ให้รู้ว่าเป็นห่วง
รถ G W M จอดสนิทนิ่งใต้ต้นไม้ใหญ่กลางหมู่บ้าน ซึ่งแต่ละหลังปลูกสร้างเรียงกันเป็นแถวโดยมีพื้นที่ว่าง และสร้างรั้วไม้กันเป็นแนวแบ่งพื้นที่ในแต่ละหลัง บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่เขียวขจี บ่งบอกถึงการใช้ชีวิตในธรรมชาติและวิถีชนบทโดยที่เครื่องใช้ที่เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ยังเข้าถึงไม่มากนัก
ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ ภูมินทร์วัยยี่สิบแปดปี ใช้สายตาสำรวจผู้คน ที่เดินออกมาดูด้วยความสนใจในระยะไกล หลังจากนั่นก็เดินหายเข้าไปในบ้านพักของตัวเอง
ภูมินทร์หันมองหญิงสาวปากแข็งที่ตอนนี้ยังคงนอนหลับสบายหายใจสม่ำเสมอ แล้วตัดสินใจแกะผ้าที่มัดข้อมือข้อเท้าของเธอออกไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะตื่น จนกระทั้งเขาผันไปเห็นชายวัยกลางคนเดินตรงเข้ามา ใบหน้านั้นแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรจึงตัดสินใจปลุกคนหลับ
“คุณครับถึงแล้วครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียก โดยสายตาจับจ้องใบหน้างามที่หลับตาพริ้ม หากแต่ใจที่ไม่เคยหวั่นไหวต่อสภาพเหตุการณ์ต่างๆ หากบัดนี้กลับเต้นผิดจังหวะ จนต้องผันหน้าหนี จนกระทั้งมีเสียงแผ่วเบาดังคล้ายรำคาญดังขึ้น จึงหันกลับไปมองและพบว่าคนหลับในชุดสวมใส่สบายขยับเปลี่ยนท่าและนอนต่อ
“อ้าวนี่คุณ!...” ได้แต่ถอนหายใจใส่แล้วเอ่ยต่อเสียงดังขึ้น “คุณหนูครับ ชาวบ้านชาวช่องมายืนรอรับเต็มแล้วนะครับ” เสียงทุ้มติดประชด ใส่น้ำหนักเสียงดังพอให้ฟังชัด
คนหลับสะดุ้งพลาม “ฮะ คุณว่าอะไรนะ?” แม้จะงัวเงีย แต่คำพูดที่ผ่านเข้ามาในโสตประสาท ทำให้เธอต้องรีบปรับสภาพตัวเองโดยไว
“ถึงแล้วครับ” ครานี้เขาปรับน้ำหนักเสียงให้เบาลง
“ถึงไหน?” เปลือกตาที่ยังลืมไปเต็มที่ถูกขยี้ซ้ำ ๆ
“ก็ดูสิครับถึงไหน แล้วนี่เอกสารของคุณ” ซองสีน้ำตาลถูกยื่นมาให้
แม้จะงุนงงเป็นไก่โดนยา แต่ก็ยื่นมือออกไปรับซองสีน้ำตาลมาถือไว้ เพราะเธอจำได้ว่าเป็นซองเอกสารของเธอเอง
“คุณได้มาจากไหน” เธอถามหน้ายุ่งคิ้วขมวด ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอสับสนจนจับทางไม่ถูก
“จะจากที่ไหนอีกล่ะ ก็ของของคุณ”
คำตอบของเขาทำเอาญารินอ้าปากค้าง ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอแล้วถามกลับ “ฉันเริ่มสงสัยแล้วเนี่ย”
“สงสัยอะไร” น้ำเสียงและสีหน้าเรียบเฉยเอ่ยถาม
ญารินซีดปากกับท่าทางเหมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งที่เธอใจสับสนวุ่นวาย จนอยากเอาน้ำร้อนสาดเพื่อให้อีกฝ่ายออกอาการบ้าง “คุณเป็นคนของคุณพ่อใช่ไหม” สายตาจริงจังจ้องหน้าเอาคำตอบ
ครานี้ไหล่หนากระตุก แล้วหันมามอง ตาสบตา “แล้วหากผมเป็นคนของพ่อคุณจริง คุณจะทำยังไง”
“ฉันจะไล่ให้กลับ” น้ำเสียงนุ่มหวานกร้าวขึ้น
“อ้อ ดีที่ผมไม่ใช่คนของพ่อคุณ” ภูมินทร์รีบบอกปัด
“แต่ฉันยังไม่เชื่ออยู่ดี”
“นั่นมันก็เรื่องของคุณ!”
เจ้าของรถยกมือขึ้นแล้วเปิดประตูลงไปโดยก่อน โดยไม่อยู่รอให้อีกฝ่ายซักถามอีก
ญารินเม้มปากแน่นสนิทสายตาจ้องแผ่นหลังหนาอย่างเอาเรื่อง เธอรู้สึกบางอย่างกับผู้ชายคนนี้มันมีอะไรมากกว่าคนแปลกหน้า
…หรือว่าเป็นคนของพ่อที่ส่งมา เช่นนั้นลุงแทนก็ไม่ปลอดภัยสิ คิดเช่นนั้นญารินก็รีบเปิดประตูลงไปโดยหยิบเอกสารของเธอลงไปด้วย เธอตรงเข้าไปเพื่อที่จะถามให้แน่ชัดแต่ระหว่างนั้น มีผู้ชายร่างเล็กวัยกลางคนเดินตรงเข้ามาใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและมิตรไมตรี เธอจึงเปลี่ยนเป้าหมายหันไปยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ ใช่คุณญารินไหมครับ”
“ชะใช่ค่ะ”
“ผมนายเที่ยงเป็นผู้ใหญ่บ้านที่นี่ครับ”
“อะอ้อค่ะ นินี่ค่ะเอกสารของหนู” ญารินถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อรู้ตัว ว่าที่นี่คือเป้าหมายของเธอตั้งแต่แรก และผู้ชายคนนั้นก็พาเธอมาถึงอย่างปลอดภัย
“ครับ…” แล้วผู้นำชุมชนก็หยุดพูด สายตาจับจ้องไปยังผู้ชายร่างสูงล่ำที่ยืนมองไปทางอื่นเหมือนสำรวจอะไรบางอย่าง ก่อนจะละสายตากลับมามองซองสีน้ำตาลในมือ แล้วเปิดมันออกเพื่อหยิบแผ่นกระดาษออกมา กวาดสายตาเพียงครู่ก็เก็บแผ่นกระดาษกลับเข้าไปในซองอย่างเดิม
“ไม่ทราบว่าใช่คนที่คุณญารินบอกว่าจะมาอยู่ช่วยที่นี่ด้วยกันใช่ไหมครับ”
ญารินยืนลังเล ใจหนึ่งไม่อยากให้ผู้ชายแปลกหน้ามาอยู่จุดนี้กับเธอ แต่ใจหนึ่งกลัวว่าหากผู้ชายคนนี้รู้จักกับลุงแทนจริง เธอเองอาจจะเสียใจทีหลังก็เป็นได้
“ใช่ครับ ผมเป็นผู้ช่วยของคุณญารินครับ”
“ครับ ผมจัดที่พักไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เชิญทางนี้ครับ” นายเที่ยงหรือผู้นำชุมชน ก็เดินไปอีกด้าน
ญารินจิกสายตาไปยังผู้ชายแปลกหน้า แต่ใจรู้สึกดี ที่อีกฝ่ายเป็นคนเลือกที่จะตอบคำถามเอง และดูเหมือนเขาเต็มใจเล่นตามน้ำไปกับเธอได้เป็นอย่างดี
หลังจากได้ที่พักซึ่งเป็นกระท่อมไม้ไผ่ติดกับลำธารโดยมีบ้านพักของชาวบ้านอยู่รายรอบ ๆซึ่งบ้านพักอีกหลังห่างกันไม่มากก็เป็นของอีกคน
“ขาดเหลืออะไรบอกได้นะครับ เดี๋ยวผมจะให้ลูกบ้านจัดหามาให้ แล้วนี่…” สายตาเมียงมองอย่างสนใจเห็นรอยบาดแผลที่ถูกปิดไว้
“คะ?” และนึกขึ้นได้จึงยกมือขึ้นไปแตะที่แผลตัวเอง
“อ้อ ก่อนออกจากบ้านเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไรค่ะ” เธอบอกพร้อมรอยยิ้มยืนยันว่าไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย ผู้นำหมู่บ้านยิ้มกว้างอย่างโล่งใจ
“ครับ หากมีอะไรรีบบอกนะครับ”
“ค่ะ” เธอยิ้มรับ แล้วใช้สายตากวาดมองไปรอบห้องอีกครั้ง ซึ่งในกระท่อมซึ่งมีฟูกกับผ้าห่มและหมอนด้านข้างมีโต๊ะเตี้ย ๆ และตู้ไม้ไม่ใหญ่มากวางอยู่กับถังน้ำขนาดเล็ก ซึ่งเธอคิดว่าเพียงแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเธอ
“ขอโทษนะคะห้องน้ำอยู่ด้านนอกใช่ไหมค่ะ”
“ครับห้องน้ำอยู่ด้านหลังครับต้องเดินอ้อมออกไปครับ”
ญารินมองตามนิ้วที่ชี้ไปตรงหน้าต่างก็เห็นว่ามันอยู่ด้านหลังบ้านพักของเธอ “อ๋อค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ถึงจะเป็นลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ซึ่งอยู่กับสิ่งแวดล้อมและเครื่องอำนายความสะดวกครบครัน อีกทั้งมีคนรับใช้คอยปรนนิบัติ แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้เป็นคุณหนูจ๋าที่หยิบจับอะไรไม่เป็น เพราะทุกอย่างเธออยากเรียนรู้ด้วยตนเอง ยามมีโอกาสเธอจึงตัดสินใจออกค่ายอาสาต่างจังหวัดจนนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ชินกับการใช้ชีวิตแบบชนบทได้เป็นอย่างดี