“เหนื่อยเป็นบ้าเลยวันนี้คนโคตรเยอะ”
“ทิปก็เยอะตามไปด้วยมึงจะบ่นทำไม” ไอ้มังกรเอ่ย “คนอื่นเหนื่อยกว่าเราเขายังไม่บ่นเลย”
“เรื่องของคนอื่นสิกูเหนื่อยกูจะบ่น” ฉันพูดออกไปอย่างหงุดหงิด
ลงจากเวทีเสร็จทำอะไรเสร็จได้เวลาเลิกงานแล้วแหละ นี่ก็ปาไปตีหนึ่งกว่าแล้วด้วย ง่วงก็ง่วงโคตรเพลียแถมพรุ่งนี้มีเรียนเช้าอีก เฮ้อ...ถ้าไม่ติดว่างานกลางคืนมันได้เงินดีนะฉันไม่ทำหรอก
แยกกับเพื่อน ๆ ฉันเดินออกมาทางประตูด้านหลังไปที่ลานจอดรถ ระหว่างทางรู้สึกเหมือนมีคนมองแต่หันหลังกลับไปก็ไม่มีใครสักคน เห็นแบบนั้นจึงเลิกสนใจแล้วรีบสาวเท้ายาว ๆ ไปที่รถให้ไวที่สุด
หมับ!
“กรี๊ด!!”
“หนวกหูเว้ย! กูเอง”
“โวะ! เฮียตกใจหมด” ไอ้บ้านี่ทำฉันหัวใจเกือบวาย
“ทำไมมึงเพิ่งกลับ”
“เขาเลิกงานกันตอนไหนหนูก็กลับตอนนั้นแหละ”
“ไม่กลัว?” เลิกคิ้วถามสีหน้านิ่งมาก
“กลัวอะไรดีล่ะ กลัวผีหรือกลัวเฮีย”
“มึงไม่กลัวกูจริง ๆ อะ”
“เฮียเป็นมาเฟียหรือไงล่ะถึงต้องกลัว แต่ช่างเถอะเวลานอนหนูเหลือน้อยมากแล้วเช้าต้องไปเรียนอีกไว้พรุ่งนี้จะมาเถียงเฮียใหม่แล้วกันนะ บาย... ฝันดีค่ะ” ฉันร่ายประโยคยาว ๆ ชนิดที่ว่าคนฟังฟังแทบไม่ทันแล้วรีบขึ้นรถขับออกมาทันที เพลียเป็นบ้าเลย
เช้าอีกวัน
ต่อให้นอนดึกแค่ไหนฉันก็ต้องตื่นมาใส่บาตรค่ะ เห็นแก่น ๆ แบบนี้ใจบุญมากนะบอกเลย คิกคิก หุงข้างทำกับข้าวเรียบร้อยก็มายืนรอพระที่หน้าบ้านค่ะ ฉันทำแบบนี้เป็นประจำทุกวันเลยก็ว่าได้
“เจ้! ผมไปเรียนก่อนนะวันนี้น่าจะกลับมืดไม่ต้องเป็นห่วง” นักรบ น้องชายสุดที่รักของฉันเองค่ะ เหลือกันอยู่แค่สองคน ใครจะไปไหนมาไหนต้องบอกกันก่อน
“โอเค อย่าเกเรนักล่ะ”
“ครับผม”
น้องไปแล้วฉันก็จะออกไปเรียนแล้วเหมือนกัน เหนื่อย! โคตรอยากพักแต่มันทำแบบนั้นไม่ได้ เงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตแต่การใช้ชีวิตมันต้องใช้เงินไง บ่นอุบอิบกับตัวเองก่อนจะขับรถไปมหาวิทยาลัย
“หมดสภาพ”
“กูนึกว่าศพเดินได้”
“นี่มึงร้องเพลงหรือไปออกรบมาเนี่ย” คำทักทายพวกนี้ถูกเอ่ยออกมาจากปากของเพื่อนสาวฉันเอง
“สภาพกูไม่เหมือนคนเลยเหรอ?”
“ใช่!!” ผสานเสียงกันเชียวค่ะ
“กูแค่นอนน้อยเอง ว่าแต่ไอ้เดลไปไหนอะ”
“เห็นบอกว่ามีงานด่วนอะไรสักอย่างนี่แหละ” เทียร่าเอ่ย
“นับวันยิ่งทำตัวประหลาด ถ้าไม่รู้จักมันกูคงคิดว่ามันเป็นมือปืน” ฉันพูดจริง ๆ นะ ในแก๊งเนี่ยมันขาดเรียนบ่อยสุดหรือบางทีก็หายไปเงียบ ๆ ขาดการติดต่อไปเลย
“น้ำว่าเราไปเรียนกันเถอะ”
ระหว่างรอเรียนฉันจะร่วงให้ได้เลย พอค่ะ อีผิงจะไม่หักโหมอีกแล้ว ตายห่าไปเขาก็แค่หานักร้องคนใหม่ ผิงจะไม่ทน... Zz
“ผิง ผิง!!”
“ห๊ะ!! อื้อ...อาจารย์มาแล้วเหรอ”
“ยกคลาสอ่ะ ไปดูหนังกันวันนี้”
“ไปดิ”
ตกลงกันได้ก็พากันลากมาที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง
“กรี๊ด... กรี๊ด!!” ระหว่างทางเดิน จู่ ๆ ก็มีเสียงกรี๊ดแหลมแสบแก้วหูดังขึ้นเป็นระยะ
“ใครตายวะ” ฉันเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก
“มึงนั่น...ตรงนั้น!! พี่เทนหูย...โคตรหล่อ” มิลินมันว่าพลางพยักพเยิดหน้าไปอีกด้านหนึ่ง
เทียร่า : เห็นแล้วอกสั่น หล่อทั้งแก๊งเลยแต่งค่ะ!
น้ำเชื่อม : น้อย ๆ หน่อยเห็นไหมแฟนเขามาด้วยน่ะ
“ไม่ใช่จ้ะเพื่อนรัก นั่นพี่แกรนด์เป็นนางแบบ และเป็นผู้หญิงคนเดียวของกลุ่มเขา” อีเทียร่ามันตอบอย่างมั่นใจ ประหนึ่งว่ารู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี
“รู้ลึกรู้ดีนะมึง ว่าแต่เขาไปเป็นใครพี่เทนอะไรของมึงน่ะ”
“อ้าว ๆ อย่าดูถูกความรู้รอบตัวเจ้เทียนะจ๊ะ พี่เทนเขาเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของที่นี่ หล่อรวย”
“...” แทบไม่ได้สนใจที่เทียร่าพูดเลยด้วยซ้ำเพราะเอาแต่มองใครบางคนอยู่
“สนใจคนไหนวะจ้องน้านนาน” มิลินเอ่ยเมื่อเห็นฉันเอาแต่จ้องมองไปยังคนกลุ่มนั้น
“ไอ้เฮียหน้านิ่งนั่นอะ” ฉันว่าพลางชี้ให้มันดู
“คนนั้นชื่อพี่เบสฟันแล้วทิ้งอย่างเดียวมึงอย่าไปยุ่งกับเขาเลย เก็บซิงไว้ชิงโชคเถอะย่ะ!” เทียร่าเอ่ย
“กูยังไม่ได้บอกเลยว่าสนใจ พี่เบสของพวกมึงเนี่ยแหละเป็นเจ้าของผับที่กูทำงานอยู่ ถ้าไม่โผล่มาให้เห็นกูคิดว่าเจ้าของผับตายห่าไปแล้วซะอีก”
“ปากดีอีกแล้วนะ”
“...” ตาย ๆ ไอ้เฮียเดินมาตั้งแต่ตอนไหน อีผิงจะเหลือแต่ชื่อก็วันนี้แหละค่ะ “ไหน? ใครคะ? หนูไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ลอยหน้าลอยตาเก่งมากจะโดนหักคอหรือเปล่ายังไม่รู้เลย
“ต่อปากต่อคำเก่งนักนะ ทำไมวันนี้... มึงเรียบร้อย?” พลางมองสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่เคยเห็นคนสวยในชุดนักศึกษาก็แบบนี้แหละ
“ตอนกลางคืนสวมวิญญาณเป็นยัยแรดน้อยค่ะเดี๋ยวผู้ชายไม่เข้าหา” ฉันตอบออกไปอย่างกวนประสาท
“ขาดไม่ได้เลยว่างั้น?”
“เฮียไม่รู้อะไร ไอ้พวกนั้นน่ะให้ทิปโคตรเยอะ แต่เปลืองตัวนิดหน่อย”
“ไหนมึงบอกว่าไม่ขายไง?”
“เฮีย! จะเสียงดังทำไมวะแค่จับมือเองไม่ได้ไปนอนอ้าขาให้พวกมันสักหน่อย”
“...” พวกพี่ ๆ มองหน้ากันยิ้ม ๆ ยิ้มทำไมเป็นใบโพล่ากันทั้งกลุ่มแน่เลย
“เดี๋ยวกูตบปากแตกพูดจาให้มันดี ๆ หน่อย กูโตกว่ามึงตั้งหลายปี”
“เหรอคะ?”
“มึงนี่มัน...”
“เอาล่ะพอ ๆ ไม่แนะนำหน่อยเหรอวะ” เพื่อนเฮียคนหนึ่งแย้งขึ้น
“เด็กในร้านกูเองแหละ”
“น้องชื่ออะไรครับ พี่ชื่อคินนะ” เพื่อนเขาเอ่ยถามก่อนจะแนะนำตัวให้ฉันได้รู้จัก
“ขนมผิงค่ะ เรียกผิงเฉย ๆ ก็ได้”
“พี่ชื่อนิวนะแล้วเธอล่ะชื่ออะไร” พี่อีกคนเขาหันไปถามเพื่อนฉันค่ะ
“มิลินค่ะ ส่วนนี่น้ำเชื่อมกับเทียร่า”
พี่นิว : ไอ้นั่นชื่อเทน มันเป็นเจ้าของที่นี่
“ส่วนพี่น้อง ๆ น่าจะรู้จักพี่บ้างแล้วคงไม่ต้องแนะนำแล้วมั้งคะ” พี่ผู้หญิงเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“รู้จักสิคะ พี่แกรนด์ตัวจริงสวยกว่าในทีวีซะอีก” เทียร่าตอบกลับพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ว่าแต่ เฮีย! ไหน ๆ ก็เจอกันแล้วเลี้ยงหนังหน่อยสิ” ฉันว่าพลางอมยิ้มใส่เขา
“ใช่เรื่องของกูไหม?”
“ใช่ค่ะ เฮียเป็นเจ้านายหนูเป็นลูกน้องไง”
“พูดกับกูเพราะ ๆ ก่อนเผื่อกูจะใจดี”
“ฮ่า ๆ เฮียเบสขาจ่ายเงินค่าตั๋วให้น้องผิงหน่อยสิคะ”
“...” เฮียเบสมองหน้าฉันนิ่ง ๆ ก่อนจะหยิบเงินออกมาให้ฉันปึกหนึ่ง
“เฮีย! ให้อะไรเยอะแยะวะตั๋วแค่สี่ใบพันเดียวยังเหลือเลย” ฉันว่าพลางดึงธนบัตรสีเทาออกมาหนึ่งใบ “ขอบคุณค่ะ เหลือจากนี่จะเอาไปคืนนะคะ ขอตัวก่อนนะเฮียเบสขา คิกคิก” หัวเราะชอบใจแล้วลากเพื่อนเดินไปโซนโรงภาพยนต์ทันที
“ผิง มึงสนิทกับพี่เบสขนาดนี้เชียวเหรอ” เทียร่าเอ่ย
“สนิทกับผีสิ ทำงานมาสองปีกูเพิ่งเจอเขาครั้งแรกเมื่อคืนนี้เอง”
“แต่ผิงกับพี่เขาเหมือนสนิทกันจริง ๆ นะ” น้ำเสริมขึ้นมาอีกคน
“ไม่เลย! คงเป็นเพราะความเฟรนลี่ของเราล่ะมั้งเลยเข้ากับคนง่ายและถูกมองให้มันเป็นแบบนั้น” ใครจะอยากไปตีสนิทกับอีเฮีย เจอกันวันแรกก็เถียงฉอด ๆ ละ สนิทกันทุกวันคงเป็นโรคประสาทพอดี