ตอนที่ 7/2

1387 Words
รัญนราใช้เวลาอาบน้ำไม่ถึงยี่สิบกว่านาทีก็พาตัวเองลงมายังชั้นล่างของตัวบ้าน ทว่าเมื่อลงมาถึงกลับเห็นน้องชายกำลังหลับอยู่บนโซฟา หัวคิ้วดกขมวดชิดทั้งที่หลับตาอยู่ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเอาหลังมือแตะบนหน้าผากมนของน้องชายเบาๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อน หญิงสาวรีบเอากะละมังเล็กพร้อมผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้น้องชายอย่างแผ่วเบา แล้วคำพูดของหมอดังกึกก้องเข้ามาในหู ‘น้องชายของคุณต้องได้รับการรักษาด่วน ถ้าขืนชักช้าเนื้อร้ายอาจจะลามจนรักษาไม่ทัน’ เรียวปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น มองน้องชายด้วยความอาทร เธอจะต้องหาเงินให้เร็วที่สุดไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม คนที่กำลังหลับอยู่เมื่อถูกความเย็นจากเนื้อผ้ามาสัมผัสผิวส่งผลให้เปลือกตาค่อยๆ เปิดออก แล้วพอเห็นว่าเป็นพี่สาวที่เช็ดหน้าให้เขา เด็กหนุ่มจึงผุดลุกนั่งโดยที่ผ้าขนหนูเปียกหมาดๆ แปะอยู่บนหน้าผาก “พี่เมย์ลงมานานหรือยังครับ?” รวิถามก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนังซึ่งบอกเวลาหกโมงกว่าแล้ว นี่แสดงว่าเขาเผลอหลับไปเกือบชั่วโมงเลย “พี่เพิ่งลงมาจ้ะ” รัญนราบอกพลางแย้มริมฝีปากบาง ซ่อนความกังวลไว้ในอกไม่ให้น้องชายเห็น “เป็นไงบ้าง?” เสียงหวานเอ่ยถามแผ่ว พยายามกลั้นก้อนสะอื้นไว้ในลำคอ “ไม่เป็นไรแล้วครับ ตัวร้อนนิดเดียวเองเดี๋ยวกินยาก็หายแล้ว” รวิบอกกับพี่สาวด้วยน้ำเสียงทุ้ม จากนั้นลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปที่ห้องอาหาร แต่แล้วยังไม่ทันได้ยืนเต็มที่ก็ล้มตึงลงไปกะทันหันเพราะหน้ามืด ทำเอาคนเป็นพี่สาวเบิกตาโพลง ก่อนจะรีบเข้าไปประคองด้วยสีหน้าตระหนก ซึ่งรู้ว่าเป็นอาการของโรคที่กำลังกำเริบ เพราะหมอได้บอกเธอไว้แล้ว “นั่งรอพี่อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวพี่ไปหยิบกับข้าวเองนะ” กล่าวจบก็เดินออกไป น้ำตาที่สะกดกลั้นไว้เมื่อครู่ก็ไหลพรั่งพรู ราวกับทำนบน้ำทลาย… หลังจากที่ทานมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว รัญนราพาน้องชายขึ้นไปนอนห้องนอนที่อยู่ทางซ้ายมือของบ้าน ซึ่งเป็นห้องนอนส่วนตัวของรวิเอง ห้องนอนโทนสีสว่างออกเหลือง ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน ผ้าม่านหรือแม้แต่ผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่บนราวก็ยังเป็นสีเดียวกัน เพราะเจ้าของห้องโปรดปรานสีนี้มาก “นอนพักนะ ดึกดื่นมาหากรู้สึกไม่สบายตรงไหนโทรหาพี่ได้ตลอด” เธอบอกน้องชายภายหลังจากปิดหน้าต่างเรียบร้อยแล้ว เหลือไว้แค่บานเดียวที่ไม่ได้ปิดเพื่อระบายอากาศ “ครับพี่เมย์” รวิพยักหน้าตอบรับ สายตาตรึงอยู่ที่ร่างเล็กของคนที่เดินไปจัดการนู่นนี่นั่นให้เขาราวกับแม่คนหนึ่ง หลายวันมานี้เขาสัมผัสได้ถึงความกังวลในแววตาของพี่สาว และเมื่อกี้ตอนพี่สาวเข้าไปในครัว เห็นเธอแอบไปยืนร้องไห้จนไหล่บางไหวลู่สั่นเทาอยู่หลังครัว ซึ่งนั่นเขารู้ว่าที่รัญนราร้องไห้ขนาดนั้นต้องเกี่ยวกับอาการป่วยของเขาแน่นอน “พี่เมย์บอกมาตรงๆ เถอะครับว่าผมป่วยเป็นอะไร ผมไม่กลัวหรอกครับ คนเราทุกคนเกิดมาก็ล้วนต้องตายกันอยู่แล้ว มันอยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง” เขาคิดว่าอาการป่วยของเขาไม่ธรรมดาแน่ เพราะไม่อย่างนั้นพี่สาวคงไม่บอกให้เขาหยุดเรียนหรอก แล้วอีกอย่างช่วงหลังๆ มานี้เขาปวดหัวบ่อยมาก แต่แค่ไม่ได้บอกพี่สาวเพราะไม่อยากให้เธอเป็นห่วง เมื่อเจอเข้ากับคำถามของน้องชายที่บ่งบอกว่าเริ่มสงสัยอาการป่วยของตัวเอง รัญนราถึงกับนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ จับจ้องดวงหน้าคมที่มีเค้าโครงความหล่อมาจากผู้เป็นบิดาทั้งรูปร่างและหน้าตาเหมือนกับบิดาไม่มีผิด “หมอบอกว่านายเป็นเนื้องอกในสมอง แต่ไม่ต้องกังวลนะพี่จะหาเงินมารักษานายเอง ส่วนนายแค่ตั้งใจดูแลรักษาตัวเองให้แข็งแรงก็พอ” สิ้นประโยค รัญนราลงนั่งข้างน้องชายก่อนวาดวงแขนบีบไหล่กว้างเบาๆ ทว่ากลับเห็นรอยยิ้มจากน้องชายแย้มกว้าง ราวกับไม่ได้หวาดกลัวต่อสิ่งที่เป็นอยู่เลย ขณะที่เธอนั้นกลัวแทบบ้า “ครับพี่เมย์” รวิคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับกอดพี่สาวไว้แน่น แม้รู้สึกตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้รับรู้ แต่เขาไม่อยากให้พี่สาวทุกข์ใจ จำต้องแสร้งยิ้มออกมาราวกับเป็นเรื่องธรรมดามาก “พี่เมย์ไปนอนเถอะครับมันดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้านี่” รวิผละออกจากพี่สาวหลังจากทั้งสองนั่งเงียบเป็นเวลานาน “โอเค งั้นนายก็นอนได้แล้ว อย่าคิดมากนะ พี่จะหาเงินมารักษานายเอง” “กู้ดไนท์ครับ” “กู้ดไนท์” เมื่อออกไปแล้ว รัญนราไม่ได้จากไปในทันที เธอยังคงยืนอยู่ที่หน้าห้อง ก่อนจะได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ลอดออกมาจากห้องนอนที่เธอเพิ่งเดินออกมา แม้เสียงครางสะอื้นของน้องชายดังแผ่วคล้ายเจ้าของพยายามสะกดกลั้นเสียงสุดขีด แต่รัญนราก็ได้ยินอย่างแจ่มชัดและยังสัมผัสได้ถึงความหวาดหวั่นในเนื้อเสียง จนเธอต้องยกมือขึ้นมาปิดปากไว้แน่น ทั้งสงสารและเห็นใจคนที่อยู่ในห้อง พาให้น้ำตาที่กลั้นไว้ร่วงเผาะลงบนแก้มทั้งสองข้าง กดเสียงสะอื้นลงในลำคอแล้วจากไปอย่างช้าๆ เมื่อกลับมาถึงห้องนอนแล้ว เธอทิ้งตัวลงบนเก้าอี้พร้อมกับกอดเข่าสะอื้นไห้ตัวโยนคิดถึงพ่อแม่ขึ้นมาจับใจ ถ้าพวกท่านอยู่ด้วยคงจะดีไม่น้อย ในใจภาวนาของให้ดวงวิญญาณของบุพการีปกปักรักษาน้องด้วยเถอะ เพียงไม่นานรัญนรารีบเช็ดน้ำตาออกอย่างลวกๆ มือเล็กเอื้อมไปหยิบกระเป๋าข้างพนักโซฟาแล้วล้วงเอาโทรศัพท์กดโทรหาคนที่คิดว่าจะช่วยเธอได้ ต่อสายไม่นานปลายทางก็กดรับสาย ไม่รอช้ารัญนรารีบพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการทันที “สวัสดีค่ะพี่เบียร์ ตอนนี้ว่างไหมคะ? เมย์มีเรื่องรบกวนหน่อยค่ะ” รัญนราเรียกคนในสายอย่างคุ้นเคย เพราะอีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ที่เธอสนิทด้วยที่สุดในสมัยที่เธอยังทำงานอยู่ในไนต์คลับ “ว่าไงจ๊ะสาวน้อย ตั้งแต่เรียนจบเนี่ยหายไปนานเลยนะ” ซึ่งปลายสายก็เอ่ยทักเธอด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง “พี่เบียร์คะเมย์อยากกลับไปทำงานที่คลับค่ะ พอจะมีงานให้ทำบ้างไหมคะ?” เธอรีบพูดในสิ่งที่เธอต้องการ สมัยที่เธอยังเป็นนักศึกษา เธอก็ประทังชีวิตด้วยงานเสิร์ฟอาหารและชงเหล้าให้ลูกค้านี่แหละ บางทีถ้าเจอลูกค้าที่ใจดี เธอก็ได้ทิปเป็นพันก็มี แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเปลืองเนื้อเปลืองตัวบ้างซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วสำหรับคนทำอาชีพนี้ “ได้สิน้องเมย์ พร้อมเมื่อไหร่มาได้เลยนะ” คำตอบของผู้จัดการไนต์คลับ ทำให้รัญนรายิ้มได้อีกครั้ง อีกฝ่ายยังคงเป็นรุ่นพี่ที่ใจดีกับเธอไม่เคยเปลี่ยน “งั้นเมย์เริ่มงานพรุ่งนี้เลยได้ไหมคะพี่เบียร์?” “ได้สิสาวน้อย เจอกันพรุ่งนี้นะ” “ขอบคุณค่ะพี่เบียร์” ภายหลังจากที่วางสายแล้ว ร่างบอบบางล้มตัวนอนลง พรุ่งนี้หลังเลิกงานเธอต้องกลับไปโลดแล่นอยู่ในวงการทำงานกลางคืนอีกครั้ง แม้ใจจริงไม่อยากจะทำเลย แต่เพื่อน้องชายคนเดียวที่เธอรักไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ *********** ฝากเอาใจช่วยน้องเมย์ของเราด้วยนะคะ นางสู้ชีวิตมากๆ เลยค่ะ ที่สำคัญนางรักน้องชายมากๆๆๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD