ตอนที่3 น้อยใจ
คลิปชายสองคนใช้กำลังกันหน้าผับชื่อดังกำลังเป็นไวรัล ณ ขณะนี้ ถึงลลิลไม่บอกแม่เขาก็คงรู้ได้ในไม่ช้า
“ลี่เซฟไว้แล้วด้วยเผื่อคลิปปลิว”
“ไอ้ลี่ ฉันไม่กลัวแกหรอกไม่ต้องมาขู่ กลับไปได้แล้ว”
“มันไล่แล้วก็กลับเถอะครับน้องลี่ เดี๋ยวพี่อิทธิ์จะไปส่งน้องเอง”
“มึงอย่าแม้แต่จะคิด!” เจ้าของใบหน้าบวมปูดหันมาว่าให้อิทธิกร ก่อนจะเบนสายตาเลยไปที่เพื่อนอีกคนหนึ่งที่แม้จะนั่งเงียบแต่สายตามันหลอกเขาที่คบมันเป็นเพื่อนมานานไม่ได้
“ไอ้เหี้ยคริส”
“อะไรของมึง แบบนี้ไม่ใช่สเปกกูหรอก” คนถูกพาดพิงหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด ถึงเธอจะไม่ใช่สเปก ‘แต่มันมีคำพูดที่ถนอมใจคนฟังมากกว่านี้นะ’
“ไอ้เหี้ยคริสมึงพูดอะไรเนี่ยดูสิน้องเขาหน้าเสียเลย”
“กลับไปได้แล้วลิลลี่ฉันเหนื่อยกับแกว่ะ”
“พี่นนท์เหนื่อยกับลี่มากเลยเหรอ” หญิงสาวที่เพิ่งเสียความมั่นใจอย่างติดลบแถมยังเจอคำพูดของพี่ชายที่พาลทำให้น้อยใจอีก เธอเดินไปหยิบกระเป๋าบนโซฟาที่อยู่ระหว่างกลางของเพื่อนพี่ชายทั้งสองคน แต่กระเป๋าเธอดันอยู่ใกล้คริสมากกว่าทำให้ต้องหันหน้าไปทางเขา และตอนนี้เองคริสจึงเป็นคนเดียวที่เห็นว่าเธอน้ำตาคลอ ‘แค่นี้ร้องไห้?’
“เดี๋ยวไอ้ลี่ แกจะกลับยังไง”
“...”
“ลิลลี่!”
“ไม่ต้องมายุ่ง” เธอตะคอกใส่พี่ชายโดยที่ไม่หันกลับมามองใครในห้องอีกเลย
ปึง!!!
“มึงว่าน้องแรงไปปะ?” อิทธิกรถามขึ้นทั้งที่ไม่ได้เห็นแววตาเศร้าของลลิลด้วยซ้ำ
“พวกมึงไม่ต้องสนใจน้องกูหรอกเดี๋ยวกูจัดการเองได้”
พรึ่บ
“ไอ้คริส! มึงนั่งลงเลย”
“กูจะกลับห้อง”
“อีกสิบนาทีมึงค่อยกลับ”
“อะไรของมึง คิดว่ากูจะตามลิลลี่ไปหรือไง”
“เออ”
“ประสาท” คริสทิ้งตัวนั่งลงที่เดิมอย่างไม่สบอารมณ์ คนอย่างเขาเคยเดินตามผู้หญิงที่ไหนมันเอาอะไรมาคิดว่าเขาจะตามน้องมัน
10นาทีต่อมา
“กูกับไอ้คริสไปได้ยัง”
“จะไปตายไหนก็ไป”
“ไม่ใช่กูกับไอ้อิทธิ์หรอก น่าจะเป็นมึงมากกว่า” คริสพูดจบก็หยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงและมุ่งหน้าเดินออกจากห้องของเพื่อนอย่างนนท์นภัทร จู่ ๆ แววตาของลลิลก็ทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“มึงก็ระแวงไม่เข้าเรื่อง”
“มึงอีกตัว ดี ๆ กันทั้งนั้น”
“กูรู้น่าว่าน้องลี่เป็นของต้องห้าม ไม่เอาเข้ามาในวงจรอัปปรีย์ของเราหรอก”
“ดีแล้วที่มึงคิดแบบนั้น” เจ้าของห้องพูดกับอิทธิกรเสียงนิ่งก่อนจะเดินกระเพลกมานั่งแทนที่คริสที่เพิ่งลุกไป
“มึงก็เคยเห็นผู้หญิงที่เราเคยเขี่ยทิ้งว่าเป็นยังไง เป็นคนอื่นมันอาจจะสนุกแต่ถ้าเป็นน้องกู...”
“เออ กูกับไอ้คริสเข้าใจอยู่แล้ว กูกับมันแค่เอ็นดูลิลลี่ที่เป็นน้องสาวมึงแค่นั้นเอง”
นนท์นภัทรหันมาหรี่ตามองเพื่อนจอมกระล่อนที่นั่งข้าง ๆ ด้วยแววตาเหมือนจะซาบซึ้งก่อนจะพูดบางคำออกมา
“กูไม่เชื่อมึงหรอก”
.....
ลลิลร้องไห้แต่ไม่ถึงขั้นสะอึกสะอื้นตลอดทางที่กลับจากคอนโดของพี่ชาย โชคดีที่เพื่อนของเธออาสามาเป็นเพื่อนเธอเลยไม่ต้องขับรถกลับทั้งน้ำตา
“พี่นนท์เขาคงห่วงลี่นั่นแหละ อย่าคิดมากเลยนะ”
“เขาบอกว่าเขาเหนื่อยกับเรา” คนที่ทำหน้าที่ขับรถเหลือบมองเพื่อนที่ใช้กระดาษทิชชูเช็ดน้ำตาเหมือนเด็ก ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อรวบรวมความกล้าปลอบโยนเธอ
“ถ้าเราเป็นพี่ชายลี่เราก็คงหวงเหมือนกัน”
“หวงเรารู้ แต่ทำไมถึงกับต้องไล่กันด้วย แว่นก็รู้ว่าเรารีบมาที่นี่เพราะเป็นห่วงเขาขนาดไหน”
“แวะกินอะไรก่อนมั้ย หรือจะกลับห้องเลย”
“แวะร้านผัดไทนะ” ชายหนุ่มเพื่อนของลลิลยกยิ้ม ขนาดเสียใจร้องไห้อยู่เธอยังไม่ลืมว่าเขากำลังจะขับรถผ่านร้านผัดไทของโปรด
“คนเยอะนะลี่ จะได้กินมั้ยล่ะ”
“ไม่มีใครจำเราได้หรอกมั้ง”
“ทำไมถึงคิดว่าจะไม่มีใครจำได้ ลี่ปิดทั้งหน้าทั้งตัวเรายังจำได้เลยว่าเป็นลี่”
“ก็แว่นอยู่กับเราทุกวันนี่”
ลลิลยังคงดึงดันที่จะเข้าไปนั่งในร้านผัดไทยเจ้าดังให้ได้ เธอก้มหน้าเดินไปนั่งโต๊ะด้านในสุดเพื่อเลี่ยงสายตาคนที่อาจจะจำเธอได้จนในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จโดยไม่มีใครสังเกต
“น้ำไม่เย็นเหมือนเดิมมั้ย”
“จ้ะ ขอบใจนะ” กวินเดินไปหยิบน้ำเปล่าสองขวดที่ไม่ได้ถูกแช่เย็นตามที่หญิงสาวต้องการแต่เมื่อเขาหันกลับมาเพื่อนของเขาก็ถูกรุมล้อมขอถ่ายรูปเสียแล้ว
“น้องลิลลี่เจ้ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ”
“ได้เลยค่ะ ถ่ายได้ทุกคนเลยนะคะ” กวินถอยไปนั่งรอโต๊ะที่ว่างอยู่จนกระทั่งผัดไทสองจานมาวางตรงหน้าเขาก็ยังนั่งกอดอกมองไปที่เพื่อนคนสวยว่าหยุดกิจกรรมพบปะเอฟซีหรือยัง ‘ใกล้แล้วล่ะ’
เวลาล่วงเลยไปกว่าสิบนาทีกว่าคนสุดท้ายจะได้รูปที่เขาพอใจ กวินจึงยกจานผัดไทที่เย็นชืดมาวางลงตรงหน้าเธอ
“โห แว่นน่าจะกินก่อนมันเย็นหมดแล้วน่ะ”
“ลี่กินได้มั้ยล่ะ เราจะได้สั่งให้ใหม่”
“ได้ ๆ เราหิวจนรอไม่ไหวแล้วล่ะ” ลลิลรีบดึงจานผัดไทเข้าหาตัวด้วยมือที่เริ่มสั่นเทาเพราะความหิว ตื่นเช้ามาก็แจ้นไปรอพี่ชายที่ห้องของเขาแต่ก็ถูกไล่ตะเพิดออกมา จนเกือบจะเที่ยงแล้วเธอเพิ่งได้แตะอาหาร