โอบอุ้ม

1442 Words
โอบอุ้ม ท่ามกลางแววตาเข้มที่หรี่ลง มองเธอด้วยประกายปรารถนา ดานิกาขยับขาเข้าไปใกล้มากขึ้น มองร่างกายกำยำที่มีเสื้อผ้าปกปิด แต่มันก็เพียงพอที่จะเขย่าหัวใจ เสน่ห์เรือนกายที่ทำให้เธอประหม่าขึ้นมาได้ "เอาสิ จะทำอะไรก็ทำ" เสียงกระซิบสั่งนุ่มลึก เขายังคงเงยหน้าซบศีรษะอยู่บนพนักพิง ปิดเปลือกตาลง รอให้คนเย่อหยิ่งเช่นดานิกา ยอมนั่งลงสยบอยู่แทบเท้าตามคำบงการ 'นี่เรา...ทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย' ดานิกาสลัดความคิดที่ตีกันจนอยู่ในหัว แต่ความอยากได้คาสิโนลอยน้ำช่วยเป็นแรงขับ ทำในสิ่งแสนบ้าบิ่นที่ไม่เคยคิดจะทำ เธอค่อย ๆ นั่งลงคุกเข่าตรงกลางหว่างขาจอมบงการ มองไป 'ตรงนั้น' แล้วต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ หัวใจเต้นเร่า ไม่เคยใกล้ชิดร่างกายเขาขนาดนี้มาก่อน เธอทำใจกล้ายื่นมือไปสัมผัสกับความเป็นชายที่ยังไม่แผลงฤทธิ์ หากแต่ก็พอจะรู้ถึง 'สัดส่วน' ไม่ธรรมดาที่ซ่อนอยู่ภายใต้เนื้อผ้า อารมณ์ประหม่ายิ่งทำให้มือไม้สั่น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง กลัวจะเจอสายตาพิฆาตคู่นั้นจ้องมองเธออยู่ มือนุ่มลูบขึ้นลูบลงตรงเป้ากางเกง สัมผัสอย่างละมุนละไม ปลุกอารมณ์ใคร่ให้ตื่นตัว เธอสัมผัสได้ถึงตรงส่วนนั้นที่แข็งขึง มาพร้อมเสียงผ่อนลมหายใจบางเบาที่ออกมาจากริมฝีหยักสวย คล้ายเขากำลังเคลิบเคลิ้มไปกับการลูบ ๆ คลำ ๆ ของเธอ "เอาเลยคิตตี้ ดูสิว่าเธอจะใช้ปากเก่งเหมือนออกคำสั่งมั้ย" เสียงทุ้มห้าวแตกพร่า แฝงมนตร์สะกดล่อลวงใจให้โอนอ่อน สองมือเรียวจัดการกับกางเกงของเขา หัวใจสาวเต้นแรงยามสัมผัสกับแท่งเนื้ออุ่นร้อนที่ตื่นตัวจนแข็งราวท่อนเหล็กลนไฟ เธอกุมเอาไว้ด้วยมือข้างถนัด ขยับขึ้นลงอย่างช้า ๆ ไม่คิดฝันเลยว่า เธอจะมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผู้ชายที่ร้ายใส่กันสารพัด แล้วกำลังทำรักให้เขา ราวเป็นคู่รักกัน ชายหนุ่มซ่อนความซ่านเสียวเอาไว้ใต้สีหน้าสุขุม ระบายมันออกมาผ่านลมหายใจร้อนรุ่มที่ผ่อนออกมาอย่างเป็นจังหวะ หลุบตามองเรียวปากสีสวยค่อย ๆ กลืนกินตัวตนของเขาเข้าไปจนสุดทาง ริมฝีปากร้ายกาจยกยิ้มอย่างผู้ชนะ แววตาทอประกายพึงใจ ระบายลมหายใจร้อนออกจากปาก ยามลิ้นนุ่มไล้วนไปรอบ ๆ แท่งร้อนแข็งขึง สลับกับดูดแรง ๆ ราวกำลังลิ้มรสไอศกรีมแท่งโปรด ลีลารักที่ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาแหงนเงยซบศีรษะเข้าหาพนักพิง หลับตาดื่มด่ำกับความหฤหรรษ์จากอุ้งปากอุ่น ดานิกาสัมผัสได้ถึงอารมณ์หวามที่เขาซ่อนเอาไว้ใต้สีหน้าสุขุม เธอจงใจใช้ลิ้นฆ่าเขา ด้วยการดูดแรง ๆ พร้อมศีรษะที่ขยับขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ สลับกับลิ้นอุ่นที่ลากไล้ กลืนกินในส่วนประกอบของความเป็นชายจนถ้วนทั่วทุกตารางนิ้ว การรุกรานที่ทำให้สะโพกแกร่งแอ่นหยัดขึ้นหา ขยับเอวสอดรับกับจังหวะลิ้นนุ่มที่ดุดันขึ้นเรื่อย ๆ ในวินาทีสุดท้ายของปลายทาง สองมือแกร่งขยุ้มกลุ่มผมอ่อนนุ่มแล้วรวบเอาไว้ เมื่อสายความรักแตกซ่านเข้าสู่อุ้งปากอุ่น เขากดศีรษะเล็กไม่ให้ขยับ บังคับให้เธอกลืนกินน้ำรักอุ่นร้อนลงคอ อีกฝ่ายทำตามอย่างว่าง่าย กวาดลิ้นไปรอบแท่งร้อนราวกับเสียดายหากจะปล่อยทิ้งไว้อย่างไร้ค่า ดานิกาเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่ซับสีเลือดหลังเสร็จสม เขาสบตากลับมาอย่างคนมีแผนร้าย สองมือแกร่งก็จัดการกับกางเกงของตนให้อยู่ในที่ทางตามเดิม "คิตตี้ทำขนาดนี้ หวังว่าพี่คีย์จะพอใจนะคะ" เขาเผยยิ้มชั่วร้าย รอยยิ้มที่ทำให้ดานิกาเสียววาบไปทั้งแผ่นหลัง "มันก็ดีอยู่หรอกนะที่เธอทำเมื่อกี้ แต่...ฉันไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่" "พี่คีย์!" "เอาไว้แก้ตัวใหม่วันหลังก็แล้วกัน" "พี่คีย์! พี่หลอกคิตตี้เหรอคะ" เขากระตุกยิ้ม ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเฉียดหน้าเธอไปอย่างไม่ใยดี "ถ้าอยากให้ฉันพอใจ ก็ไปฝึกใช้ปากมาใหม่" "พี่คีย์! ไอ้เลว! ไอ้ชั่ว!" ดานิกาสบถด่าไล่หลังคนที่เดินหนีไป ทิ้งให้เธอเคว้งคว้างอยู่กลางห้อง แววตาสั่นระริกมองไปยังทิศทางที่เขาเดินไปด้วยอารมณ์เคียดแค้น เรียวปากสวยขบเข้าหากัน กัดฟันแน่นอย่างแค้นเคือง แล้วเธอก็ไม่เคยเจ็บ ไม่เคยจำ น่าจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ครั้งนี้พลาด ที่ปล่อยให้อารมณ์อยากได้ครอบงำ ถูกเขาหลอกให้เจ็บใจอยู่ฝ่ายเดียว "แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!" การกระทำของเขากระตุ้นให้เธออยากเอาชนะ อยากอยู่เหนือผู้ชายที่ไม่เคยก้มหัวให้ใครมาก่อน อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทานได้ไหม เมื่อเธอเดินหน้าคว้าหัวใจเขามาครอบครอง แล้วเมื่อนั้น เธอจะขว้างทิ้งแล้วกระทืบซ้ำให้สมกับความร้ายของเขา ที่ทำกันได้ลงคอ อลินดาเดินเข้าไปในร้านกาแฟกลางห้างดัง เธอมาตามนัดของบริษัทประกัน เป็นบริษัทเดียวกันกับที่เรียกเก็บเงินค่าซ่อมรถจากน้องชาย ซึ่งเธอได้เคลียร์หนี้ไปหมดแล้ว แต่จู่ ๆ ก็มีคนติดต่อมาขอพบเธอ อ้างว่าเป็นตัวแทนจากบริษัท เธอยอมมาพบเพราะกลัวว่าจะยังมีหนี้ค้างคงเหลือที่ยังไม่เคลียร์ เธอคลี่ยิ้มให้ชายหนุ่มใส่สูทเรียบหรู ดูดีน่าเชื่อถือ หย่อนกายนั่งลงตรงข้ามเขา "คุณอลินดานะครับ" "ใช่ค่ะ" "ผมภาสกร เรียกกรณ์เฉย ๆ ก็ได้" เขาคลี่ยิ้ม ยื่นบัตรให้ดูเพื่อยืนยันว่าเป็นคนของบริษัทประกันจริง ๆ ดูท่าทางคล่องแคล่วพูดเก่ง สมกับที่ทำงานอยู่ในบริษัทประกัน "พอดีทางเจ้าของรถคู่กรณีเคลียร์ค่าใช้จ่ายเรื่องค่าซ่อมให้ทั้งหมด ผมเลยนัดคุณมาเคลียร์เรื่องเงิน" "คะ?" หญิงสาวเอียงหน้ามอง ขมวดคิ้ว สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ อีกฝ่ายหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเอกสาร เป็นเช็คฉบับหนึ่ง เขาเลื่อนมันมาตรงหน้าคนที่ยังนั่งงง "อะ...อะไรคะ" "เช็คคืนเงินครับ สรุปทางคุณไม่ต้องเสียค่าซ่อมรถให้คู่กรณีแล้ว" เธอก้มลงมองเช็คตรงหน้า เงินเกือบสี่แสนที่จ่ายไป ตอนนี้ได้กลับคืนมาในรูปแบบเช็ค แววตาที่เต็มไปด้วยคำถามจ้องมองชายหนุ่มที่นั่งยิ้มอยู่ฝั่งตรงกันข้าม "ทำไมอยู่ดี ๆ เขาถึงออกค่าซ่อมเองคะ" ภาสกรคลี่ยิ้มให้กับคนที่ยังมีท่าทีตกใจ "ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ คุณจะได้ไม่ต้องเสียเงิน" "จะไม่มีปัญหาในภายหลังใช่มั้ยคะ ลินกลัวบริษัทจะมาเรียกเก็บย้อนหลัง" "ไม่ต้องกังวลครับ ทางเราเคลียร์จบเรียบร้อยแล้ว" "ต้องขอบคุณมากเลยนะคะที่ช่วยเดินเรื่องให้ แล้วก็...ฝากไปขอบคุณเจ้าของรถด้วยนะคะที่ไม่เอาเรื่อง รถเสียหายแล้วยังต้องจ่ายค่าซ่อมแทนคนผิดอีก ลินไม่รู้จะตอบแทนยังไงเลยค่ะ" ภาสกรมองคนตรงหน้า นัยน์ตาทอประกายไปด้วยรอยยิ้ม "แล้ว...ผมจะบอกให้นะครับ" "ขอบคุณค่ะ" "อ้อ ผมลืมไป" เขาทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหยิบบัตรใบเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเอกสาร ยื่นมันมาตรงหน้าอลินดา "อะไรคะ" "นามบัตรผม" "....." "เผื่อเรียนจบแล้วอยากร่วมงานกัน ติดต่อมาที่เบอร์โทร.ในนี้ได้เลย" "ติดต่อคุณโดยตรงเหรอคะ" "ครับ" "แล้วลินจะติดต่อไปนะคะ" "แล้วผมจะรอ" ทั้งสองคลี่ยิ้มให้แก่กัน ซึ่งอลินดารับปากไปตามมารยาท แต่ก็ไม่แน่ว่าเมื่อถึงเวลานั้น เธออาจนึกถึงเขาเป็นคนแรกก็ได้ อลินดาขอตัวเพราะต้องไปทำงานต่อช่วงเย็น ขณะที่ภาสกรมองตามร่างสมส่วนในชุดนักศึกษา จนกระทั่งเธอเดินไกลห่างออกไป เขาก็หยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความไปปลายทาง หาใครบางคน "จัดการเรื่องเงินเรียบร้อยแล้วนะครับ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD