the 5th hide :: โรงเรียนสตรีวิทสาร

1678 Words
H - I - D - E ผี – ซ่อน – ศพ   สายลมพัดเอื่อย ๆ อย่างแผ่วเบา หากแต่ว่าปอยผมของหญิงสาวทั้งสองกลับพลิ้วสะบัดไปมา ปอยจัดทรงผมของตัวเองให้เข้าที่อย่างช้า ๆ ก่อนที่จะกวาดสายตามองออกไปรอบ ๆ โรงเรียนสตรีวิทสาร กลุ่มเด็กนักเรียนมัธยมต้นสี่ห้าคนนั่งจับกลุ่มล้อมวงกันอยู่ข้างสนาม คนหนึ่งถือยางหลายเส้นเพื่อเตรียมเรียงร้อยเป็นเส้นยางออกมาเล่นกับเพื่อน ๆ ตามประสาเด็กสาวไร้เดียงสา ชุดพละศึกษาบ่งบอกได้เป้นอย่างดีว่าเธอเป็นเด็กนักเรียนของที่นี่อย่างแน่นอน หากแต่ว่าเด็กสาวทั้งสองกลับไม่ได้สนใจมองกลุ่มเด็กนักเรียนพวกนั้น   ตอนนี้สิ่งที่พวกเธอต้องทำคือเดินทางไปยังสุสานหลังโรงเรียน สถานที่ระทมทุกข์ที่เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของเธออยู่ที่นั่น ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีใครพบศพของจ๋าแต่เวลานั้นนานเกินไปจนเพื่อน ๆ ปักใจเชื่อว่าเธอหลายเป็นผู้หายสาบสูญไปแล้ว   เพราะซ่อนหาบ้า ๆ นั่นแท้ ๆ!!   กลุ่มเด็กนักเรียนหญิงล้วน ดูจากการแต่งตัวในเครื่องแบบนักศึกษาแล้วคงจะเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลาย สังเกตได้จากเสื้อที่อยู่ในกระโปรงอย่างเป็นระเบียบ ริบบิ้นสีขาวโบกสะบัดตามแรงลมอย่างช้า ๆ แต่สายตาจ้องมองผู้มาเยือนทั้งสองอย่างสงสัย   ใต้ต้นไม้ใหญ่สีเขียวสดชื่นนั้น กลุ่มนักเรียนประมาณห้าถึงหกคนนั่งจุกกันอยู่บนโต๊ะม้าหินที่ตอนนี้กลายเป็นโต๊ะที่เก่าแก่ที่สุดในโรงเรียนแล้วก็ว่าได้ โต๊ะนักเรียนและต้นไม้ใหญ่นั้นชวนให้เด็กสาวนึกถึงภาพแห่งความทรงจำที่ไม่จางหายไปไหน   “ พี่มาหาใครอ่ะคะ? ” เด็กสาวเสียงใสคนหนึ่งกล่าวขึ้น ในมือยังคงถือเวเฟอร์ไว้อย่างสบายอารมณ์   “ นี่ ... ยัยกรีน ... กินขนมให้หมดก่อน เสียมารยาทน่ะ ” เพื่อนสาวอีกคนบ่นอุบอิบก่อนที่จะยิ้มเจื่อน ๆ   “ พี่แวะมาที่สุสานน่ะ ... ” เด็กสาววีนแตกพูดห้วน ๆ ก่อนที่จะรีบจูงมือของเพื่อนสาวอีกคนที่ทำทีจะเข้าไปคุยกับกลุ่มสาว ๆ แค่นี้พวกเธอก็มาสายและเสียเวลาไปมากพออยู่แล้ว สายตาของเด็กสาวหันมาจิกตาเล็กน้อยก่อนที่จะรีบสาวเท้าไปอย่างเร็วจนพิมเกือบจะจ้ำไปไม่ทัน   “ จะรีบไปไหนน่ะปอย! ” เด็กสาวอุทานเสียงดังเมื่อรู้ว่าเธอไม่ไหวที่จะต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งแบบนี้   เด็กสาวที่นำหน้ามาหันมาให้หญิงสาวอีกครั้งก่อนที่จะคลี่ยิ้มเบา ๆ ตามแบบฉบับของเธอ ตอนนี้พวกเธอทั้งสองหยุดอยู่ที่หน้าทางเข้าสุสานแล้ว ไกล ๆ ทางด้านหน้านั้นปรากฏกลุ่มคนสองสามคนยืนมุงป้ายหลุมศพหลุมหนึ่งอยู่ ทั้งสามนั้นแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาทั้งสิ้น   “ นู่นไง!! ” เด็กสาวพูดพรางชี้มือชี้ไม้ไปตรงหน้าอย่างตื่นเต้น เท้าทั้งสองของเด็กสาวออกวิ่งอีกครั้ง พิมถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะเดินตามไปเฉย ๆ ไม่ได้พูดจาอะไร   “ เฮ้! ” เด็กสาวเสียงทุ้มทักทายผู้มาใหม่ สองมือโผกอดเด็กสาวเอาไว้ราวกับว่าพวกเธอทั้งสองไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน   ด้วยการเรียนที่หนักจนแทบจะตายของเด็กสาวทั้งห้าคน ทำให้เธอแทบจะขาดการติดต่อจากกัน จะมีก็เพียงแต่พิมและปอยเท่านั้นที่ได้เรียนที่เดียวกัน คนอื่นๆ ก็กระจัดกระจายไปตามมหาวิทยาลัยที่ตัวเองรัก แต่ทุก ๆ ปี เมื่อครบรอบวันหายตัวไปของเพื่อนสาว นั่นคือวันแรกในรอบปี จะเรียกว่าวันเป็นเดียวในรอบปีก็ได้ที่พวกเธอทั้งห้าได้มีเวลามารวมตัวกันครบแบบนี้   “ พิม .. สบายดีมั้ย? ” ว่าน เด็กสาวเจ้าของเสียงทุ้มที่คุ้นหูของพวกเธอดี มองหน้าของพิม เค้าโครงหน้าของหล่อนดูไม่เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไร นอกจากทรงผมที่ยังไว้สั้นตามแบบที่เธอชอบ  เด็กสาวไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้าแทนคำตอบที่ว่านเองก็รู้ดี   ถัดมาจากเสียงทักทายของว่าน สายตาคู่งามของหญิงสาวตัดผ่านหญ้าแห้ง ๆ ที่ขึ้นอยู่รายรอบสุสานเก่า ๆ ที่ไร้ซึ่งคนมาทำความสะอาด หญิงสาวคนหนึ่งนั่งยอง ๆ มองรูปภาพของผู้เสียชีวิตที่ส่งยิ้มหวานมาอย่างน่าเอ็นดู   “ โย .... ” เด็กสาวเปรยขึ้นเบา ๆ เมื่อเห็นว่าน้ำตาอุ่น ๆ เริ่มไหลออกมาจากดวงตาของหญิงสาวผ่านแว่นกรอบดำนั้น   ทันทีที่เจ้าของชี้ถูกขานเรียกผ่านสายลมเบาบางนั้น มือข้างหนึ่งรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าผ้าสีขาวก่อนที่จะบรรจงซับรอยน้ำตาเพื่อไม่ให้เพื่อน ๆ ได้สังเกตเห็น แต่หากว่าการกระทำแบบนั้นมันสายไปเสียแล้ว พิมได้รับรู้ความรู้สึกของหญิงตรงหน้าไปเรียบร้อย   เด็กสาวก้าวเท้ามานั่งข้าง ๆ หญิงสาวก่อนที่จะมองหน้าของหล่อนอย่างช้า ๆ นัยน์ตากลมโตที่ถูกแว่นสายตาสีดำบดบังนั้นยังคงความอ่อนต่อโลกอยู่ ผ้าปิดแกที่เธอเคยใส่เมื่อสมัยเด็ก ๆ ได้ถูกปลดออกจากริมฝีปากสีชมพูสดใสนี้แล้ว ผมที่ยาวสยายถูกมัดเป็นเปียเหมือนกับสมัยเด็ก ๆ ไม่มีผิดเพี้ยน ชุดนักศึกษาสีขาวและกระโปรงพีชคลุมเข่าสีดำช่างเข้ากับเด็กสาวเสียยิ่งกระไร ยิ่งรองเท้าผ้าใบสีขาวเหลืองที่โยสวมใส่ช่วยให้เธอน่ารักขึ้นมาเป็นกองเมื่อมองภาพรวมของเด็กสาว   “ พิม ... ” เด็กสาวโผเข้ากอดพิมทันที หากแต่ครั้งนี้ไม่มีคราบน้ำตาอยู่บนดวงตากลมโตนั้น พิมกอดกับไปอย่างอบอุ่นราวกับเพื่อนที่ขาดการติดต่อมานานแสนนาน   “ วันเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ... เมย์ก็ยังนึกถึงจ๋าอยู่ดี ” เด็กสาวผมยาวตรงอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดออกมาลอย ๆ แต่สายตาของหล่อนกลับจ้องมองรูปของจ๋าไม่ต่างอะไรกับโย   ตอนนี้พวกเธอทั้งห้าคนได้มารวมกันยังหน้าหลุมศพของเพื่อนรักที่ได้หายสาบสูญไปเมื่อสิบปีที่แล้ว หลังจากการเล่นบ้า ๆ ของพวกเธอ   ซ่อนแอบ .... ในตอนโพล้เพล้   เด็กสาวที่ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใครหยิบช่อดอกไม้สีขาวออกมาจากกระเป๋าผ้าใบเดิม ดวงตาจับจ้องไปยังภาพของจ๋าที่ยังคงร่าเริงสนุกสนานตามประสาเด็กธรรมดา ๆ ภาพที่บ่งบอกได้ว่าเธอคงมีความสุขดีอยู่ที่ไหนสักแห่ง   “ ฉันเชื่อว่าสักวัน ... เธอคงกลับมา ” ประโยคสั้นของ ๆ โยก่อนที่จะวางดอกไม้ลงไปที่พื้น กลับทำให้หัวใจของใครหลาย ๆ คนที่อยู่ที่นั่นเกิดตื่นตระหนกอย่างไม่ทราบสาเหตุ   ถ้าเด็กสาวกลับมาในสภาพที่ยังมีชีวิตก็คงจะดีไม่น้อย แต่ถ้าหากว่าการกลับมาของเธอไม่ได้เป็นอย่างที่เพื่อน ๆ คิดเอาไว้ ถ้ามาในสภาพของสิ่งที่ไม่ใช่คนล่ะ ...   พวกเธอยังเรียกจ๋าว่าเพื่อนอีกหรือเปล่า?   บรรยากาศรอบ ๆ เริ่มมีทีท่าเลวร้ายลง ท้องฟ้าที่เคยสดใสเมื่อครู่กลับมาเค้าของห่าฝนที่กำลังจะมาเยือนในอีกไม่ช้า ลมกรรโชกมาเป็นสัญญาณบอกว่าพวกเธอจะอยู่ที่นี่ได้อีกแค่ครู่เดียวเท่านั้น ลมปะทะมาพร้อมกับเสียงกริ่งโรงเรียนเข้าเรียนภาคบ่ายของโรงเรียนสตรีวิทสารดังขึ้นพร้อมกับแรงลมที่ทำให้ผมของพวกเธอปลิวสยาย บรรยากาศเริ่มวังเวงลงไปทุกทีแม้ตอนนี้จะเป็นตอนบ่ายแก่ ๆ ก็ตามที   “ เอ่อ ... ว่านว่านะ อีกไม่นานฝนคงจะตกแล้ว .... กลับกันก่อนดีไหม? ” เธอรีบตัดบทเมื่อเห็นว่าทุกอย่างรอบตัวกลับนิ่งเงียบจนน่าขนลุก   เด็กสาวอีกสามคนที่เหลืออยู่เว้นแต่โยมองหน้ากันราวกับรู้คำตอบของกันและกัน โยมองหน้าของเพื่อน ๆ อีกครั้งก่อนที่จะหยิบร่มสีดำออกมา   “ งั้นเรากลับกันเถอะ .... ” เด็กสาวคลี่ยิ้มผ่านริมฝีปากสีชมพูนั้นก่อนที่จะกางร่มให้กับปอยพลันเร่งฝีเท้าก้าวออกมาจากสุสานแห่งนั้น เพื่อน ๆ ที่เหลือได้แต่เดินตามมาติด ๆ เพราะลมเริ่มจะอาละวาดอีกครั้ง   ลมยังคงพัดมาเรื่อย ๆ ราวกับเป็นสัญญาณเร่งให้พวกเธอรีบออกมาจากที่นั่นโดยเร็ว หากแต่ว่าเสียงลมที่กำลังกรรโชกอยู่นั้น มีบางอย่างแอบซ่อนอยู่ภายในสายลมที่กำลังโบกสะบัดอยู่ อะไรบางอย่างที่กำลังปะทะเข้าไปในโสตประสาทของหญิงสาวที่เดินรั้งท้ายมา    อีก 10 ปีพิมต้องมาหาจ๋าใหม่นะ .... เพราะไม่อย่างนั้น จ๋าจะออกไปหาพวกพิมเอง   เด็กสาวที่ได้ยินประโยคนั้นถึงกับขนตั้งชันอย่างไม่ทราบสาเหตุ ดวงตากลับเบิกกว้างขึ้นเมื่อใบหน้าของเธอกลับหันไปตามแรงลมที่มาของเสียงนั้นราวกับถูกสะกดจิต   สายตาของพิมกลับจ้องมองไปยังสุสานโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจ!!   ที่สุสานของเพื่อนสาวนั้น ไม่ได้มีเพียงแต่หญ้าแห้ง ๆ ที่ขึ้นจนรกชัฏ ไม่ได้มีเพียงแค่ช่อดอกไม้สีขาวของโยที่ตอนนี้กลีบได้กระจัดกระจายไปทั่วตามแรงเหวี่ยงของลมฝน ไม่ได้มีเพียงป้ายสุสานที่ปรากฏใบหน้าของเพื่อนสาว หากแต่ว่า   เจ้าของหลุมศพนั้นกำลังจ้องมองการจากไปของพวกเธออยู่ ... ไม่ห่าง ... ที่หน้าหลุมศพนั่น!!!      _____________________________________________________________________    
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD