ลี่เทียนเป่าฟังจีหลุนเล่าจบก็ยกมือทาบอก หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำราวกลองศึก ชายหนุ่มกลอกตาไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนเขาจะตื่นเต้นยิ่งกว่าเจ้าของปัญหาเสียอีก
“นี่มัน! มันเกิดขึ้นแล้วใช่หรือไม่?”
“เออ...แต่พอปล่อยมือ อาการนั้นก็หายไปแล้ว”
“ตอนที่เจ้าจับคอกัวเยี่ยนสือแล้วรู้สึกร้อนวูบวาบที่ส่วนนั้นน่ะหรือ?”
“อืม...เจ้าว่าแปลกหรือไม่?”
“แปลกสิ ข้าสรรหายาดีมาให้เจ้าทั่วทุกสารทิศ เจ้ากินมาทุกสูตรทุกขนานก็บอกว่าไม่ได้ผล เกือบสี่ปีแล้ว เจ้าเพิ่งรู้สึกวูบวาบ หากเป็นเจ้าที่เจ้าว่า ตอนนั้นเจ้ากำลังจะได้ฆ่าเขา เหล่าจี หรือว่า? จะเป็นตอนที่เจ้ารู้สึกโมโหสุดขีดจึงเกิดอาการนั้นขึ้นมา” ลี่เทียนเป่าเริ่มวิเคราะห์หาเหตุผล
แม่ทัพหนุ่มมองสหาย ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวเมื่อข่มใจเอ่ยประโยคต่อมา “ไม่เพียงเท่านั้น ต่อมา ข้าก็ฝันถึงเรื่องหลายครั้งและทุกครั้งที่ฝันก็จะมีอาการอย่างว่า”
“นี่เจ้า...” ลี่เทียนเป่าหรี่ตาลง “เจ้าคงไม่ได้เป็นต้วนซิ่วหรอกนะ ถึงได้รู้สึกกับกัวเยี่ยนสือเช่นนั้น”
จีหลุนชะงัก “ข้าก็กำลังสงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ข้าลองแตะตัวบุรุษรอบกายดูแล้ว ข้ามิได้รู้สึกกับพวกเขาเช่นนั้นเลยสักคน อีกอย่างก่อนหน้านี้ที่เราแอบเข้าไปในแคว้นเว่ยหลายคราว เจ้าเองนะที่เป็นคนพาข้าไปทำเรื่องนอกรีตนอกรอยพวกนั้นน่ะ”
ลี่เทียนเป่าถึงกับผงะ ในคราแรกที่เขาได้พบจีหลุนเป็นตอนที่เขากำลังสำเริงสำราญอยู่ในหอคณิกาที่เมืองทางใต้ของแคว้นเว่ย ครานั้นจีหลุนแอบเดินทางเข้าไปเพื่อสำรวจชายแดน
หลังจากพูดคุยถูกใจ คบหาเป็นสหาย เขาจึงได้รู้ความจริงว่าจีหลุนมีฐานะเช่นใด? ท่านชายจีผู้นี้หวงเนื้อหวงตัวสมกับเป็นชนชั้นสูง เป็นเขาที่พาท่านชายจีเข้าหอคณิกา ไปดูหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยร่ายรำ แต่พอถึงตอนเข้าห้องกลับมีเพียงเขาที่ถูกหญิงสาวทั้งหลายลากไป ส่วนจีหลุนยืนยันขันแข็งว่าถึงจะคิดแต่ก็ทำไม่ได้
“เหล่าจี เจ้าก็มิได้หลับนอนกับสตรีพวกนั้น”
“ข้าทำถึงขั้นนั้นมิได้ก็จริง แต่ข้า...” แม่ทัพหนุ่มพยายามทำหน้าให้นิ่ง “ข้าก็ชอบลูบคลำตัวสตรีและมีอารมณ์อยู่นะ เพียงแต่นี่เป็นข้อห้ามสำคัญของสกุลจี หากข้าทำผิดสัญญาท่านพ่อของข้าจะรู้ได้ทันที”
ครั้งนั้นเขาคิดว่าจีหลุนโกหก ในภายหลังจึงได้รู้ท่านฝูกั๋วกงบิดาของจีหลุนคือผู้มีวิชาคำนวณดวงดาว สามารถรู้ความเป็นไปของบุตรผ่านดวงดาวบนท้องฟ้า
ลี่เทียนเป่าเห็นด้วยกับสหายในเรื่องของการชอบสตรีเพศเพราะตำราใต้หมอนที่เขาหาซื้อมาในช่วงปีแรกล้วนถูกจีหลุนผู้นี้ทำหน้าซื่อตาใสแย่งไปอ่านเสียบ่อยๆ
“หากว่าเจ้าเริ่มมีอาการอย่างว่าจริงๆ ยาเทียบล่าสุดที่ข้าได้มา เห็นทีคงจะได้ผลแล้ว ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าจะรีบไปต้มให้เจ้า ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะมีโอกาสหาย” ลีเทียนเป่าเอ่ยความยินดี
“เบี้ยหวัดข้า หมดไปกับเรื่องนี้มิใช่น้อย เมื่อใดจะรักษาได้เสียที?”
ลี่เทียนเป่าเห็นใจสหายยิ่งนัก การที่จีหลุนผ่านวันคืนอันโหดร้ายเหล่านี้ไปได้ นับว่าขวัญกล้ายิ่งกว่าที่เขาฆ่าฟันศัตรูในสนามรบมาก หากต้องแต่งงานกับสตรีปกติทั่วไป เห็นทีสหายของเขาคงจะกลัดกลุ้มยิ่งกว่านี้
จิ่งอี้องครักษ์สกุลจีที่ติดตามท่านชายจีไปเป็นทหารอารักขา เดินหิ้วเอาไหสุราขนาดเล็กมาให้ “ท่านกั๋วกงให้ข้าน้อยเอามาส่งท่านชายขอรับ”
“แล้วเจ้าเล่า? ไม่มาดื่มสุรากับข้าหรือ?”
“มิได้ขอรับ ข้าต้องไปช่วยพ่อบ้านทำงานตกแต่งเรือนหอ”
ลี่เทียนเป่าพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “เหล่าจี เจ้าว่าไม่เคยใบหน้าของกัวเยี่ยนสือเลยสักครา ใช่หรือไม่?”
“ใช่ คนเผ่าทะเลทรายมักจะปกปิดร่างกายมิดชิด หากวันนั้นไม่ใช่เพราะข้าใช้ง้าวฟันถูกผ้าที่พันคอเขาจนขาดก็คงไม่อาจจะได้สัมผัสผิวคอของเขา”
“จะว่าไปกัวเยี่ยนสือกับกัวเอินถงก็เป็นฝาแฝดกัน ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะมีใบหน้าคล้ายกันมากเพียงแต่ต่างเพศ เหล่าจี ในเมื่อเจ้าต้องเข้าหอกับนางอยู่แล้วก็ลองเอามือกุมแม่นางกัวดู เผื่อว่าเจ้าจะเกิดอารมณ์กับนางบ้าง”
จีหลุนฟังแล้วก็นึกถึงคิ้วและดวงตาของกัวเอินถง
“อันที่จริง ส่วนคิ้วกับดวงตาของนางก็เหมือนกับพี่ชายอยู่มาก ตอนที่ข้ามองนางในท้องพระโรง ข้าเองก็ตกใจเหมือนกัน สองพี่น้องนี่ หากเปิดหน้ามาดูก็คงจะเหมือนกันมาก”
“ดีๆ หากร่างกายของเจ้ามีอาการตอบสนองกับนาง เช่นนั้นนางอาจจะช่วยเจ้าหายจากการบาดเจ็บ เจ้าควรจะลองดู”
จีหลุนกัดกรามกรอดๆ นึกถึงศัตรูในชุดเกราะสีน้ำตาล “ข้าต้องลองดูแน่ กัวเยี่ยนสืออุตส่าห์ส่งนางมาหาข้าทั้งที ย่อมต้องใช้นางให้เกิดประโยชน์ แต่หากข้าไม่หาย ข้าก็จะให้สกุลกัวชดใช้อย่างสาสม”
กัวเอินถงที่นั่งรถเข็นอยู่จามออกมาอย่างแรงจนสาวใช้ประจำตัว หันมาดู นางรีบโบกมือเป็นเชิงบอกให้รู้ว่านางไม่เป็นอันใด
“ข้าก็แค่ผิดอากาศ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง อาจเพราะเคยอยู่ท่ามกลางทะเลทรายต้องหลีกหนีลมแรง พายุทรายอยู่เรื่อย ไหนเลยจะชินกับอากาศปลอดโปร่งเช่นนี้”
“คุณหนูเจ้าค่ะ เรื่องแม่ทัพจี คุณหนูแน่ใจหรือเจ้าคะ?”
“ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลสิ่งใด แต่ข้าไม่มีทางเลือก สิ่งที่เราต้องการอยู่ในสกุลจี หากไม่แต่งเข้าสกุลจีจะมีโอกาสได้อย่างไร? ท่านพ่ออุตส่าห์ยอมมอบสิ่งมีค่าของห้าเผ่าเพื่อให้พวกเรานำมามอบให้หมิงฮ่องเต้ก็เพื่อให้บรรลุในข้อนี้”
กัวเอินถงพร้อมด้วยเหย้าหลี หยวนจู้ และผู้ติดตามที่เป็นบุรุษทั้งยี่สิบคนแอบหลบหลีออกจากเซี่ยงซาวานในคืนพระจันทร์มืดมิด รอนแรมผ่านทะเลทรายมาจนถึงชายแดนก็หาซื้อรถม้าและเสื้อผ้าใหม่
เอกสารปลอมในการเข้าเมืองหาได้ไม่ยากนักในตลาดมืด กัวเอินถงพาคนทั้งหมดมุ่งหน้าเข้าเมืองหลวง จากนั้นค่อยยื่นหนังสือประจำตัวฉบับจริงให้กับนายด่านประตูใหญ่และแสดงตัวเป็นทูตจากห้าแคว้นขอเข้าเฝ้าเพื่อสงบศึก
นางถูกเชิญเข้าไปรอคำตอบจากวังหลวงในสำนักมือปราบอยู่ค่อนวัน หรือให้กล่าวตามตรงก็คือการเชิญไปคุมขังอย่างมีเกียรติและฐานะจึงจะถูก ด้วยร่างกายที่พิการส่วนล่างทำให้นางต้องนั่งรถเข็น หัวหน้าสำนักมือปราบจึงมิได้เข้มงวดกับนางและผู้ติดตามมากนัก
“นี่หากไม่ตัดสินใจหลบออกมาก่อน เห็นทีเราจะเข้าตาจนจริงๆ หยวนจู้ ครั้งนี้ห้าเผ่าคงเลี่ยงการนองเลือดได้ยาก ข้าไม่อยากเห็นคนล้มตายอีกแล้ว”
เสียงกุกๆ กักๆ ดังขึ้นที่หน้าต่างด้านหลัง กัวเอินถงหันไป “รีบเปิดเร็ว”
หยวนจู้วิ่งไปเปิดหน้าต่าง หญิงสาวในชุดดำทะมัดทะแมงกระโจนเข้ามาข้างใน “คุณหนู ข้าได้ยาบำรุงดีๆ ครบตามที่สั่งแล้วเจ้าค่ะ เพิ่งไปจัดส่งเมื่อครู่”
กัวเอินถงแบ่งคนไว้ข้างนอกอีกสิบคนให้แฝงกายปะปนกับชาวบ้านในเมืองหลวง ภารกิจของนางนอกจากจะต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้ให้ได้แล้ว ยังต้องสรรหายาดีจากแคว้นหมิงส่งกลับไปให้บิดาและพี่ชาย
....น่าเสียดายที่ไม่อาจจะได้พบหมอหญิงเกาเมิ่งเจี๋ยผู้ลือลั่น
“ดีมาก เหย้าหลี ข้าหวังว่าท่านพ่อจะแข็งแรงขึ้น รอข้าให้ข้ากลับไปได้ทัน” แววตาของกัวเอินถงหม่นแสงลง บิดาของนางเจ็บออดๆ แอดๆ นับตั้งแต่การประลองกับหัวหน้าเผ่าฝูซา แม้จะเอาชนะคนหยาบคายผู้นั้นมาได้แต่ต้องซ่อนอาการบาดเจ็บให้มิดชิด เพื่อมิให้หัวหน้าเผ่าอีกสามเผ่าระแคะระคาย”
หลังจากหมิงฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรสาส์นของหัวหน้าห้าเผ่าทะเลทราย จึงทรงมีรับสั่งให้นำธิดาของหัวหน้าห้าเผ่าเข้าไปพักในเขตพักของราชทูตใกล้วังหลวง รอกระทั่งแม่ทัพจีเดินทางมาถึง นางจึงถูกเชิญเข้าไปยังท้องพระโรง
โดยมากการสวามิภักดิ์ผู้แพ้มักจะจัดส่งบรรณาการพร้อมกับบุตรหรือธิดามาเพื่อเป็นตัวประกัน ครั้งนี้นางผู้ซึ่งเป็นธิดาของหัวหน้าห้าชนเผ่าแห่งทะเลทรายมาด้วยตนเองพร้อมด้วยเครื่องบรรณาการล้ำค่าสองหีบและยังมีฎีการายการบรรณาการที่จะถวายตามมาในภายหลัง
....ยากนักที่หมิงฮ่องเต้จะทรงปฏิเสธ...
แต่...สำหรับการมอบตัวของนางให้นั้นจำต้องเป็นคนสกุลจี และบังเอิญยิ่งที่แม่ทัพจีหลุนแห่งค่ายพยัคฆ์ไฟคือ...ผู้ที่เหมาะสม
ในท้องพระโรงเมื่อวาน นางรู้ว่าจีหลุนข่มโทสะไว้จนถึงขีดสุด นางเองก็ใจเต้นรัว การเสนอขอแต่งงานกับแม่ทัพผู้นี้ก็เหมือนกับส่งตนเองลงนรกอเวจี
...แต่หากนางไม่ยอมลุยไฟนรกลงไป แล้วผู้ใดจะช่วยบิดากับพี่ชาย
กัวเอินถงรู้สึกโมโห เมื่อได้ยินเขาขอให้หมอหลวงเข้ามาทดสอบว่านางเป็นสตรีพิการจริงหรือไม่? นางรู้ว่าเขาเพียงต้องการบ่ายเบี่ยงให้ฮ่องเต้ทรงเห็นว่านางไม่ควรจะเอาเรื่องแต่งงานมาต่อรอง แต่เมื่อฮ่องเต้ทรงตัดสินพระทัยเข้าข้างนาง จีหลุนก็โมโหจนหน้าแดงหน้าดำ
นางได้ยินเสียงกัดฟันกรอดๆ ของเขาขณะกระซิบเฉียดใบหู
“ได้ เจ้าอยากแต่งงานกับข้าเองนะ อย่าโอดครวญก็แล้วกัน!”
****************
*เกาเมิ่งเจี๋ยหรือฮูหยินไร้รอย หมอยาเทวดาจากเรื่อง “ท่านอ๋องเป็นของข้า” และ “ซือซือฮองเฮาพันโฉม”