บทที่ 1
“สอบเสร็จแล้วโว้ย!”
“เรียนจบแล้วโว้ย!”
เสียงของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐ พากันตะโกนเสียงดังลั่น หลังออกมาจากห้องสอบ เมื่อสอบวิชาสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว
“สอบเสร็จแล้ว เรียนจบแล้ว คืนนี้ต้องฉลองกันหน่อย”
“เออ...เห็นด้วย คืนนี้ต้องฉลองให้หนัก หลังจากเครียดกับการสอบมาทั้งอาทิตย์”
“คืนนี้กูขอเมาอ้วกแตกสักคืนเถอะวะ”
กลุ่มของนักศึกษาชายหกคน ซึ่งล้วนเป็นลูกคนรวยตระกูลดังทั้งสิ้น ต่างก็พากันนัดแนะ และพูดถึงการเลี้ยงฉลองการสอบเสร็จในค่ำคืนนี้
“ไม่เมา ไม่กลับบ้าน”
หนึ่งในหกคนได้วางแผนการเลี้ยงฉลองไว้เสร็จสรรพ กะว่าไม่เมา ไม่ยอมกลับบ้านอย่างแน่นอน
“พูดแล้วก็เปรี้ยวปาก กูอยากไปเที่ยวแล้ววะ” นักศึกษาตาตี๋หรือที่เพื่อนเรียกว่า ปกรณ์ เป็นลูกเจ้าของร้านทองชื่อดังเอ่ยบอกเพื่อนร่วมแก๊ง
“เออ กูก็อยากไปแล้ว ว่าแต่ว่า ไอ้กวีมันยังไม่ออกมาจากห้องสอบอีกหรือวะ หรือว่ามันทำข้อสอบยังไม่เสร็จ”
โกเมท เป็นหนึ่งในแก๊งหนุ่มหล่อและรวยของกลุ่มนี้ เอ่ยถามหาเพื่อนรักของพวกเขา ซึ่งยังไม่โผล่หน้าเข้ามาร่วมแก๊งให้ครบทีมเช่นทุกครั้ง
“มีหรือวะที่คนฉลาดเป็นกรดอย่างไอ้กวีจะยังไม่ออกจากห้องสอบ กูเห็นมันออกจากห้องเป็นคนแรกแล้ว”
ปกรณ์เอ่ยบอกเพื่อนๆ ในแก๊งที่ต่างก็มองหาเพื่อนรักอีกคน ซึ่งเป็นหัวโจกใหญ่ของแก๊ง
“ก่อนเข้าสอบ มันบอกว่าจะไปหาท่านคณบดีหลังจากสอบเสร็จ ป่านนี้มันคงกำลังคุยกับท่านคณบดีอยู่”
เมื่อได้ยินคำตอบจากเพื่อนร่วมแก๊ง ที่รู้ถึงการหายตัวไปของหัวโจกใหญ่ พวกเขาต่างก็พยักหน้ารับรู้ และก่อนพวกเขาจะพูดถึงเพื่อนรักต่อ ทุกคนก็เห็นกลุ่มนักศึกษาสาวคณะเดียวกัน เดินมาทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้หินอ่อนห่างจากพวกเขาไม่กี่เมตร
“พวกมึงเห็นยายแว่นที่นั่งอยู่โต๊ะโน้นหรือเปล่าวะ” โกเมทถามเพื่อนร่วมแก๊ง ดวงตาเต้นระริกเมื่อความคิดบางอย่างผุดขึ้นในหัวสมอง
“เห็น ทำไมวะ หรือว่ามึงสนใจยายแว่นสุดเชย สุดเฉิ่มคนนั้น” ปกรณ์เอ่ยตอบพร้อมกับถามเพื่อนไปในตัว
“เฮ้ย! ไอ้ตี๋ มึงอย่ายัดเยียดยายแว่นคนนี้ให้กู ยายนี่ทั้งเชย ทั้งบ้านนอก ไม่อยู่ในสเปคของกูหรอก” โกเมทด่าเพื่อนรักทันที จากนั้นเอ่ยบอกเพื่อนๆ ต่อ
“พวกมึงรู้ใช่ไหมว่ายายแว่นมันแอบรักไอ้กวีมานานแล้ว”
“เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ ยายแว่นรักไอ้กวีตั้งแต่เธอเรียนปีหนึ่ง”
เพื่อนในแก๊งรีบตอบทันควัน เขามองเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เมื่อเพื่อนรักของตนเองซึ่งทั้งหล่อ และรวยจะเป็นที่หมายปองของสาวๆ ในมหาวิทยาลัย
โกเมทมองไปยังหญิงสาวที่กำลังตกเป็นหัวข้อสนทนา พลางยิ้มเยาะตรงมุมปาก ก่อนจะเอ่ยบอกความคิดของตนเอง
“ไหนๆ ยายแว่นก็หลงรักไอ้กวีมานานแล้ว เรามาช่วยกันสงเคราะห์ให้ยายแว่นสมหวังในความรักดีไหมวะ”
“มึงจะเล่นอะไรวะไอ้เมท มึงก็รู้ว่าไอ้กวีมันไม่เคยเห็นยายแว่นอยู่ในสายตาของมันเลย” ปกรณ์ต่อว่าเสียงเข้ม ไม่เข้าใจว่าเพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่
“กูรู้ว่าไอ้กวี มันไม่เคยสนใจยายแว่นอยู่แล้ว แต่กูอยากรู้ว่าไอ้กวีมันจะยอมเสียหน้าหรือเปล่า ถ้าหากพวกเราจะเล่นพนันกันเล็กๆ น้อยๆ”
โกเมทกระตุกยิ้มตรงมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ และคำพูดของเขาทำให้เพื่อนๆ ที่เหลือถึงจากหูผึ่งทันที
“จะเล่นพนันแบบไหนดีวะไอ้เมท” เพื่อนร่วมแก๊งเอ่ยถามอย่างใจร้อน คันไม้คันมืออยากเล่นเต็มที
“กูพนันสองแสน ให้พวกมึงทายว่าคืนนี้ไอ้กวีมันจะสามารถหลอกยายแว่นมาเผด็จศึกได้หรือเปล่า”
โกเมทเริ่มเปิดหน้ากระดาษในการเล่นพนัน ที่มีคนสองคนเข้ามาเกี่ยวข้องโดยไม่รู้ตัว
“กูให้สามแสนไปเลย และขอทายว่าไอ้กวีได้เจาะไข่แดงยายแว่นในคืนนี้อย่างแน่นอน” ปกรณ์วางเงินเดิมพนันจำนวนมากโขโดยไม่นึกเสียดาย
“จะมีไข่แดงให้เจาะหรือเปล่าก็ไม่รู้”
เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยออกมาอย่างดูถูกหญิงสาว ที่กำลังตกเป็นหัวข้อการเดิมพัน และเพื่อนๆ ที่เหลือก็รีบหัวเราะผสมโรงทันควัน
“ฮ่าๆๆๆ นั่นนะสิวะ จะมีไข่แดงเหลือให้ไอ้กวีมันกินหรือวะ”
“ถ้างั้นกูเทหมดหน้าตักไปเลย กูให้ห้าแสน กูทายว่าไอ้กวีมันไม่ยอมกระเดือกยายแว่นอย่างแน่นอน”
“ฮ่าๆๆ กูเห็นด้วย กูทุ่มหมดตัวให้ไปเลยหนึ่งล้านบาท ว่าไอ้กวีมันไม่ยอมลดตัวไปนอนกับยายแว่นอย่างที่พวกมึงว่า”
โกเมทหัวเราะร่วน เห็นเป็นเรื่องสนุกที่เอาชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งมาพนันขันต่อกับเพื่อนในแก๊ง
“เดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะได้เงินไป เพราะตอนนี้ไอ้กวีมันเดินมาโน่นแล้ว” ปกรณ์ชี้ให้เพื่อนทุกคนหันไปมองเพื่อนรัก ที่กำลังก้าวเดินด้วยท่วงท่าองอาจมาหาพวกเขา
กันต์กวี จิณวัตร หรือที่รู้จักในสังคมไฮโซว่า ‘กวี’ กระตุกยิ้มบางๆ ตรงมุมปากอย่างเย่อหยิ่ง ขณะเดินผ่านกลุ่มของสาวๆ ซึ่งชายหนุ่มรู้ว่าพวกเธอเหล่านี้กำลังมองตามเขาตาปรอย
“พากันหัวเราะเรื่องอะไรวะ เสียงดังลั่นไปถึงห้องคณบดีเลยว่ะ” กันต์กวีสัพยอกเพื่อนๆ ขณะทรุดกายลงนั่งบนม้านั่งตัวยาว
โกเมทยักคิ้วให้เพื่อนร่วมแก๊งอย่างรู้กัน และแทนที่จะตอบคำถามของเพื่อนรัก กลับเป็นฝ่ายเอ่ยถามกันต์กวีแทน
“ไอ้กวี มึงเห็นยายแว่นที่นั่งอยู่โต๊ะโน้นไหมวะ”
กันต์กวีมองตามการบุ้ยปากของเพื่อนแล้วเอ่ยตอบอย่างกวนๆ “เออ เห็น ตากูไม่ได้บอดนี่หว่า ว่าแต่มึงถามทำไมกันวะ”
“มึงรู้ใช่ไหมว่ายายแว่นมันหลงรักมึงตั้งแต่เรียนปีหนึ่งแล้ว” คราวนี้เป็นปกรณ์ที่เอ่ยถามกันต์กวีบ้าง
กันต์กวียักไหล่อย่างทะนงตัว และไม่สนใจหญิงสาวเชยๆ ที่อยู่นอกสายตัวของตนเอง “ยายแว่นแอบหลงรักกูแล้วไงวะ พวกมึงจะสนใจไปทำไม สาวๆ ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยก็หลงรักกูทั้งนั้น”