ดิสยกกาแฟขึ้นจิบพลางกับหรี่ตามองคนที่นั่งหน้าดุอยู่ตรงข้ามโต๊ะ
“เล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟังที”
ตอนนี้ดิสพาตรีชาติมาที่ร้านกาแฟประจำของตน เขาไม่ใช่คนใจอ่อนขนาดนั้น แต่พอได้ยินว่าชิน 1 ในสมาชิกกลุ่มแมรี่ฆ่าลูกเมียตรีชาติ เขาก็ทำใจจืดใจดำเมินเฉยไม่ลงจริงๆ
“แกต้องการให้ฉันเล่าจริงๆ เหรอไอ้หนู?”
ตรีชาติกล่าวเสียงเรียบขณะที่จ้องมองดิสตาเขม็ง
ดิสถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น จริงๆ การที่ดิสรู้ว่าชินทำแบบนั้นกับตรีชาติมันก็มากพอแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องถามตอกย้ำปมในอดีตให้อีกฝ่ายเจ็บปวดหรอก
ดิสส่ายหน้าเป็นคำตอบให้คำถามตรีชาติ “ถ้าคุณยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ ก็ไม่ต้องเล่าก็ได้ครับ”
ตรีชาติไม่ได้ตอบสนองอะไรกับคำพูดนั้น ตอนนี้เขามีโอกาสแล้ว เขารีบเข้าประเด็นในการสนทนาทันที
“ตอนนี้ที่จริงรัฐมนตรีต้องการคุยกับนายมาก การปรากฎตัวของกลุ่มแมรี่ส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศเราอย่างหนัก”
ดิสนั่งฟังคำพูดของตรีชาติอย่างตั้งใจ
“แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาวุ่นวายไอ้หนู ฉันออกหน้ารับไว้แล้วว่าจะเป็นคนรับผิดชอบสืบเรื่องนี้เอง”
ดิสยกกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้ง “ซึ่งที่คุณจะสื่อคือ?”
“ถ้านายช่วยฉัน เราจะสืบหาไอ้ชินได้อย่างอิสระ ถ้านายจะช่วยฉันล่ะนะ”
ดิสมองคนตรงหน้าตน ถึงเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงกลุ่มแมรี่ แต่สักวันพวกนั้นก็คงมาหาเขาอีกครั้ง และมันคงไม่ต้องรอนาน
ตอนนี้เขายังไม่มีกำลังมากพอจะสู้หรือขัดขืนกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย และมันยากเกินไป สิ่งที่ดิสทำได้มีแค่การป้องกัน ระวังตัว และหลีกเลี่ยงเท่านั้น
ซึ่งนั่นทำให้ดิสนั้นยังลังเลอยู่ ถึงจะเห็นใจแต่การช่วยเหลือตรีชาติมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะเสี่ยงต่อชีวิต
ตรีชาติมองแววตาอันเป็นกังวลของดิส เขาพอจะดูออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
“ถ้าแกกลัวนะไอ้หนู บอกฉันมาเฉยๆ ก็ได้ว่าฉันจะตามไอ้ชินได้จากที่ไหน ส่วนเรื่องอื่นเดี๋ยวฉันจะเคลียร์ให้แกเอง”
ดิสถอนหายใจ พอหายเป็นกังวลจากเรื่องนึงก็มีอีกเรื่องโผล่มาให้คิดใหม่อีกเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่มีพรสวรรค์นะ ไม่เป็นอัจฉริยะเขาก็คงจะเป็นบ้าไปเลย
ดิสหันไปมองตรีชาติ เขายังไม่รู้จุดประสงค์ของกลุ่มแมรี่ที่มีต่อตัวเองแน่ชัด แต่ถ้าเป็นเรื่องแค่บอกวิธีจะเจอชิน เขาน่าจะช่วยอีกฝ่ายได้
ซึ่งพอเริ่มใช้ความคิดไปสักพัก ดิสก็พอจะวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ได้ เขาพอจะมีวิธีที่จะช่วยจับชินและทำให้เขาไม่ถูกมองว่าเป็นศัตรูกับกลุ่มแมรี่อย่างชัดเจนไปพร้อมๆ กันได้แล้ว
ดิสถอนหายใจ “ผมไม่รู้หรอกนะว่าชินอยู่ที่ไหน”
เมื่อตรีชาติได้ยินแบบนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างไม่เข้าใจ “แกหมายความว่ายังไง?”
ดิสยักไหล่เป็นคำตอบก่อนจะยิ้มมุมปาก “ผมไม่รู้ก็จริง แต่ผมมีวิธีที่จะเจอมันได้อยู่นะ”
“ยังไง?”
ดิสยิ้มอย่างมีเลศนัย “คุณมัวแต่ถามเรื่องชินจนลืมถามสิ่งที่สำคัญกว่า ว่าทำไมกลุ่มแมรี่ถึงส่งคนมาหาผม”
ตรีชาตินิ่งฟังคนพูดด้วยสีหน้าเครียดขรึม
“กลุ่มแมรี่นั้นต้องการเจอผมจึงส่งชินกับพรรคพวกมา แต่ผมปฏิเสธ หมายความว่าพวกมันจะมาอีกครั้งแน่นอน”
ดิสยกกาแฟขึ้นมาจิบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหมดแก้ว “พวกมันโฉ่งฉ่างและไม่กลัวต่อกฎหมาย ซึ่งเหตุผลที่ทำแบบนั้น ผมพอจะคิดออกอยู่อย่างนึง คือมันต้องการให้ประชาชนหรือสื่อเห็นในสิ่งที่มันทำ”
ตรีชาติเลิกคิ้วอีกครั้งด้วยความสงสัยเช่นเก่า “หมายความว่ายังไง มันจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร ทำไมถึงต้องการให้สื่อเห็น ไม่ใช่ว่าผู้ก่อการร้ายต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ เหรอ?”
ดิสยกมือขึ้นกอดอกก่อนจะคลี่ยิ้มบาง “มันคือกลุ่มที่มีแนวคิดอย่างเปลี่ยนโลกนะครับ นั่นหมายความว่ามันต้องการโชว์แสนยานุภาพของกลุ่มมันให้คนปกติเกิดความหวาดกลัว ให้โลกได้เห็นว่ามันต้องการสิ่งใดและมันน่ายำเกรงแค่ไหน”
ตรีชาติถอนหายใจก่อนจะหยิบซิการ์ขึ้นมาคาบไว้ “แล้วยังไงต่อ”
ดิสดึงซิการ์ออกมาจากปากคนที่นั่งตรงข้าม “มันพลาดแพ้ผมไปครั้งหนึ่งแล้ว ถ้ามาอีกครั้งมันมันต้องแก้ไขในสิ่งที่พลาดไป สร้างภาพจำใหม่ให้เวอร์วังอลังการกว่าเก่าเพื่อเรียกความเกรงขามกลับมา”
“แล้ววันไหนเวลาใดล่ะ ที่มันจะมาพบผมแล้วอลังการที่สุด”
ตรีชาติเริ่มเข้าใจในสิ่งที่ดิสกำลังสื่อ “ไอ้ชินมาจะมาหานายอีกครั้งที่สำนักงานพรานทมิฬแห่งประเทศไทยในวันพรุ่งนี้สินะ!”
เมื่อเห็นตรีชาติตาลุกวาวด้วยข้อมูลที่เพิ่งได้รับ ดิสก็หยิบกุญแจรถขึ้นมา
“ผมจะทำเป็นว่าเดาไม่ออก คุณเตรียมกำลังไว้ให้พร้อม ถ้ามันโผล่มาคุณก็จัดการกันเอง ผมจะไม่มี่ส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งนั้นกับเรื่องนี้”
พอว่าจบดิสก็ลุกขึ้นยืน แล้ววางซิการ์ลงที่โต๊ะ “คุณไม่ได้จะจับชินจริงๆ ใช่มั้ยล่ะ”
ตรีชาติมองหน้า แววตาของเขาดูเรียบนิ่งจนเดาอรมณ์ไม่ถูก
“ถ้าฉันบอกว่าจะฆ่ามัน… นายจะยังช่วยฉันอยู่มั้ยล่ะไอ้หนู”
ดิสยังคงไม่แสดงสีหน้าตอบอะไรเช่นกัน เขาไม่มีอะไรจะแสดงความคิดเห็น ยังไงนั่นก็เป็นการตัดสินใจของอีกฝ่าย
เขาเพียงแค่เดินจากไปเท่านั้น ยังไงเขาก็มีเรื่องของตัวเองให้คิดเหมือนกัน
พอเดินเปิดประตูออกมาจากร้าน เขาก็หยุดที่หน้ารถตัวเอง กลุ่มแมรี่จะมาพรุ่งนี้ ถ้ามันเป็นตามสิ่งที่เขาคาดการณ์ มันจะมากันแบบชุดใหญ่ไฟกะพริบแน่
To be continued →