ฝันหรือเรื่องจริง
แรงสะเทือนและการเคลื่อนไหวทำให้คนที่นอนเหยียดยาวอยู่เบาะหลังเริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาที่ปิดสนิทเริ่มขยับที่ละนิด และค่อย ๆ ปรือตาขึ้นและเมื่อแสงสว่างของแสงแดดยามเช้า ทำให้เธอต้องปิดเปลือกตาลง เพื่อปรับความสมดุลของม่านตา กระนั้นความปวดหน่วงตรงศีรษะทำให้เธอยกมือขึ้นไปสัมผัส
“เอะ…” ดวงตากลมใสตื่นตระหนก จึงได้รู้ถึงความผิดปกติของร่างกาย เพราะมือและเท้าของเธอถูกมัดไว้ “นี่มันอะไรกัน!” เธอขยับดิ้นพยายามหาความกระจ่างกับตัวเอง ฝืนร่างกายที่ปวดร้าวไปทั้งร่างดันตัวเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล
แล้วสายตาเพ่งไปยังคนขับ ผมดกดำยาวถึงต้นคอ ซีกหน้าเห็นผิวสีแทนที่ปรกคลุมด้วยหนวดเครารุงรัง ญารินใจหายและเต้นแรงผิดจังหวะ ใบหน้าจมูกและลำคอร้อนจนตีบตัน
“คุ คุณเป็นใคร?” เค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก เมื่อใจของเธอยังเต้นแรงเป็นกลองมโหระทึก แต่อีกฝ่ายยังนั่งนิ่ง เธอจึงเพียงมองไปรอบ ๆด้วยสายตาลนลาน และมีคำถามอยู่ในหัวเต็มไปหมด …หลับไปนานเท่าไหร่ หากแต่ตอนนี้ แสงสว่างรอบกายทำให้เดาได้ว่าเป็นเช้าของอีกวัน
เธอตวัดสายตามองคนที่ยังไม่ตอบคำถามด้วยความหวาดหวั่น ซึ่งด้านข้างเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของคนเครารก หันมาเพียงนิด พอให้รู้ว่าตอบสนองคำถามของอีกฝ่าย
ลุงแทน! คนแรกที่เธอนึกถึง เมื่อชัดเจนว่าคนขับไม่ใช่คนของตัวเองและเป็นใครไม่รู้ที่เธอไม่เคยรู้จักและเห็นหน้า
ญารินรู้สึกหนาวสะท้านไปทั่วกาย เธอสาดสายตาลนลานกวาดตามองไปรอบกายอีกครั้ง ด้วยความขลาดกลัวและหวาดหวั่นกับสิ่งที่เธอกลัวมาโดยตลอด
“คุณเป็นใครกันแน่!” เธอถามซ้ำพร้อมกับสายตาลนลานของสัญชาตญาณเอาตัวรอด แล้วขยับดิ้นไป ดันตัวเองแล้วแทรกอยู่ตรงประตูด้านข้างที่ห่างจากคนขับมากที่สุด ระหว่างนั้นก็พยายามใช้มือที่ผูกมัดไพล่หลังแตะประตูรถเพื่อเปิดออก แต่ก็ไม่เป็นไปตามที่หวังเมื่อมันถูกล็อกไว้ …เขาคงรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ยอมอยู่เฉย
นัยน์ตาที่เคยสุกวาวตอนนี้เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใส เริ่มรับรู้ชะตากรรมของตัวเอง
…แม้จะทำใจไว้ตลอดว่าสักวันชีวิตของเธอคงจบไม่สวยเหมือนผู้เป็นแม่ แต่เมื่อเจอเข้าจริง เธอก็อดหวาดหวั่นและหวาดกลัวไม่ได้
เธอข่มความกลัวเอาไว้คิดถึงลุงแทนขึ้นมาจับใจ “จอดรถเดี๋ยวนี้!” เธอสั่งเสียงกร้าว
มุมปากหนากระตุกเพียงนิด!
คนขับยังคงนิ่งเหมือนรอบกายไม่มีใครอื่น ญารินลำคอแห้งผาก กวาดตามองไปด้วยความหวาดหวั่น เธอจำเหตุการณ์นั้นได้ เธอจ้องมองไปยังบุคคลด้านหน้า สายตาสับสนและแข็งกร้าวในคราเดียวกัน สมองปวดหนึบแต่ก็พยายามประมวลสิ่งที่เจอมาก่อนหน้านั้น
อุบัติเหตุ! เธอเกิดอุบัติเหตุพร้อมกับลุงแทน
สายตาเธอจะอยู่กับแผ่นหลังกว้าง โดยมือข้างหนึ่งจับพวงมาลัยสายตาจดจ่ออยู่กับเบื้องหน้า เธอไล่สายตามองไปที่ต้นคอของคนตรงหน้าผมดกดำและยาว ซึ่งมันไม่ใช่คนที่เธอคุ้นเคย
“คุณเป็นใคร แล้วลุงแทนไปไหน!” แม้ตลอดเวลาที่ถาม อีกฝ่ายไม่สนองตอบ แต่เธอก็ไม่ละความพยายามที่จะถามคำถามใหม่
ทั้งกลัวทั้งสับสนแต่เธอก็รอคอยคำตอบ กระนั้นก็ยังมีเพียงสายตาชำเลืองมามองเพียงนิดแล้วไม่สนใจที่จะตอบคำถาม ยิ่งทำให้ มือไม้ของเธอสั่นด้วยความโมโห จนลืมความกลัว โดยที่กล้าตะโกนใส่คนแปลกหน้า ที่ไม่รู้ต้องการชีวิตของเธอหรือไม่
“นี่ จอดรถเดี๋ยวนี้เลยนะ!” เธอร้องสั่งพร้อมกับยกเท้าที่ผูกติดกันกระแทกที่เบาะคนขับด้วยความโมโห
“นี่คุณ หูหนวกหรือไง ฉันถามว่าคุณเป็นใคร แล้วลุงแทนไปไหน” เธอถามซ้ำ หากแต่คนขับไม่มีทีท่าสะทกสะท้านหรือตอบคำถาม แต่กลับทำหน้าที่ประหนึ่งหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก
มือเรียวกำเข้าหากันจนแน่น แม้จะเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง แต่ตอนนี้เริ่มสติแตกทั้งหวาดกลัวและสับสนกับเหตุการณ์ที่ไม่อาจรับได้
“ฉันถาม หูแตกหรือไง นี่มันไม่ใช่รถของฉัน จอดให้ฉันลงเดี๋ยวนี้!”
ความโกรธที่มีมากกว่า ทำให้เธอกล้าขึ้นเสียงกับคนแปลกหน้า แต่อีกฝ่ายไม่ได้สะดุ้งหรือหันมาสนใจ
“ไอ้บ้า!” ความลืมตัว เธอลุกขึ้นจากเบาะแล้วโถมไปทั้งร่าง ตอนนี้เธออยากรู้คำตอบ และอยากเป็นอิสระ
จังหวะที่โถมเข้าไปทั้งตัวทำให้รถที่ประคองความเร็วคงที่เสียหลักส่ายไปมา แต่คนขับที่มีไหวพริบดีและชำนาญประคองรถไว้ได้ ซึ่งใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรตึงเข้มดึงตึงกว่าเก่า แล้วผ่อนคันเร่งให้เบาลง ก่อนจะจอดสนิทนิ่งตรงข้างทาง
“อยากตายหรือไง…” เสียงทุ้มเหี้ยมเอ่ยลอดไรฟัน พร้อมกับจิกตาชำเลืองมองอย่างตำหนิ
ญารินหน้าเฝือดสีจ้องตาอีกฝ่าย กลืนก้อนแข็งๆ ลงท้อง ตอนนี้ในท้องของเธอเหมือนมีอะไรวิ่งกระแทกจนปวดมวน ไม่สามารถหาคำพูดซัดใส่อีกฝ่ายไม่ได้ หากเมื่อกี้เกิดรถเสียหลักขึ้นมาจริงๆ เธอไม่อยากจะคิด!
“ถ้าอยากตายศพไม่สวยก็บอกผม ผมพร้อมจะจัดให้” เจ้าของใบหน้ารก ส่งเสียงกร้าว ประคองลมหายใจให้คงที่ที่สุด ก่อนจะเอื้อมมือปลดเข้มขัดนิรภัยเพื่อให้ตัวเองเคลื่อนไหวได้สะดวก
สายตาประหนึ่งผู้ล่าจ้องมองเหยื่อที่ไร้ทางสู้ ญารินเห็นท่าไม่ดีรีบดิ้นหนี แต่ก็ขยับตัวไปไหนไม่ได้มาก ยิ่งสองมือหนาคว้าหมับไปบนต้นแขนแล้วออกแรงกดบีบ ประหนึ่งคีมเหล็ก ทำให้เธอเจ็บจนต้องกัดริมฝีปากเพื่อข่มความเจ็บไว้
“คุ คุณจะทำอะไร?” เธอเอ่ยถามเสียงสั่น ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความหวาดหวั่น
“อยากเจ็บตัวไม่ใช่เหรอ ผมจะจัดให้อยู่นี่ไง” สายตาและการกระทำจริงจัง คำตอบที่ได้ทำเอาญารินขวัญกระเจิงน้ำตาเอ่อรื่น
“ไม่ ปล่อยฉันนะ!” เธอร้องลั่นพร้อมออกแรงดิ้นทั้งที่ร่างกายปวดหน่วงไปทุกรูขุมขน แต่เธอก็ไม่นอนรอให้อีกฝ่ายย่ำยีจึงกัดฟันทนเพื่อเอาตัวรอด
“คุณวิ่งมาหาผมเอง…” น้ำเสียงที่ลดต่ำพร้อมสายตาที่เคยดุดันแปลเปลี่ยนเป็นไหวระยิบพร้อมกับมุมปากหยักยกยิ้มเหยียดมองไล้มายังร่างบางของเธอ
ญารินตัวชาวาบ “ไม่ ไม่!” เธอหลับตาพร้อมกับตะโกนบอกเสียงสั่นลั่นรถ
“นี่คุณ จะร้องเสียงดังทำไม!” ตาคมเข้มจ้องใบหน้างามเขม็งพร้อมกับปล่อยแขนที่จับอยู่ให้เป็นอิสระ
เมื่อรับรู้ว่าแขนตัวเองกลับมาเป็นอิสระ เปลือกตาที่เคยปิดแน่น ค่อย ๆปรือขึ้นมอง แล้วก็เห็นสายตาเพ่งเกร็งจิกมองอยู่ก่อนแล้ว
“กลับไปนั่งในที่ของคุณซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว!” เขาเอ่ยสั่ง พร้อมขู่
ญารินกลืนน้ำลายลงคอ แล้วรีบขยับไถตัวกลับมานั่งในที่ของเธอด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ นิ่งเงียบอยู่เป็นครู่ แต่สายตาก็ไม่ละไปจากร่างหนาของผู้ชายแปลกหน้า ในใจก็ด่าทอไปด้วย
“หวังว่าต่อไปจะนั่งอยู่ในความสงบนะครับ” เสียงทุ้มพูดผ่านกระจก แล้วเธอก็จ้องตอบผ่านกระจกนั้นเช่นกัน
“ก็ตอบมาสิ ลุงแทนไปไหน”
เจ้าของรถถอนหายใจหนักหน่วงทิ้ง รั้นทั้งที่กลัว แต่ใจสู้!
“อย่าคิดโวยวายหรือทำอะไรที่เสี่ยงกับตัวเอง เพราะผมมีความอดทนจำกัด” เขาไม่ตอบแต่เอ่ยปรามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแล้วเคลื่อนรถออกไป