” ผมตอบกลับอย่างฉุนๆเพราะผมไม่สบอารมณ์เท่าไหร่กับคำพูดของเธอ คำก็บอกไม่ได้รักกัน อีกคำก็แต่งเพราะโดนบังคับ
ผมรู้ดีแต่ทำไมถึงต้องย้ำกันขนาดนี้ด้วย
“แล้วจะมาอารมณ์เสียใส่หนูทำไมอะ” เธอถามขึ้นทันทีพร้อมมองผมอย่างแปลกใจ
“เธอพูดมากฉันไม่ชอบ” ผมตอบกลับไป นั่นทำให้เธอนั่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา
ตลอดระยะเวลาที่รถถูกขับออกมากลับกลายเป็นว่าเธอไม่เอ่ยปากพูดอะไรสักคำ
“จะไม่พูดอะไรเลยหรือไง” ผมถามขึ้นอีกครั้งเพราะบรรยากาศในรถมันชวนเงียบแปลกๆ
แน่นอนว่าผมไม่ได้คำตอบกลับมา เธอเพียงหันมามองผมก่อนจะหันกลับไปมองโทรศัพท์เช่นเคย
“ฉันคุยด้วยก็ควรจะตอบ” ผมย้ำขึ้นอีกครั้งเพราะดูเหมือนคนข้างๆจะไม่คุยกับผมจริงๆ
“ก็บอกหนูพูดเยอะไม่ใช่หรอ ตอนนี้จะให้หนูพูดทำไม” คนตัวเล็กวางโทรไว้บนหน้าขาก่อนจะหันหน้ามามองผมอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นแล้วพี่ติณณ์หมายความว่าแบบไหน ปากก็พูดมาเองไม่ใช่หรอว่าหนูพูดมาก” คนตัวเล็กพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมท่าทางไม่พอใจ ใบหน้าเล็กยู่หน้าเข้าหากันด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู
“เอาเป็นว่าฉันไม่ได้ว่าเธอก็แล้วกัน” ผมตอบกลับทันทีเพราะจะให้อธิบายก็คงยากเพราะผมก็ไม่ใช่คนที่จะมานั่งอธิบายหรือพูดอะไรเยอะๆให้ใครฟัง
“เอ้า ! ” คนตัวเล็กส่งเสียงขึ้นก่อนจะหันหน้ามองออกไปนอกกระจก
อาการแบบนี้ เขาเรียกว่าไม่พอใจหรือไงวะ
“เธอไม่พอใจฉันหรือไง” ผมถามขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้กลับไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา
“ฉันถามก็ตอบ” แน่นอนว่าคนข้างๆก็ยังนิ่งเฉยไม่ยอมพูดอะไรออกมา
“เธอเป็นเด็ก ผู้ใหญ่พูดด้วยก็ควรตอบ” ผมย้ำอีกครั้งและแน่นอนว่าเธอยังคงเงียบใส่ผมเหมือนเดิมจนถึงคอนโด
“ฉันจะไปทำงานต่อ หิวก็สั่งอะไร…”
ปัง !
ไม่ทันที่ผมจะพูดจบ คนตัวเล็กก็เปิดประตูลงจากรถไปเสียดื้อๆให้ตายเถอะตัวแค่นี้แต่เอาใจยากชะมัด
แล้วผมจะรู้ไหมว่าเธอเป็นอะไร อาการแบบนี้เรียกว่าอะไร อีกอย่างผมทำอะไรผิดก่อน
ก่อนจะคิดอะไรมากไปกว่านี้ ผมก็ขับรถตรงไปยังบริษัททันที ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานและยังมีเอกสารที่ต้องเซ็น ผมควรกลับไปเซ็นเพราะขืนขึ้นคอนโดไปเธอก็คงไม่คุยกับผมอยู่ดี
“ผมไม่คิดว่าคุณติณณ์จะกลับเข้ามาอีก” คุณไกด์เลขาส่วนตัวของผมพูดขึ้นทันที
แน่นอนว่าตอนแรกเลขาของผมไม่ใช่ผู้ชายแมนๆแบบคุณไกด์หรอกครับแต่เป็นผู้หญิงแซ่บๆคนหนึ่งที่ชื่อว่าคุณกล้วยแถมเธอก็ชอบกินกล้วยมากด้วย
แต่เมื่อคุณแม่บอกผมว่าผมต้องแต่งงานเท่านั้นแหละ พนักงานผู้หญิงคนไหนที่ต้องทำงานกับผมหรือทำงานใกล้ชิดกับผมก็ถูกย้ายแผนกออกไปและถูกสับเปลี่ยนด้วยพนักงานผู้ชายทั้งหมด
“ผมทำธุระเสร็จเร็วครับ” ผมตอบกลับไปทันที
“คุณไกด์ครับ พอดีผมมีเรื่องอยากจะถามนิดหน่อย” ผมพูดขึ้นเพราะเท่าที่ผมรู้มาคุณไกด์แต่งงานแล้ว เรื่องผู้หญิงเขาก็คงต้องรู้บ้างตามประสาคนมีภรรยา
“คุณติณณ์มีอะไรจะถามผมหรอครับ ถามมาได้เลย” หลังจากคุณไกด์พูดจบ ผมก็เล่าเรื่องระหว่างผมกับไอรินให้คุณไกด์ฟังทันที
“ฮ่าๆ ผมว่าคุณไอรินน่าจะงอนคุณติณณ์เข้าแล้วแหละครับ” คุณไกด์พูดขึ้นและดูท่าทางเขาจะขำเรื่องของผมอีกด้วย
“งอนหรอครับ งอนเรื่องอะไรแล้วผมทำอะไรผิด” ผมถามขึ้นทันที
“ก็คุณติณณ์บอกว่าเธอว่าพูดมาก” คุณไกด์พูดขึ้นอีกครั้ง
“แล้วผมต้องทำยังไงครับกับอาการงอนของเธอ” ผมถามขึ้นต่อเพราะเรื่องแบบนี้ผมรู้เรื่องที่ไหนล่ะ
ปกติผมไม่ได้ต้องมาคอยสนใจหรือใส่ใจผู้หญิงคนไหน
“ง้อไงครับคุณติณณ์ ผู้หญิงงอนเราก็ต้องง้อครับ”
“นั่นแหละครับ ง้อยังไง” ผมถามขึ้นเพราะผมไม่รู้ว่าการง้อใครสักคนมันทำกันยังไง
“ซื้อของที่เขาชอบให้ก็ได้ครับแล้วเข้าไปพูดหวานๆแค่นี้ก็หายแล้วครับเพราะแฟนผมเป็นแบบนี้ประจำ” คุณไกด์พูดขึ้นอีกครั้งซึ่งผมก็พยักหน้ารับทันทีก่อนที่คุณไกด์จะออกไป
ระหว่างที่ผมเซ็นเอกสาร ผมก็คิดไม่ตกว่าผมควรจะซื้ออะไรไปง้อเธอดี
แต่ถึงยังไงผมก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่าคำพูดของผมแค่นั้นมันจะทำให้เธอเป็นได้ขนาดนี้เลยหรอ
ห้างสรรพสินค้า
ผมเดินวนอยู่ในห้างเป็นรอบที่เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ หลังจากที่สั่งอาหารไป ผมก็เดินหาร้านอะไรสักอย่างเพื่อหวังจะซื้อของไปให้คนที่งอนผมอยู่ที่คอนโดแต่ก็ไม่เจอสักที
ก่อนที่ผมจะเห็นโพสต์ของน้องน้ำขิงที่แชร์รูปกระเป๋าพร้อมแท็กไอ้คิมหันต์ในโพสต์พร้อมข้อความที่ว่า
คอลเลคชั่นใหม่ ทำหนูงอน ซื้อมาง้อเลยนะ !
ผมไม่แน่ใจว่าคนตัวเล็กที่งอนผมอยู่ที่คอนโดจะชอบกระเป๋าหรือเปล่าเพราะวันก่อนที่มาห้าง เธอไม่เหลียวแลกระเป๋าแม้แต่น้อยแต่เธอกลับตรงไปร้านชุดชั้นในและหยิบไปมากมาย เอ๊ะ ! หรือจะเป็นพวกชอบชุดชั้นใน
และนั่นก็ทำให้ผมรีบเดินตรงไปยังร้านชุดชั้นในทันที ความรู้สึกแปลกๆกลับเข้ามาอีกครั้งเพราะครั้งนี้ผมต้องหยิบมันใส่ตะกร้าด้วยตัวเอง
ซึ่งแต่ละลายที่ผมหยิบมันก็คงเป็นสีดำเพราะเท่าที่สังเกตครั้งก่อน เธอซื้อแค่สีดำแต่ลวดลายมักจะต่างกัน ผมพยายามใช้สายตาพิจารณาก่อนจะหยิบลงตะกร้าอย่างรวดเร็วเพราะอยู่นานก็มีแต่อาย
“ซื้อให้แฟนหรอคะ น่ารักจังเลย” เสียงพนักงานพูดขึ้นนั่นทำให้ผมยิ่งอายมากกว่าเก่า
เกิดมาใช้ชีวิตโคตรคุ้ม เข้าร้านชุดชั้นในของผู้หญิงมาซื้อชุดชั้นในให้เด็กโก๊ะๆแสบๆคนหนึ่งซึ่งเมียก็ไม่ใช่
เหอะ อย่าให้ถึงทีผมแล้วกัน ถ้าหากได้จับทำเมียเมื่อไหร่จะกระแทกให้เดินไม่ได้เลย คอยดู
เหี้ย…คิดอะไรวะ
“ซื้อให้แฟนครับ” ผมตอบกลับอีกครั้งก่อนจะยื่นบัตรให้พนักงานเพราะถ้าไม่บอกว่ามาซื้อให้แฟน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรบอกว่าอะไร
“แฟนรักตายเลยนะคะแบบนี้ โอกาสหน้ามาใช้บริการใหม่นะคะ” พนักงานพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะส่งบัตรคืนให้ผมพร้อมกับถุงชุดชั้นใน
จากนั้นผมก็รีบเดินไปเอาอาหารที่สั่งไว้และตรงกลับคอนโด
ทันทีเมื่อถึงคอนโดผมก็จัดการเอาอาหารทุกอย่างออกมาตั้งบนโต๊ะก่อนจะตรงไปเคาะประตูห้องของคนตัวเล็ก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ไอริน ไอริน ไอริน” ผมพูดขึ้นพร้อมเคาะประตูไปด้วย แน่นอนว่าคนภายในห้องออกมาด้วยสภาพพึ่งตื่นนอน
“ไปล้างหน้าแล้วมากินข้าว” เธอเงยหน้ามองผมก่อนจะเดินกลับเข้าห้องพร้อมตรงเข้าห้องน้ำ
ส่วนผมก็พาตัวเองออกมานั่งรอที่โต๊ะ จริงๆผมค่อนข้างประหม่าเพราะไม่รู้ว่าผมควรพูดขึ้นด้วยประโยคอะไร
“ฉันรู้ว่าเธองอนฉัน ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบอะไรเลยซื้ออาหารมาเยอะๆ” ผมพูดขึ้นทันทีเมื่อคนตัวเล็กหย่อนตัวลงบนเก้าอี้
“ง้อหรอ” คนตัวเล็กถามขึ้น
“ฉันง้อและฉันซื้ออันนี้มาให้ด้วย” ผมพูดขึ้นพร้อมส่งถุงชุดชั้นในให้กับคนตรงหน้า
“ซื้อชุดชั้นในให้หนู” คนตัวเล็กตอบกลับมาด้วยท่าทางอึ้งๆ
“ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบอะไร เห็นวันนั้นเข้าร้านชุดชั้นในก็คิดว่าคงชอบเลยซื้อมาให้” ผมพูดขึ้นทันทีแต่แปลกที่คนตรงหน้ากลับทำหน้าอึ้งไม่เปลี่ยน
“บ้าบอ ใครเขาจะชอบชุดชั้นในกัน ว่าแต่พี่ติณณ์ไปซื้อเองเลยหรอ” คนตัวเล็กพูดขึ้นพร้อมกับสายตาที่จดจ่อไปยังถุงชุดชั้นใน
“ฉันซื้อเอง” ซื้อเองและเลือกเองด้วย
“ไม่อายหรอคะ ครั้งที่แล้วยังไม่อยากจะเข้าอยู่เลย” คนตัวเล็กถามขึ้นอีกครั้ง
“ต้องอายอยู่แล้ว ฉันเป็นผู้ชายเข้าไปซื้อของแบบนี้ก็ต้องอายอยู่แล้ว” ร้อยทั้งร้อยก็อายหมดเชื่อผมดิ
“อายแล้วไปซื้อมาทำไมคะ” ทำไมวันนี้คนตรงหน้าเข้าใจอะไรยากจังวะ
“ก็ซื้อมาง้อเธอไง ฉันหยิบมาเฉพาะสีดำเลยนะ เห็นคราวที่แล้วเธอหยิบแค่สีดำคิดว่าคงชอบใส่สีดำ” ผมพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมชี้ไปที่ถุงชุดชั้นใน
“ขอบคุณค่ะแต่วันหลังขอเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ชุดชั้นในนะคะ” คนตัวเล็กตอบกลับมาก่อนจะวางถุงลงข้างๆ
“หายงอนฉันแล้วหรือยัง” ผมถามขึ้นทันทีเพราะท่าทางของเธอมันก็ยังไม่เหมือนเดิมกับผม
“ไม่ได้งอนค่ะ” เธอตอบกลับมาพร้อมกับกินอาหารตรงหน้าไปด้วย
แน่นอนว่าแก้มตุ้ยๆตอนกำลังเคี้ยวข้าวอยู่ในปากมันโคตรน่ารัก
“ไม่ได้งอนแล้วทำไมเธอถึงแปลกๆ” ปกติเธอไม่ใช่คนพูดน้อยแบบนี้ เธอสวนทุกคำพูดของผมด้วยซ้ำ
“ไม่อยากคุยด้วย” นั่นไง ไม่งอนตรงไหนวะ
“แบบนี้เขาเรียกว่างอน” ผมพูดขึ้นทันที
ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์กินข้าวด้วยซ้ำต่างกับเธอที่ตักเข้าปากอย่างเดียว
“ไม่เคยง้อผู้หญิงหรอคะ คนบ้าอะไรซื้อชุดชั้นในมาง้อ” คนตัวเล็กถามขึ้นพร้อมกับมองหน้าผมอย่างกดดันซึ่งผมตอบได้เต็มปากเต็มเลย
“ฉันไม่เคยง้อใคร”
“แล้วที่ง้อหนู”
“ก็เธอคนแรกไง”
❤️
ใครเขาสอนแกให้ซื้อชุดชั้นไปง้อผู้หญิง