เดือนถัดมา….
สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังกระจกบานใหญ่หลังห้องตัวเอง ดิสจัดเนคไทชุดนักศึกษาให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
เขาเริ่มจะคุ้นชินกับโลกยุคปัจจุบันมากขึ้นแล้ว แถมตลอดเวลาจนมาถึงสิ้นเดือนยังไม่มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นอีกเลยด้วย
พญาครุฑยังคงไม่โผล่มาให้เขาพบอีกเป็นครั้งที่สอง จะให้สรุปง่ายๆ เลยก็คือ ไม่มีเรื่องน่าปวดหัวอะไรเกิดขึ้นเลยจนถึงตอนนี้
ดิสหรี่ตามองภาพสะท้อนตัวเองในกระจก
‘เราในชุดนักศึกษาก็หล่อเหมือนกันแฮะ’
วันนี้คือวันแรกที่เขาจะเริ่มเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัย ‘DFGK’ ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าลูกคนรวย
ดิสถอนหายใจเล็กน้อย
‘มหาลัยในยุคดันเจี้ยนจะเป็นยังไงนะ’
ว่าแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมาดู
ชื่อ : ดิส
พลังโจมตี : + 100
ความเร็ว : + 40
ความทนทาน : + 40
ความอัจฉริยะ : + 50
เขาหรี่ตามองมันพลางกับยกมือขึ้นกอดอก
‘ตอนนี้มีแต้มที่สามารถอัปได้กี่แต้มนะ’
[แต้มสะสม 70 แต้ม]
นี่คือแต้มสะสมที่เขาเหลือก่อนสิ้นเดือน ดิสมองมันอย่างครุ่นคิดว่าควรสะสมไว้ก่อนหรือใช้ในการอัพตอนนี้ดี?
เหมือนว่าดิสจะไม่จำเป็นต้องคิดมากขนาดนั้น เขาควรสะสมมันไว้ก่อน เพื่อที่จะเพิ่มสมรรถภาพของตนให้ก้าวกระโดดในทีเดียว
แต่เมื่อเห็นระบบเด้งข้อความบางอย่างขึ้นมาก็ถึงกับเลิกคิ้วสูง
[แจ้งเตือน!]
ดิสจิ้มเข้าไปทันทีด้วยความสงสัย
[ยกเลิกเควสออกกำลังกาย]
[ทางระบบกำลังอัพเดตเพื่อจะเพิ่มเควสใหม่ที่เหมาะสมกับคุณเข้ามาแทนที่]
พอได้อ่านแล้วดิสก็เข้าใจ ตอนนี้สถานะของเขาอัปเดตไปไกลมากแล้วถ้าเทียบกับตอนแรก ไม่แปลกถ้าเควสจะอัพเดตเพื่อให้ตามทันระดับของเขา
ดิสยิ้มมุมปากเล็กน้อย ‘เควสประจำวันใหม่จะเป็นยังไงนะ? ’
เขาค่อนข้างสนใจ เพราะเควสใหม่อัปเดตเพื่อให้ตามเขาทัน นั่นแปลว่าค่าตอบแทนก็จะมากขึ้นไปด้วย อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องมาคอยเก็บวันละ 10 แต้มอีกแล้ว มันจะส่งผลดีเป็นอย่างมากต่อการเพิ่มระดับของเขา
‘จะรอดูแล้วกัน ว่าเควสใหม่จะเป็นยังไง’
พอสรุปความคิดได้เขาก็ละสายตาจากหน้าต่างระบบ แล้วเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าบนโต๊ะข้างหัวเตียง เพราะต้องไปมหาวิทยาลัยแล้ว
รถลีมูซีนสีขาวขับไปตามท้องถนน ดิสมองลอดกระจกดูวิวทิวทัศน์ขณะเอนกายนั่งที่เบาะหลัง
สิ่งที่เขาเห็นคือตั้งแต่มีดันเจี้ยน เมืองกรุงก็ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ถ้ำขนาดใหญ่ที่โผล่มามีองค์ประกอบหลักเป็นดิน และมันมีเยอะแทรกอยู่ตามตึกร้างบ้านช่อง ต้นไม้ใบหญ้านานาพรรณจึงพากันเจริญเติบโตบนพื้นผิวดินนั้นด้วยความอุดมสมบูรณ์
ดิสละสายตาจากกระจกแล้วหันมองมิกส์ที่นั่งข้างเขา แน่นอนว่าอีกฝ่ายยังใส่เฝือกแขนอยู่
“ผมโอนเงินทั้งค่าจ้าง แล้วก็ค่าสอนไปหมดแล้วนะ วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายแล้วล่ะที่เราจะได้เป็นเจ้านายและบอดี้การ์ดกัน”
ดิสกล่าวกับบอดี้การ์ดของตนด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
เมื่อมิกส์ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา ก่อนตอบกลับอีกฝ่ายไปด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“พูดอย่างกะผมจะตาย ถ้ากลัวจะคิดถึงก็ต่อสัญญาจ้างสิครับ”
เมื่อว่าจบทั้งสองคนก็หัวเราะพร้อมกัน
มิกส์หยุดหัวเราะก่อนจะหันไปมองดิส “แต่ก่อนจะหมดสัญญาจ้าง ผมมีบททดสอบนะ วันนี้หลังเลิกเรียน”
เมื่อดิสได้ยินแบบนั้นก็เลิกคิ้วมอง “หือ… สอบผ่านถือว่าจบหลักสูตรสินะครับ”
มิกส์เพียงแค่พยักหน้ายิ้มๆ เป็นคำตอบเท่านั้น
เมื่อเห็นแบบนั้นดิสก็กล่าวยิ้มๆ “จะรอดูเลยครับ ว่าเป็นการทดสอบแบบไหน”
เมื่อดิสว่าจบก็หยิบมือถือขึ้นมา ที่ยังเหลืออีกอย่างเดียวก็แค่โอนค่าจ้างเข้ามูลนิธิของยานเกราะ
พอโอนเสร็จเขาก็ส่งข้อความไปให้อีกฝ่ายเพื่อยืนยันว่าตนจ่ายค่าจ้างแล้ว ซึ่งขณะนั้นดิสก็เหลือบไปเห็นข้อความเก่าของราชาวดี เขานิ่งไปเล็กน้อย หลังจากวันที่ตึกถล่มเธอก็ไม่ได้ทักเขามาอีกเลย
เขารู้สึกผิดเล็กน้อยต่อราชาวดี ความจริงเธอไม่ได้ผิดอะไรขนาดที่ต้องขาดการติดต่อไปแบบนี้ ราชาวดีเพียงแค่ต้องการช่วยเขาเท่านั้น
ดิสถอยหายใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตนนั้นทำเกินกว่าเหตุไปหน่อย แต่ว่าตนก็ไม่กล้าจะทักอีกฝ่ายไปเช่นกัน
ดิสเก็บมือถือใส่กระเป๋าตอนนี้รถขับใกล้ไปถึงมหาวิทยาลัยของเขาแล้ว
เขาค่อนข้างจะเป็นกังวลเล็กน้อย นี่คือการเข้าสังคมใหญ่ครั้งแรกของเขาในรอบ 5 ปี แต่เขาก็ใจเย็นลงได้อย่างไม่ยากนัก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาฝึกเพื่อรับมือกับมอนเตอร์ ถ้ารับมือกับมนุษย์ไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป
To be continued →