ตอนที่ 9

1986 Words
00:30น. เที่ยงคืนครึ่ง รัญนราพาตัวเองเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน และก่อนกลับหญิงสาวจึงเข้าไปลาผู้จัดการร้านอย่างที่เคยทำเหมือนเมื่อก่อน “พี่เบียร์งั้นเมย์ขอตัวกลับก่อนนะคะ” รัญนราเอ่ยบอกพร้อมยกมือไหว้เจ๊เบียร์ที่ตอนนี้นั่งเคลียร์งานอยู่ในห้อง “จ้ะ ตกลงที่กลับมาทำงานเนี่ย เดือดร้อนเรื่องเงินใช่ไหม?” ชายร่างใหญ่หัวใจหญิงเงยหน้าถามอย่างจริงจัง เมื่อคืนที่รัญนราโทรมาหา เขายังนึกว่าเธอแค่ถามเล่นๆ เท่านั้นแต่เมื่อเห็นเธอมาปรากฏตัวที่นี่ในช่วงค่ำ เดาไม่ยากเลยว่าเธอคงมีปัญหาเรื่องเงินแน่ๆ เพราะถ้าไม่เดือดร้อนจริงๆ สาวน้อยคงไม่มาเหยียบที่นี่หรอกเขารู้ดี แล้วคำตอบของเธอก็เป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด “น้องวิป่วยเป็นเนื้องอกในสมองค่ะพี่เบียร์” รัญนราบอกเสียงเคร่งเครียด ขณะที่คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตรงหน้าเบิกตากว้างพร้อมกับเอามือมาทาบอกคล้ายตกใจกับสิ่งที่เธอเพิ่งบอกไป “ตายจริง! ทำไมน้องวิโชคร้ายอย่างนั้นล่ะ” หัวคิ้วของเจ๊เบียร์ขมวดชิดเข้าหากัน ก่อนจะลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าตกใจ “แล้วนี่ต้องใช้เงินในการรักษาเยอะนะสิ” ผู้จัดการคลับว่าพลางเอื้อมมาบีบไหล่ของเธอให้กำลังใจ “ใช่ค่ะ เมย์ถึงได้กลับมาทำงานกับพี่เบียร์อีกครั้งไงคะ” รัญนราพยักหน้าเบาๆ ใบหน้าหวานหม่นแสงลงเล็กน้อย เมื่อนึกถึงค่าแรงรวมกับทิปที่ได้ในคืนนี้ รวมแล้วน่าจะประมาณสามพันกว่าบาท นั่นเพราะทิปจากดลเทพและติณภพ แล้วพรุ่งนี้ถ้าไม่ได้เจอบุคคลทั้งสองเธอก็ได้ราวๆ พันกว่าบาทเอง เพราะเมื่อก่อนเธอก็ได้ประมาณนี้ตลอด บางวันยังได้น้อยกว่านี้ก็มี แต่นั่นไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินอย่างในตอนนี้ “เอาเถอะ มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ” บอกอย่างเห็นใจ เคยเห็นเด็กหนุ่มอยู่บ่อยๆ บางทียังแอบหยอกเย้าแซวอยู่หลายครั้ง ไม่ได้เจอกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ “ค่ะพี่เบียร์ขอบคุณมากจริงๆ งั้นเมย์กลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” รัญนรายกมือไหว้หัวหน้า ก่อนสะพายเป้ขึ้นหลังก่อนจะเดินจากไปอย่างเหนื่อยล้า “น้องเมย์เดี๋ยวก่อน ถ้าอยากได้เงินจริงๆ พี่ก็พอจะมีวิธีช่วยนะ แล้วจำนวนเงินที่ได้ มันมากพอรักษาน้องวิได้เลยแหละ” เสียงผู้จัดการร้านโพล่งขึ้นมาก่อนที่เธอจะพ้นขอบประตูห้อง ทำให้รัญนราต้องเอี้ยวตัวกลับมาถามด้วยความอยากรู้ระคนมีความหวัง “วิธีไหนคะพี่เบียร์?” ถามแล้วเมื่อเห็นสายตาที่ผู้จัดการจ้องมองเธอ รัญนราเข้าใจได้ในทันทีว่าวิธีที่ว่าคืออะไร เพราะนอกจากพี่เบียร์จะเป็นผู้จัดการของคลับแล้ว เขายังมีหน้าที่อีกอย่างที่รู้กันในวงในเท่านั้น “ไม่ค่ะพี่เบียร์ เมย์ไม่ทำเด็ดขาด!” รัญนรารีบส่ายหน้าพัลวัน ทว่าอีกฝ่ายกลับส่งรอยยิ้มมาให้เธอราวกับเป็นเรื่องปกติซึ่งนั่นมันก็จริงสำหรับใครหลายๆ คนที่เต็มใจทำแต่กับเธอไม่ใช่ “แล้วน้องเมย์จะไปหาเงินตั้งมากมายขนาดนั้นมาจากไหนล่ะ?” เขารู้ว่ารัญนราเป็นพวกรักศักดิ์ศรี ไม่มีวันขายตัวเป็นแน่ เพราะถ้าเธอจะทำคงทำไปเมื่อสี่ปีก่อนที่ทำงานที่นี่แล้วล่ะ เนื่องจากในตอนนั้นลูกค้าต่างต้องการในตัวเธอ ถึงกับให้เขาเป็นสะพานเข้าหาสาวน้อย และทุกครั้งที่นำเรื่องที่มีคนสนใจส่งเสียเลี้ยงดู รัญนราก็ปัดปฏิเสธทุกครั้งเช่นกัน “ถ้าน้องเมย์อยากหาเงินรักษาน้อง มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นแหละ เพราะพี่หาทางออกอย่างอื่นไม่ได้แล้ว…” ครั้งนี้เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วจะหาเงินเยอะขนาดนั้นได้จากที่ไหน รัญนราฟังที่พี่เบียร์พูดแล้วกะพริบตาถี่ๆ ‘ขายความบริสุทธิ์’ ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ จนคนที่เดินมายืนใกล้กันต้องเอื้อมมาเกาะกุมมือเล็กของเธอแล้วบีบเบาๆ “น้องเมย์อย่าเครียดสิคะ พี่ก็แค่แนะนำ ไม่ได้บังคับน้องเมย์นะ ทุกอย่างอยู่ที่น้องเมย์ตัดสินใจเองทั้งนั้น” “ค่ะ ขอบคุณพี่เบียร์มาก งั้นเมย์ขอเก็บเอาไปคิดก่อนแล้วกันนะคะ” ตอนนี้ใจเธอเริ่มเขวบ้างแล้ว ก็อย่างที่เขาบอกเงินตั้งล้านหนึ่งเธอจะไปหาที่ไหนกันแค่วันสองวัน ถ้าน้องชายของเธอเข้ารับการรักษาช้าเกรงว่าโรคมันก็ยิ่งลุกลามจนรักษาไม่หาย “จ้ะ จะทำไม่ทำพี่ไม่ว่าอะไรนะ” เจ๊เบียร์พยักหน้าให้เธอเบาๆ “ค่ะ” รัญนราผงกหัวแล้วเดินออกไปจากร้านด้วยความสับสนและรู้สึกหนักอึ้งไปหมด ข้างนอกในยามนี้มืดสนิท มีเพียงแสงนีออนจากเสาไฟสว่างให้เห็นรำไร บนถนนใหญ่ที่ก่อนหน้านี้พลุกพล่านไปด้วยรถวิ่ง บัดนี้เหลือเพียงไม่กี่คัน ยิ่งดึกรถราที่วิ่งก็ยิ่งมีน้อย เวลานี้แทบจะไม่มีรถผ่านไปมาให้เห็นเลย รัญนรากวาดสายตามองไปยังถนนเบื้องหน้า หวังเพียงแค่ว่าจะมีรถแท็กซี่ผ่านมาให้เธอขึ้นสักคันก่อนที่มันจะดึกไปมากกว่านี้ ขณะเดียวกันภายในใจก็นึกเป็นห่วงถึงอีกคนที่นอนอยู่บ้านคนเดียว “น้องเมย์ให้พี่ไปส่งนะครับ” กระทั่งเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง รัญนราจึงหันมามองเจ้าของเสียงที่แสนจะคุ้นเคย แม้จะไม่ได้ยินมาห้าปีแล้ว แต่เสียงนี้ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจไม่เคยเปลี่ยน “พี่ติณยังไม่กลับเหรอคะ?” ถามเสียงแผ่วเบา ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปนานเท่าไหร่รุ่นพี่หนุ่มยังคงหวังดีต่อเธอเสมอ คิดแล้วชวนให้กระบอกตาร้อนผ่าว ก่อนจะรีบกะพริบตาถี่เร็วเพื่อไล่หยดน้ำตา “พี่รอกลับพร้อมน้องเมย์ครับ ให้พี่ไปส่งนะครับ” “แต่…” เธอยังไม่ลืมเรื่องเมื่อห้าปีก่อนหรอกนะ ครอบครัวเขาไม่ยอมรับเธอถึงขนาดเอาเงินฟาดหัวเพื่อให้เลิกกับเขา ถ้าไม่จำเป็นเธอไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว “ไม่ต้องมีแต่ ให้พี่ไปส่งนะครับ ตอนนี้ไม่มีแท็กซี่แล้วล่ะ” ร่างสูงขยับเข้ามาหา ก่อนจะฉวยเอามือเธอมาจับดื้อๆ และจริงจังจนรัญนราไม่อาจปฏิเสธได้ “ก็ได้ค่ะพี่ติณ” รัญนราตอบรับความหวังดีจากเขาอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ก่อนจ้ำอ้าวตามเขาไปที่รถ ขณะที่อีกมุมหนึ่งไม่ไกลจากที่นี่นัก โยธินซึ่งนั่งอยู่บนเบาะคนขับรถมองเหตุการณ์อย่างเงียบๆ ไม่ต่างจากอีกคนที่นั่งเบาะหลัง “บอสครับดูเหมือนว่ารัญนรากับคุณติณณภพน่าจะรู้จักกันมาก่อนนะครับ” โยธินเปรยออกมาเบาๆ ทว่าไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่นั่งด้านหลัง เขาอดที่จะหันไปมองเจ้านายหนุ่มเสียไม่ได้ เห็นดวงตาคู่คมจับจ้องอยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นภาพชายหญิงสองคนเดินคุยกันหัวเราะราวกับมีความสุข “ออกรถเถอะ” ดลเทพสั่งเสียงขรึม ความจริงหลังจากที่เจรจากับลูกค้าเสร็จแล้ว เขาควรจะออกจากไนต์คลับ แต่ที่ไม่ได้ออกไปเลยและยังนั่งดื่มต่อในห้องวีไอพี คิดว่าค่อยกลับตอนคลับจะปิด เนื่องจากเป็นห่วงพนักงานในปกครอง กังวลว่าจะไม่มีรถกลับบ้านเพราะกว่าหล่อนจะเลิกงานก็คงเลยเที่ยงคืนไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นห่วงรัญนรา ในเมื่อมีคนต้องการไปส่งเธอ เขาไม่จำเป็นต้องไปยุ่งอีก “ครับบอส” โยธินรับคำพร้อมกับเคลื่อนออดี้ทีทีเอสออกจากริมฟุตบาท ….. ด้านรัญนราหลังจากขึ้นมานั่งในรถ เธอไม่พูดหรือถามไถ่อีกคนเลยเพียงแต่หันไปมองออกไปนอกรถ แต่อีกคนที่เริ่มออกรถกลับหันมาทางเธอบ่อยๆ พร้อมพูดคุย “ไม่เจอกันแค่ห้าปี น้องเมย์โตขึ้นเยอะเลยนะครับ” ติณภพเอ่ยขณะที่มือยังคงบังคับพวงมาลัยรถที่มีสัญลักษณ์ BMW เรียกให้รัญนราต้องหันมาทางรุ่นพี่หนุ่ม ก่อนเอ่ยเสียงเบา “พี่ติณก็เหมือนกันค่ะ” “แม้เวลาจะเปลี่ยนไปนานเท่าไร แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือตรงนี้” เขายกนิ้วโป้งชี้ลงบนอกข้างซ้าย นัยน์ตาลึกซึ้งที่มองมา ทำเอารัญนรารีบหลุบตาต่ำ ต่อให้เธอหรือเขาจะรู้สึกยังไงต่อกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ย้ำเตือนเธอเสมอคือ ครอบครัวเขาไม่ยอมรับเธอ อีกอย่างเวลาผ่านไปถึงห้าปีมาแล้ว ความรู้สึกของเธอ ณ ตอนนี้มันเขวไปจากเมื่อห้าปีก่อนแล้วล่ะ ในเมื่อไม่มีคำใดออกมาจากปากของสาวน้อยข้างกาย ติณณภพจึงทำได้แค่ตั้งใจขับรถต่อไป กลับมาคราวนี้ต่อให้พ่อเขาจะต่อต้าน เขาขอตามใจตัวเองสักครั้งเถอะ ที่ผ่านมาเขารู้ว่าไม่สามารถลืมเธอคนนี้ไปจากใจได้เลย แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีคู่หมั้นคู่หมายแล้วก็ตามที แต่นั่นเป็นสิ่งที่พ่อของเขาล้วนยัดเยียดให้ทั้งสิ้น “ขอบคุณที่มาส่งเมย์นะคะ” รัญนราเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเมื่อรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ก่อนจะรีบลงไปไม่แม้แต่จะหันมามองคนข้างๆ ซึ่งติณณภพก็ไม่ได้ฝืนหรือรั้งเธอไว้ เขามองแผ่นหลังเล็กบอบบางที่เดินลงจากรถไปยืนอยู่ที่หน้าประตูเตรียมเข้าบ้านแล้วค่อยๆ ขับรถออกไปจากบริเวณหน้าบ้านหลังกะทัดรัดที่ไม่ได้มาเยือนอีกเลยในรอบห้าปี และคิดว่าต่อไปคงได้มาอีกบ่อยๆ รัญนรามองเข้าไปในบ้านยังเห็นไฟในห้องโถงยังสว่างจ้าอยู่ ทำให้หัวคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย เที่ยงคืนกว่าแล้วรวิยังไม่นอนเหรอ? หญิงสาวครุ่นคิดก่อนจะไขกุญแจเข้าบ้าน แล้วเมื่อเข้ามาในห้องโถง ภาพที่เห็นคือน้องชายนอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟาสีครีม เธอย่างกรายเข้าไปใกล้ก่อนจะเอื้อมมือเล็กอังหน้าผากกว้างอย่างแผ่วเบา กลัวว่าเจ้าของจะตื่น และเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนอ่อนๆ จากผิวหน้า รัญนราเม้มปากแน่น ยิ่งเห็นคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปมทั้งที่ยังหลับ พานให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหว เมื่อกี้ได้ค่าแรงแค่สามพันกว่าบาทเอง ยังไม่พออะไรด้วยซ้ำ ร่างเล็กทรุดกายลงนั่งข้างโซฟา ขณะที่สายตายังคงจับจ้องใบหน้าผ่ายผอมของน้องชายยิ่งรู้สึกเป็นห่วง เธอจะไม่ยอมเสียน้องชายเด็ดขาด! ก่อนจะตัดสินอย่างยอมจำนนต่อสถานการณ์ ต่อให้ต้องทำในสิ่งที่น้องชายเกลียดที่สุดเธอก็จะทำจากนั้นหยิบมือถือออกจากกระเป๋าข้างตัวแล้วกดโทรหาเจ๊เบียร์ผู้จัดการร้านที่เพิ่งจากกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD