[01:34 น.]
พอรถรีมูซีนจอดใกล้ๆ รั้วหน้ามหาวิทยาลัย ดิสก็รีบเปิดประตูลงมาในทันทีพร้อมกับบอดี้การ์ดหนุ่ม
เสียงไซเรนดังกึกก้อง… ภาพที่เห็นคือรถตำรวจและทหารหลายคันจอดกองกันอยู่ไม่ห่างนัก พวกเขาถืออาวุธครบมือเตรียมซัพพอร์ตกลุ่มพรานทมิฬ 2 – 3 คน ที่ยืนรวมอยู่ด้วย
ดูเหมือนพวกนั้นกำลังเคร่งเครียดเลยไม่ทันได้สังเกตเห็นพวกเขา
สาเหตุที่ดิสแยกออกว่าใครเป็นพรานทมิฬก็เพราะสร้อยแท็คตรงคอ มันคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกได้ชัด
‘ดูเหมือนจะเครียดกันเอาเรื่องเลย…’
ดิสประเมินสถานการณ์ตรงหน้า เพราะพอมายืนอยู่ใกล้ดันเจี้ยนแบบนี้ อาการแปลกๆ ครั่นเนื้อครั่นตัวที่ตนเป็นก็เริ่มหายไปบ้างแล้ว
เทปกั้นสีเหลืองลากยาวอยู่ตรงประตูรั้วและรอบๆ กำแพง ส่วนข้างในดิสค่อนข้างจะมองเห็นได้ชัดเลยว่า ที่ตึกสูงมีไฟไหม้ควันโขมง
ดูจากกองกำลังแล้ว พวกเขาคงกำลังพยายามจำกัดพื้นที่เพื่อไม่ให้ความเสียหายลุกลามออกมานอกมหาหาลัยแน่
ดิสที่เห็นแบบนั้นก็เดาะลิ้นเล็กน้อยอย่างไม่พอใจนัก
‘ถ้านับรวมคนที่เสร็จมอนเตอร์ไปในการถ่ายทอดสดกับคนที่เห็นตอนนี้ พรานทมิฬที่มามีแค่ 7 คนเอง’
ในเมื่อมีการสูญเสียและความเสียหายขนาดนี้ ทำไมพวกคลาส S ยังไม่โผล่มาช่วยอีก ดิสได้แค่มองอย่างสงสัย พวกที่เขาเห็นตอนนี้คงเป็นแค่พวก คลาส A ไม่ก็ B เท่านั้น
‘ก็เห็นแล้วว่าพวก คลาส A เอาไม่อยู่ก็ยังไม่ยอมเคลื่อนไหวกัน….’
ดิสคิดไม่ผิด พวกคลาส A เอาไม่อยู่จริงๆ สิ่งที่พวกเขาทำได้คือร่วมมือกับทหารตำรวจ ไม่ให้ความเสียหายลุกลามมาด้านนอกรั้วเท่านั้น
มิกส์ที่เงียบสังเกตการณ์มาพร้อมดิสตั้งแต่ต้นเอื้อมมือไปแตะไหล่นายจ้างตนเล็กน้อย
“แน่ใจนะ เรื่องจะปิดดันเจี้ยน?”
มิกส์ถามไปด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจริงจังกว่าทุกครั้ง
อย่างที่มิกส์กล่าวถาม มันคงเป็นไปไม่ได้ง่ายๆ เรื่องจะไปปิดดันเจี้ยน เพราะพวกเขาไม่ใช่พรานทมิฬทั้งคู่ และมันคงไม่ง่ายถ้าจะคุยดีๆ กับกลุ่มที่เฝ้าประตูรั้วอยู่
ดิสหันไปมองบอดี้การ์ดตนก่อนจะนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง
ก่อนหน้านี้บอดี้การ์ดหนุ่มพยายามห้ามนายจ้างตนด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่เป็นผล ดิสต่อรองโดยการจะต่อสัญญาจ้างกับมิกส์อีกครั้งด้วยเงินที่มากกว่าเดิม และขอให้มิกส์ตามมาด้วยกันกับเขา
บอดี้การ์ดหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้ดิสแปลกไป แต่ด้วยเงินหวานๆ เขาปฏิเสธไม่ลงจริงๆ
เขามั่นใจในฝีมือตัวเองระดับหนึ่งว่าต้องช่วยเหลือดิสที่ความสามารถก็ไม่ธรรมดาได้เหมือนกัน มิกส์จึงตัดสินใจมาด้วย อย่างน้อยถ้าห้ามไม่ได้ ก็ตามมาด้วยคงสบายใจกว่า
ทั้งสองยืนครุ่นคิดกันข้างรถหรู จนในที่ที่สุดตำรวจสักคนก็สังเกตเห็นพวกเขา ตำรวจนายนั้นเดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับกล่าวเสียงเข้ม
“พลเรือนกรุณาเข้าไปหลบในที่พักอาศัยด้วยครับ ที่นี่ไม่ปลอดภัย มันจะรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่เอาด้วยน่ะครับ”
พอทั้งสองหนุ่มถูกกล่าวตักเตือนก็พากันขมวดคิ้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาทั้งคู่ก็คิดอะไรออก
ดิสหันไปมองหน้ามิกส์เล็กน้อย อีกฝ่ายกระพริบตาให้เป็นสัญญานว่าเข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อ
ทั้งสองเหมือนจะเข้าใจว่าฝั่งตรงข้ามคิดจะทำอะไร ดิสจึงไม่รอช้า ดีดนิ้วไปที่คางของตำรวจนายนั้นอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่เบาๆ มันก็มากพอที่จะทำให้คนธรรมดาหมดสติในทันที
มิกส์รับร่างตำรวจนายนั้นไว้ ก่อนทั้งสองจะลากร่างที่หมดสติเข้าไปในกอหญ้าตกแต่งข้างกำแพงมหาวิทยาลัย
พวกคนกลุ่มใหญ่ไม่ได้สังเกตพวกเขา เพราะมัวแต่โฟกัสหน้าที่ที่ต้องจำกัดกรอบความเสียหาย มิกส์จึงรีบสลับเสื้อผ้าตนกับตำรวจนายนั้นเพื่อปลอมตัวทันที
พอเสร็จเรียบร้อยเช่นนั้นทั้งคู่ก็เดินออกมาหลังกอหญ้าในสภาพที่มิกส์นั้นอยู่ในชุดตำรวจไทย ส่วนดิสก็ยังอยู่ในชุดเดิม
“นี่เราต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ?”
มิกส์กล่าวพลางกับก้มมองเสื้อผ้าชุดใหม่ระหว่างเดิน
ดิสเพียงตบไหล่อีกฝ่ายพลางกลั้นหัวเราะเท่านั้น ก่อนจะกล่าวตอบ “เอาน่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เป็นตำรวจสักหน่อย”
บอดี้การ์ดหนุ่มถอนหายใจ ตอนนี้หน้ายังไม่ทันหายปูดบวม เขาก็ต้องมาเล่นบทนักปลอมตัวสุดเท่ซะแล้ว
พอถอนหายใจเสร็จ เขาก็หันไปมองนายจ้างตน “แผนเป็นยังไงต่อ?”
ดิสนิ่งเงียบไปครู่นึงก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกยิ้ม
จากนั้นกระซิบกระซาบบอดี้การ์ดตนบอกแผน ก่อนที่มิกส์จะเลิกคิ้วสูง
“เอาจริงดิ?”
ดิสพยักหน้าตอบ
“แบบนั้นแหละ”
พอสรุปแผนได้แบบนั้นทั้งคู่ก็ไม่รีรอ ดิสและมิกส์เดินตรงเข้าไปหากลุ่มตำรวจ ทหารและพรานทมิฬทันที
ที่หน้ารั้วนั้นกลุ่มตำรวจทหารและพรานทมิฬนับสิบกำลังยืนประชุมกันอยู่ข้างรถฮัมวี่ พอดิสและมิกส์เดินเข้าไปรวมกับกลุ่มทุกคนก็หันมามองพวกเขากันหมด
ดิสยิ้มแห้งพยายามทำตัวให้มีพิรุธน้อยที่สุด ก่อนมิกส์จะเริ่มพูดสิ่งที่วางแผนมา
“พรานทมิฬที่ถูกส่งมาเป็นกำลังเสริมมาแล้วครับ”
มิกส์ว่าพร้อมยกมือบึ้นตะเบ๊ะ!
‘อ่า… มันจะเนียนมั้ยวะ สร้อยแท็กก็ไม่มี แล้วเขาก็ไม่ใช่พรานที่ใครคุ้นหน้าด้วยอีก เวรจริงๆ ’
บอดี้การ์ดปลอมตัวพยายามจะทำตัวเนียนให้มากที่สุดว่าตนก็เป็นตำรวจนายหนึ่งในที่นี่
ดิสที่เห็นแบบนั้นก็รีบทำตามแผน “ใช่ครับ ผมเพิ่งมาถึง รีบไปหน่อยเลยลืมเอาสร้อยแท็กมาด้วยน่ะ”
พรานทมิฬทำสีหน้างงงวยและไม่เข้าใจไปตามๆ กัน
“เด็กใหม่จากกิลด์เทวะเหรอ ทำไมมาเร็วจัง? เพิ่งติดต่อขอกำลังเสริมไปเมื่อกี้เอง”
“แล้วทำไมมาคนเดียวเนี่ย?”
พรานทมิฬกลุ่มนั้นพากันยิงคำถามใส่ดิสไม่หยุดด้วยความสงสัย แต่ที่ทำดิสต้องเลิกคิ้วขมวดคือ ‘กิลด์เทวะ’
‘นี่เป็นดันเจี้ยนที่กิลด์เทวะรับผิดชอบอยู่เหรอวะเนี่ย!’
ดิสน่าจะตั้งใจฟังข่าว เขาไม่รู้เลยว่าพรานทมิฬที่มานี่อยู่สังกัดกับกิลด์เทวะ
แต่ไม่นานนัก สิ่งที่ทำเขาต้องตกตะลึงอึ้งกว่าก็มาถึง
ราชาวดีที่เพิ่งเดินมาสมทบทีหลังมองดิสก่อนจะเลิกคิ้วสูง
“ดิส?”
‘ชิบหายแล้วไง…’
To be continued →