พิสูจน์ใจ
หลังจากที่รับกระเป๋าเสื้อผ้ามาแล้ว ญารินก็จัดการแขวนไว้ที่ราวไม้ แล้วจัดของใช้ส่วนตัวเก็บเข้าที่ ซึ่งมีถุงสีขาวขุนที่จำได้ว่าไม่ใช่ของเธอ ก่อนจะก็หยิบขึ้นมาเมียงมอง และตัดสินใจเปิดดูก็พบว่าเป็นยา ที่เขียนระบุไว้อย่างชัดเจน โดยมียาแก้ปวดแบบกระปุก ยาหลอดที่ใช้ทาแก้ฟกช้ำ และยาภูมิแพ้เม็ดสีเหลืองอีกหนึ่งกระปุก และตัวยาอีกสองสามอย่างซึ่งน่าจะเป็นยาแก้อักเสบรวมอยู่ด้วย
“ไปซื้อไว้ตอนไหนเนี่ย” เธอบนพึมพำเบาๆ แล้ววางถุงยาไว้บนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนัก
“หากมีโทรศัพท์ก็คงดี…” เธอเอ่ยเสียงอ่อยใบหน้ายู่เพราะเสียดาย ซึ่งเธอคิดว่ามือถือหายตอนที่หมดสติ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงถอนหายใจ อย่างคนปลงตก ผู้ชายคนนั้นคงเก็บสิ่งของของเธอมาไม่ได้หมดทุกอย่าง เช่นนั้นก็เก่งพอตัว!
ญารินยืนกอดอก มองผลงานตัวเอง ที่วางจัดสิ่งของเครื่องใช้ของตัวเองไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดี ก่อนจะหันไปหยิบผ้าขนหนูและชุดเรียบง่ายออกมาถือไว้ เพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ
ระหว่างที่เดินออกมาจากบ้านพักอย่างอารมณ์ดี ก็มีเสียงทุ้มที่เริ่มคุ้นหูดังตามหลังมา “หากลำบาก ผมจะทำห้องน้ำให้ใหม่เอาไหม”
ญารินหันมองแล้วทำหน้าค้อนให้ “ขอบคุณ แต่ไม่ต้อง” เธอบอกแล้วสะบัดเชิดหน้าตรงไปยังห้องน้ำ ภูมินทร์ยกยิ้มแล้วเดินออกจากตรงจุดนั้นไป
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวญาริน ก็ออกมาเดินทอดหน่องสูดอากาศบริสุทธิ์ แล้วเดินกลับเข้าบ้านพัก เธอนั่งมองตัวเองอยู่หน้ากระจกบานเล็ก แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเธอหันมองแล้วตะโกนถาม “ใครคะ”
“ใบบัวเองค่ะ”
ใบบัว…ใบบัวคือใคร? ญารินไม่มั่นใจ จึงนั่งทบทวน เผื่อจะนึกขึ้นได้ แต่ก็นึกไม่ออก
คนด้านในยังเงียบอยู่เด็กสาวจึงตะโกนบอกไปใหม่อีกครั้ง “ใบบัวลูกสาวนายเที่ยงเองค่ะ”
ครานี้เจ้าของห้องรีบผุดลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู ก็พบว่าเป็นหญิงสาวใบหน้าละอ่อนตัวเล็กผิวขาวเหลืองนุ่งผ้าถุงสวมเสื้อผ้าด้ายสีขาวขุ่นแขนสั้น เกล้าผมมวยไว้บนศีรษะ
“สวัสดีค่ะ หนูใบบัวลูกสาวนายเที่ยงค่ะ” เธอแนะนำตัวใหม่อีกครั้งอย่างเป็นทางการ
“อ้อ” เจ้าของห้องยิ้มรับ “ฉันญารินนะคะ เรียกว่าครูรินก็ได้” เธอแนะนำตัวเองกลับ
“ค่ะคุณครูริน” หญิงสาวรับด้วยใบหน้าที่แต้มไปด้วยรอยยิ้ม ญารินรู้สึกอุ่นใจแล้วยิ้มตอบรับ
“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ค่ะ คุณพ่อให้มาตามไปกินข้าวค่ะ”
“ค่ะ …”
เมื่อรับรู้แล้ว สายตาของเธอก็อดมองไปยังบ้านพักอีกหลังและเหมือนหญิงสาวใบหน้าละอ่อนจะรู้ เธอยิ้มแล้วพูดขึ้น
“ค่ะเดี๋ยวหนูจะไปตามพี่เขาเองค่ะ”
ญารินยิ้มเจื่อน ไม่กี่อึดใจประตูห้องพักอีกห้องก็เปิดออกมาพร้อมกับหนุ่มหน้าเข้ม บัดนี้หนวดเครารกรุงรัง ถูกโกนออกจนเกลี้ยงเกลา เผยให้เห็นโครงหน้าและเครื่องหน้าเด่นชัด หากแต่ใบหน้านั้นยังดูเรียบตึงและดุดัน ญารินลืมตัวเผลอมอง จนกระทั่งได้ยินเสียงกระแอมไอ เธอจึงกระพริบตาขับไล้ความรู้สึกที่มีบางอย่างออกไป แล้วใบหน้าของเธอก็เห่อร้อนเข้ามาแทนที่ เมื่อเผลอให้อีกฝ่ายจับได้
“ไปค่ะ” เสียงหวานใสและอาการนอบน้อมของลูกสาวผู้นำหมู่บ้านเอ่ยบอกแล้วรีบเดินนำหน้าออกไป
คล้อยหลังลูกสาวผู้นำ หนุ่มหน้าเข้มก็โน้มตัวลงมาหาหญิงสาวที่เดินก้าวยาว ๆเหมือนต้องการหนีอะไรสักอย่าง
“อย่าเผลอไปมองใครแบบนี้อีกนะครับ” เสียงกระซิบดังแววข้าง ๆ
ญารินตวัดตามองแล้วถามเสียงขุ่น “อะไรของคุณ”
“เอ้าก็ผมเห็นนี่ ว่าคุณมองผมตาค้างเลย หน้าตาแบบนี้พอที่จะทำให้คุณหายกลัวหรือยัง”
คำถามที่ย้อนกลับมาทำให้ญารินกลืนน้ำลายลงคอ หน้าเห่อร้อนกว่าเดิม เธอไม่ได้หลงคนด้วยรูปลักษณ์ภายนอกสักหน่อย….
บ้านไม้หลังใหญ่ที่ดูแปลกตากว่าหลังอื่น เมื่อเดินขึ้นบันไดไปก็พบกับหน้าชานกว้างซึ่งน่าจะเป็นลานไว้นั่งหรือต้อนรับแขกส่วนด้านข้างก็แบ่งเป็นห้อง 2 ห้อง มีพื้นที่โล่งแบ่งเป็นห้องครัวที่ไม่ได้มีฝากั้นซึ่งดูง่าย ๆ หากแต่จัดแต่งไว้เป็นระเบียบ
เมื่อเดินเข้าไปก็พบว่านายเที่ยงหรือผู้นำชุมชนนั่งรออยู่ก่อนแล้วโดยด้านหน้ามีโต๊ะเตี้ยวางถ้วยจานอาหารไว้พร้อมแล้ว
“มาครับมานั่ง ๆ” นายเที่ยงเอ่ยเรียกแล้วใช้มือตบลงไปบนพื้นที่ว่าง
หนุ่มสาวที่ขึ้นบ้านใหญ่เป็นครั้งแรกยิ้มตอบแล้วค่อย ๆ ย่อนตัวลงนั่ง
ดวงตาคูงามมองไปยังจานอาหาร แม้จะไม่คุ้นเคยแต่เธอก็เคยกินหาหารพื้นบ้านของหลายหมู่บ้านในชนบทมาแล้ว ทำให้เป็นเรื่องที่ไม่ได้ทุกข์ร้อนกับอาหารการกินของตัวเองมากนัก
“ไม่รู้ว่าคุณทั้งสองชอบอาหารแบบไหน จะกินเผ็ดหรือจืด วันนี้กินไปก่อนนะครับ ยังไงก็บอกได้ ผมจะให้ลูกสาวผมทำให้พรุ่งนี้ครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ รินเคยกินพวกลาบก้อย หน่อไม้ ที่เป็นอาหารพื้นบ้านประจำถิ่นแบบนี้อยู่แล้วค่ะ”
คำตอบของเธอทำให้ผู้ชายสองคนถึงกับอึ้ง
“โอ้ยดีเลยครับ หากกินอาหารพื้นบ้านของเราได้ ก็สบายใจ แถวนี้กินของที่หาได้ตามในป่าใกล้ ๆแหละครับ อย่างไข่มดแดง หน่อไม้ เขียด รับรองไม่อดแน่นอนครับ แต่หากกินของพวกนี้ไม่ได้ก็บอกนะครับ ผมจะให้ลูกบ้านลงไปตลาดในเมืองหาอาหารสำเร็จมาตุนไว้ให้ครับ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดีเอ่ยบอก
“อุ้ย ไม่ต้องลำบากเรื่องอาหารหรอกค่ะ รินกินได้หมด ส่วนพี่มินเขาก็กินได้หมดเหมือนกับรินเลยค่ะ” เธอบอกพร้อมกับใช้มือจกข้าวเหนียวในกระติบมาขยำจนกลมแน่นแล้วจิ้มไปที่น้ำพริกแมงดากลิ่นหอมฉุน แล้วเอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆเป็นการยืนยันว่าเธอกินได้จริง