ขวัญจิราชะงักฝีเท้า เอ่ยตอบเสียงสั่น “เอ่อ...น้ำผึ้งจะกลับหอพักค่ะ”
“กลับได้ยังไง ผมนัดคุณกินข้าวในวันนี้ คุณจำไม่ได้หรือยังไง” กันต์กวีตะเบ่งถามเสียงดังเอื้อมมือมาจับมือเล็กไว้แน่น
“น้ำผึ้งจำได้ค่ะ แต่น้ำผึ้งไม่เห็นคุณกันต์กวีมาสักที น้ำผึ้งก็เลยนึกว่าคุณลืมน้ำผึ้งไปแล้ว”
“ก็ไม่เห็นมีอะไรให้น่าจดจำนี่” กันต์กวีสวนกลับ พอเห็นใบหน้างามถอดสีเผือด ก็รีบแก้ไขคำพูดของตัวเองเสียใหม่
“ผมติดธุระสำคัญ เลยทำให้มาช้านิดหน่อย”
ขวัญจิรายิ้มเจื่อนๆ ขณะก้มลงมองนาฬิกาของตัวเอง “ไม่นิดหน่อยแล้วค่ะ คุณกันต์กวีมาช้าเกือบสองชั่วโมงค่ะ”
กันต์กวีหน้าตึงเมื่อถูกขวัญจิราตำหนิ เขาถลึงตามองใบหน้างามแล้วบีบมือเล็กเนียนผ่องไว้แน่นขณะเอ่ยถาม
“แล้วทำไมคุณถึงรอผมไม่ได้ คุณต้องการมากินข้าวกับผมไม่ใช่หรือน้ำผึ้ง!”
“ค่ะคุณกันต์กวี แต่น้ำผึ้งรอนานแล้ว และคิดว่าคุณคงไม่มาตามนัด น้ำผึ้งก็เลยจะกลับหอพักนะคะ”
ขวัญจิรานิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดตรงต้นแขน พยายามบิดมือให้พ้นจากการจับกุม
“จะรีบกลับไปทำไม ราตรีนี้ยังอีกยาวไกลนัก” ว่าแล้วกันต์กวีก็กระชากร่างบางระหงให้เดินตรงไปยังรถสปอร์ตของตนเอง
“อยากกินข้าวกับผมจนตัวสั่นไม่ใช่หรือน้ำผึ้ง ไปสิ! ผมจะพาคุณไปกินข้าว ต่อด้วยของหวานถ้วยพิเศษ ที่จะทำให้คุณจำไม่มีวันลืม”
“น้ำผึ้งไม่ไปแล้วค่ะ น้ำผึ้งอยากกลับหอพัก” ขวัญจิราพยายามโก่งตัวหนีไม่เดินตามกันต์กวีง่ายๆ
“แต่ผมยังไม่ต้องการให้คุณไปตอนนี้”
กันต์กวีจับร่างบางยัดไปในรถอย่างไม่ปราณีปราศรัย ก่อนจะก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“คุณกันต์กวีจะพาน้ำผึ้งไปไหนคะ”
ขวัญจิราเอ่ยถามเสียงสั่น จับยึดประตูรถไว้แน่น เมื่ออีกฝ่ายขับรถบนทางด่วนด้วยความเร็วสูง
“ไม่ต้องเรียกว่ากันต์กวีเต็มยศก็ได้ ผมรำคาญ!” กันต์กวีต่อว่าเสียงเข้ม
“เอ่อ...ค่ะ คุณกวีจะพาน้ำผึ้งไปไหนคะ น้ำผึ้งอยากกลับหอพักแล้วค่ะ”
“ได้! ถ้าอยากกลับหอพักนัก ผมก็ไม่ขัดศรัทธา”
ขวัญจิราไม่เข้าใจในคำพูดของกันต์กวี แต่นาทีต่อมาก็ต้องหน้าถอดซีดเผือด เมื่อกันต์กวีจอดรถชิดขอบซ้ายบนทางด่วน จากนั้นก็ก้าวลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูรถด้านซ้ายออกกว้าง พร้อมกับกระชากเธอให้ลงจากรถด้วย
“เชิญ! อยากกลับหอพักใช่ไหม เชิญกลับได้เลย”
ขวัญจิราอ้าปากหวอ ออกมายืนอยู่ข้างๆ ถนนด้วยอาการงุนงงไม่ต่างจากไก่ตาแตก ขณะมองตามกันต์กวีซึ่งพอไล่เธอลงจากรถแล้ว ก็เดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับออกไปจากบริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็ว
“คุณกวี!”
ขวัญจิราตะโกนเรียก แต่รถสปอร์ตหรูหราก็เคลื่อนตัวออกไปแล้ว หญิงสาวหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว เมื่อต้องยืนอยู่คนเดียวบนทางด่วน แต่เมื่อไม่อาจทำอะไรได้ จึงจำต้องพาร่างที่กำลังสะอื้นร้องไห้ก้าวเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ
ทางด้านของกันต์กวีพอขับรถออกมาได้เกือบสิบเมตร ก็ต้องเบรกรถดังสนั่นอีกครั้ง ทุบมือลงไปบนพวงมาลัยด้วยความหงุดหงิดใจ
“นรก! ไม่น่ารับคำท้าไอ้พวกนั้นเลย ให้ตายสิ”
ชายหนุ่มยกมือเสยผมให้ยุ่งเหยิงไปหมด พอเหลือบสายตามองกระจกมองหลัง เห็นรถยนต์คันหนึ่งกำลังจอดข้างถนน ห่างจากขวัญจิราไม่มากนัก ก็รีบถอยรถไปหาขวัญจิราอย่างรวดเร็ว
“คุณครับ มีอะไรให้พวกเราช่วยไหมครับ” หนุ่มสาวคู่หนึ่งลงมาจากรถ แล้วเอ่ยถามขวัญจิราด้วยความเป็นห่วง
ขวัญจิราไม่ทันได้เอ่ยตอบ รถสปอร์ตหรูหราคันเดิมก็ถอยมาจอดห่างจากเธอไม่มากนัก
“ขึ้นรถ!” กันต์กวีตะคอกเสียงห้วน พร้อมกับจับข้อมือเล็กดึงขวัญจิราให้ไปขึ้นรถอีกครั้ง
“คุณครับ ต้องการให้พวกเราช่วยเหลือเรื่องอะไรก็บอกได้นะครับ” พลเมืองดียังคงเดินตามมาเอ่ยถามอีกครั้ง
และกันต์กวีก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะเอ่ยตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำ “ไม่ต้อง เราทะเลาะกันนิดหน่อย”
“เข้าไปในรถสิ จะยืนบื้ออยู่ทำไม หรืออยากไปกับไอ้หน้าจืดคนนั้น”
กันต์กวีเค้นเสียงด่าให้ได้ยินกันสองคน ส่วนขวัญจิราก็รีบเข้าไปนั่งในรถ เพราะกลัวถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเหมือนเมื่อสักครู่อีก
“ยังอยากกลับหอพักอีกไหม”
ขวัญจิรากัดเม้มริมฝีปากแน่น หันมามองกันต์กวีครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าตอบออกมา
“ผมถามว่าอยากกลับหอพักหรือเปล่า ทำไมไม่ตอบ ไม่ได้เอาปากมาด้วยหรือยังไง”
กันต์กวีตะคอกถามเสียงลั่นรถ หงุดหงิดไปหมดเมื่อไม่ได้รับตอบสนองในสิ่งที่ต้องการ
ขวัญจิราสะดุ้งตกใจ เอ่ยตอบเสียงตะกุกตะกักไม่เต็มเสียงนัก “ยะ...อยากกลับค่ะ”
“ก็เท่านี้ ไม่เห็นยากที่ต้องอ้าปากพูด ทำเป็นนั่งอมพะนำอยู่ได้” กันต์กวีเหน็บแนมเสียงเย็น
“น้ำผึ้งขอโทษค่ะคุณกวี”
“ไม่ต้องขอโทษ ผมไม่อยากได้ยินคำนี้จากปากของคุณ”
ขวัญจิราหน้าเจื่อนน้ำตาซึมเพราะถูกตวาดครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวนั่งเงียบจนกระทั่งกันต์กวีขับรถมาถึงคอนโดหรูหราใจกลางเมืองกรุง
“คุณกวีพาน้ำผึ้งมาที่นี่ทำไมคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามขณะก้าวลงจากรถ และกันต์กวีก็เอ่ยตอบสั้นๆ ติดห้วนจัดเหมือนเดิม
“มากินข้าว”
กันต์กวีลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในล็อบบีของคอนโดหรูหราราคาแพงลิบ ซึ่งมีชื่อบิดามารดาของเขาเป็นเจ้าของคอนโดแห่งนี้
“จะยืนอยู่ตรงนั้นรอให้ รปภ.มารุมโทรมหรือยังไงฮ่ะ!” กันต์กวีตะโกนถาม เมื่อเห็นว่าขวัญจิราไม่ยอมเดิมตามเขามา
ขวัญจิราหันซ้ายหันขวารู้สึกหวาดกลัวเหมือนกัน จึงรีบก้าวเท้าที่หนักอึ้งเดินตามกันต์กวีไป เมื่อต้องเข้ามาอยู่ภายในลิฟต์แคบๆ กับชายหนุ่ม หญิงสาวก็ไปยืนอยู่ชิดมุมลิฟต์แล้วกอดอกตัวเองไว้แน่น
“ฮึ! ไม่ต้องถอยไปอยู่ไกลขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่ได้พิศวาสคุณเท่าไรหรอกน้ำผึ้ง”
กันต์กวีเค้นเสียงเยาะ กวาดสายตามองขวัญจิราด้วยแววตารังเกียจ หากไม่เป็นเพราะกลัวเสียหน้า กลัวเสียศักดิ์ศรี เขาไม่มีทางแตะต้องขวัญจิราให้เสียอารมณ์