“นายครับแย่แล้ว” ไอ้ซีวิคเอ่ยก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าผม
“ทำไมเกิดอะไรขึ้น ผิงเป็นอะไรอีก?”
“ไม่ใช่คุณผิง แต่พวกเราต้องบินกลับไปหานายใหญ่เดี๋ยวนี้ นายใหญ่ถูกลอบยิงครับ อาการสาหัสพอสมควร”
“มึงว่ายังไงนะ?”
“เราต้องรีบไป”
“ใครบังอาจกล้าทำร้ายพ่อกู”
“ยังไม่แน่ใจ รีบไปกันดีกว่า ไอ้บีเอ็มรออยู่ทางด้านโน้นแล้วครับ”
ผมต้องรีบเดินทางให้เร็วที่สุดก่อนไปไม่ลืมที่จะบอกเพื่อน ๆ พวกมันก็โอเค มีอะไรให้โทรมาบอกพร้อมช่วยเสมอ ส่วนขนมผิงคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมเชื่อว่าเธอเก่งพอที่จะสามารถเอาตัวรอดได้ อีกอย่างระหว่างผมกับเธอนอกจากเพื่อนผม ก็ไม่มีใครรู้ ถึงจะไม่เรียกว่าความลับซะทีเดียวแต่ก็เชื่อว่ามันปลอดภัยสำหรับเธอในตอนนี้
เวลาต่อมา...
“พ่อเป็นยังไงบ้าง” ผมเอ่ยถามไอ้เบียร์ทันทีที่มาถึง หมอนี่มันเร็วกว่าผมซะอีก
“ไม่ดีเลยว่ะ กระสุนเฉียดขั้วหัวใจไปนิดเดียวเอง”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณน้า” หันไปถามน้าน้ำหวานแม่เลี้ยงของผมหรือแม่ของไอ้เบียร์นั่นเอง
“น้าตามคุณภพไปคุยงานกับลูกค้า พอตกลงกันเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาจากตรงนั้นแต่ระหว่างทางมีรถสีดำขับประกบคู่ขึ้นมา แล้วชักปืนออกมายิงเลย ทำให้เสียหลักรถพุ่งชนต้นไม้เข้าอย่างแรง โชคยังดีการ์ดที่คอยติดตามอยู่ห่าง ๆ มาช่วยไว้ได้ทัน”
“...” ผมไม่ชอบเหตุการณ์แบบนี้เท่าไหร่ มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดกลัว...
“พ่อเก่งอยู่แล้วไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอก” ไอ้เบียร์พูดขึ้นพลางตบบ่าผมเป็นเชิงให้กำลังใจ
“อืม มึงไปพักเหอะ เดี๋ยวกูดูพ่อเอง”
“มึงพูดเหมือนบ้านเราไม่ปลอดภัยอย่างนั้นแหละ มึงอะตัวดีเลยกูได้ข่าวว่าทำงานเสร็จดึกดื่นแค่ไหนก็ยังแอบไปเฝ้าสาวที่ผับต่อไม่ใช่หรือไง” ไอ้เบียร์เอ่ยพลางหรี่ตามองผมอย่างจับผิด
“มึงส่งคนตามกู?”
“เปล๊า! แต่น้องขนมผิงก็น่ารักดีมึงว่าไหม?”
“สัส! แค่เด็กในร้านเหอะ”
“อย่าคิดมาก ทีมึงส่งคนคอยตามกูกูยังไม่ว่าอะไรเลยไอ้พี่ชาย”
“มึงเป็นน้องกูไหมล่ะ”
“แล้วมึงเป็นพี่กูไหมล่ะ?”
“พอ ๆ ไม่ต้องเถียงกัน ตาเบียร์แม่บอกกี่ครั้งแล้วให้พูดกับพี่เขาดี ๆ เบสก็เหมือนกันห่วงแต่คนอื่นอย่าลืมดูแลตัวเองบ้างล่ะ น้ารู้ว่าเบสทำไปเพื่ออะไรแต่อย่าลืมสิตัวเราเองก็มีหัวใจเหมือนกัน”
“...”
“ไปพักผ่อนกันเถอะทั้งคู่เลยเดี๋ยวแม่ดูแลพ่อเอง”
...: ครับ
กลับเข้ามาในห้อง ห้องที่เคยมีแม่คอยปลอบเวลาที่ผมรู้สึกแย่คอยนอนกอดในวันที่ผมกลัว กลิ่นอายแห่งความคิดถึงตลบอบอวลเต็มไปหมด ภาพที่แม่หมดลมหายใจยังคอยหลอกหลอนผมเสมอ ความเจ็บปวดในวันนั้นมันทำให้ผมกลัว กลัวการสูญเสีย... กลัวที่จะเสียสิ่งที่ตัวเองรักไป มันทำให้ผมสร้างกำแพงสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนลืมคิดไปว่าถ้าวันหนึ่งพังลงมามันจะทับผมตายไหม?
แกรก!
ไอ้เบียร์ครับยิ้มร่ามาแต่ไกลเลย
“ไม่มีมารยาทว่างั้น?”
“มีขอรับ แต่อยากกวนประสาทพี่มากกว่า”
“มีอะไรก็ว่ามาดีกว่ากูขี้เกียจต่อปากต่อคำกับมึง”
“ถ้าบอกแล้วพี่ต้องใจเย็น ๆ นะ”
“อะไร?”
“น้องผิงเกิดอุบัติเหตุ”
“มึงว่าไงนะ?” ทวนคำถามอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ส่งคนติดตามดูแลอย่างดีจะเกิดเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน
“พี่ออกมาได้ไม่นานเธอก็เตรียมตัวจะกลับบ้าน โดยมีน้องชายมารอรับ ระหว่างทางมีรถปาดหน้าอย่างกระชั้นชิดทำให้เสียหลักพุ่งข้ามเลนประสานงานกับรถอีกคัน”
“แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“น้องผิงไม่เป็นอะไรมากแต่น้องชายเธอสาหัสพอสมควร พี่ไม่ต้องเป็นห่วง ถึงมือหมอที่เก่งที่สุดแล้ว เธอกับน้องจะต้องปลอดภัย”
“...” ผมพลาดอะไรไปงั้นเหรอ? ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด คิดได้อย่างนั้นจึงต่อสายโทรหาใครอีกคนทันที
(ครับ)
“ทำไม?”
(ผมขอโทษครับนาย)
“กูไม่อยากได้ยินคำนี้”
(ทุกอย่างมันไม่ใช่อุบัติเหตุ)
“อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้น”
(ผมเห็นคุณลิลนี...)
“เดี๋ยวกูจัดการเอง แล้วผิงล่ะเป็นยังไงบ้าง”
(ร้องไห้จนหลับไปแล้วครับ ส่วนนักรบยังไม่รู้สึกตัว)
“ย้ายไปโรงพยาบาลที่ดีที่สุด แพทย์เฉพาะทางที่เก่งที่สุด”
(เรียบร้อยแล้วครับ นายไม่ต้องเป็นห่วง)
“ขอบใจ ฝากด้วยนะ”
(ครับ)
ถึงกับกุมขมับเลยครับทำไมถึงวุ่นวายแบบนี้ ผิงต้องเจ็บตัวเพราะผม ทั้ง ๆ ที่เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมไม่ควรอยู่ใกล้เธอสินะ ...
“หัวใจของพี่จะดูแลเองหรือให้คนอื่นดูแลล่ะ” ไอ้เบียร์พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“กูไม่ได้เป็นอะไรกับผิงนี่”
“ก็เป็นซะสิ! แต่ก่อนอื่นพี่ต้องเคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อยกว่านี้ ขนมผิงเป็นผู้หญิงที่เด็ดขาดมาก”
“กูไม่ได้เป็นอะไรกับลิลนี ก็แค่คู่ขาเท่านั้นเอง”
“แล้วผู้หญิงมันคิดแบบเดียวกันหรือเปล่าล่ะ ไม่งั้นผิงจะเจ็บตัวอย่างนี้เหรอ? พี่ควรจะชัดเจนได้แล้ว”
“ยิ่งกูพาตัวเองเข้าไปวุ่นวายกับเธอมากเท่าไหร่ชีวิตเธอจะเข้าใกล้อันตรายมากเท่านั้น”
“ใจพี่รู้ดีที่สุด” มันฟาดฝ่ามือหนัก ๆ ลงบนอกข้างซ้ายของผมแล้วเดินจากไป ใจหนึ่งก็อยากหายไปจากชีวิตเธอแต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ผมควรทำยังไงดี?
คิดอะไรไม่ออกนอกจากเป็นห่วงเธอ ผมจึงรีบต่อสายหายัยแรดทันที แค่เพียงไม่นานปลายสายก็กดรับ
(ฮึก! เฮีย)
“ร้องไห้ทำไม?”
(เกิดอุบัติเหตุน่ะค่ะ น้องหนูยังไม่รู้สึกตัวเลย)
“น้องมึงเก่งอยู่แล้วไม่ต้องร้อง กูไม่ชอบเสียงร้องไห้ของมึงนะผิง”
(หนูไม่มีใครแล้วนะ ชีวิตนี้เหลือแค่นักรบคนเดียวแล้ว ถ้านักรบเป็นอะไรไปหนูจะทำยังไง)
“ใครบอกต่อไปชีวิตมึงจะมีกูด้วยต่างหากล่ะ นาฬิกานั่นใส่แล้วห้ามถอดนะ ส่วนเงินก็เก็บไว้ใช้ กูอยากให้จริง ๆ”
(เป็นเฮียเองเหรอคะที่...)
“กูมีคำตอบให้มึงทุกเรื่องนะผิงแต่มันยังไม่ถึงเวลา กูมีเหตุผลของกู มึงช่วยอยู่เงียบ ๆ ในที่ของตัวเองก่อนได้ไหม”
(เฮียเป็นใครกันแน่)
“รู้แค่ที่กูอยากให้รู้ก็พอ เรื่องของเราก็ควรมีแค่เราที่รู้มึงเข้าใจใช่ไหม ส่วนนักรบไม่ต้องห่วงกูจะให้หมอที่เก่งที่สุดมารักษาน้องมึงเอง เลิกร้องไห้ได้แล้ว กูอยู่ไกลกอดมึงไม่ได้หรอกนะ”
(ฮึก! ฮือ...)
“ไหน ยัยแรดที่ชอบเถียงกูฉอด ๆ ไปไหนซะแล้ว”
(อึก! ลาป่วยค่ะ)
“เข้มแข็งมากกว่านี้นะผิงกูเป็นห่วง” พูดจบผมก็วางสายทันที
ถ้าจะถามหาจุดเริ่มต้นบอกเลยว่าไม่มี รู้แค่ว่าตอนนี้ผมอยากปกป้องเธอก็พอครับ ทิ้งตัวลงที่นอนอย่างคนหมดแรง มันมืดแปดด้านไปหมด มองไปทางไหนก็เจอแต่อันตรายรอบด้าน ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง
ติ๊ง!
“เฮียก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” ยัยนี่กำลังทลายกำแพงในใจผมทีละนิด ให้ตายเหอะ!
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตครับนาย”
“มีอะไรก็ว่ามา”
“สายรายงานมาว่าคุณลิลนีเธอมาดื่มที่นั่นก่อนที่พวกเราจะออกมากันครับ จากกล้องวงจรปิดเห็นเธอพูดคุยอะไรบางอย่างกับคุณผิงบริเวณหน้าห้องน้ำ แล้วเธอขับรถตามคุณผิงออกมาด้วยครับแต่ตรงจุดเกิดเหตุถนนค่อนข้างมืด เราเลยไม่มั่นใจว่าเป็นคุณลิลนีหรือเปล่า”
“ปล่อยมันไปก่อน เดียวกูจัดการเอง”
“นายไม่รู้สึกอะไรกับคุณลิลนีบ้างเหรอครับ”
(ผัวะ)
“ไอ้สัสถามโง่ ๆ ถ้ารักคุณลิลนีนายคงเปิดตัวไปนานแล้ว” ขอบใจมึงมากไอ้บีเอ็มที่พูดแทนกูทุกอย่าง
“พวกมึงก็รู้นิสัยกูนี่”
“แต่บางทีนายก็ควรแสดงออกมาบ้างนะครับอย่างน้อยก็ทำให้มันชัดเจนมากกว่านี้” คำพูดของไอ้ซีวิคทำให้ผมคิดอะไรได้หลายอย่าง บางเรื่องผมไม่ควรฝืนใจตัวเองจริง ๆ นั่นแหละ
“อืม พวกมึงออกไปได้แล้ว”
ก็จริงอย่างที่พวกมันพูดนะ ผมควรแสดงออกให้เธอเห็นบ้างไม่ใช่เป็นแค่ไอ้เฮียโรคจิตในสายตาเธอ ถึงจะเป็นความลับแต่ระหว่างเราก็ควรชัดเจน