3

1184 Words
เมื่อถึงจวนถึงเวลาชานนท์ก็อาสาเป็นสารถีขับรถหรูพาสองสาวสวยกับหนึ่งหนูน้อยมารับประทานอาหารมื้อเย็นโดยสั่งอาหารชุดใหญ่ ไม่ลืมต้มยำกุ้งถ้วยพิเศษของหนูน้อยที่มีน้ำใสวาววับเพราะณิชาภัทรเกริ่นไว้ว่าไม่อยากให้น้องเกวกินเผ็ด “คุณแม่ อร่อยจังเลยค่า” ปากเล็กจิ้มลิ้มทำยื่นออกมาเล็กน้อยชนกับทิชชูที่มารดาแตะลงเช็ดริมฝีปากให้ ฉีกยิ้มกว้างตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ เลอะไปหมด “อร่อยก็ทานเยอะๆ นะคะ แล้วอย่าให้เลอะเสื้อผ้า ตัวน้องเกวจะมีกลิ่นค่ะ” “ค่ะคุณแม่” หนูน้อยรับปากเสียงสดใสจับส้อมที่มีเนื้อกุ้งติดตรงปลายขึ้นมารับประทานเอร็ดอร่อย ส่ายศีรษะไปมาส่งผลให้ผมถักเปียกระดิกดุ๊กดิกน่ารักน่าเอ็นดูที่สุด “น่ารักน่าหยิกจังเลยเด็กอะไรไม่รู้” ยิหวามันเขี้ยวจุ๊บแก้มหนูน้อยไปฟอดใหญ่ ขยันส่งต่อกุ้งที่พี่นนท์ตักให้ตนเองมาให้หนูน้อยรับประทานเห่อออกนอกหน้านอกตาไม่มีใครเกิน “ยิหวา ฝากลูกหน่อยนะฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” ขอร้องทั้งที่สายตาหวาดหวั่นไม่ได้มองดวงหน้าเพื่อนเลยแม้แต่น้อย ณิชาภัทรไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายิหวาตอบรับหรือเปล่ารีบลุกจากเก้าอี้รวดเร็วสาวเท้ายาวเดินตามแผ่นหลังกำยำไปเงียบเชียบเฝ้าภาวนาในใจว่าขอให้ไม่ใช่เขา ภายในร้านอาหารเต็มไปด้วยลูกค้าหนาตาเป็นปราการชั้นดีที่ใช้ซ่อนตัวไม่ให้ใครคนนั้นผิดสังเกต กายบอบบางขยับหลบหลังเสาต้นใหญ่เบี่ยงกายเล็กน้อยแค่เพียงพอมองเห็นความจริง เบื้องหน้าเป็นภาพของสามีตนเองกำลังอุ้มเด็กหญิงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูส่งให้ ‘ณัฐชา’ อดีตคนรักของเขา วูบหนึ่งณิชาภัทรหน้ามืดเกือบหมดสติลงตรงนี้แต่โชคดีที่มือจับเสาไว้ได้ทัน สูดลมหายใจลึกเก็บกักน้ำตาไว้พยายามไม่คิดมาก บอกตัวเองซ้ำๆ ว่าเด็กนั่นอาจไม่ใช่อย่างที่คิด นี่หล่อนตัดสินใจถูกหรือผิดกันที่เลือกกลับมาเมืองไทยแล้วต้องมาเจออะไรเจ็บปวดหัวใจแบบนี้ ณิชาภัทรยกมือปิดหน้าซ่อนน้ำตาไม่อยากมองเห็นภาพความสนิทสนมตรงหน้า เลือกจะหันหลังให้แล้วเดินจากไปเงียบๆ ณิชาภัทรร้องไห้จนพอใจ กลับมายังโต๊ะของตนเองที่อยู่คนละโซนของร้านก็พบว่าทุกคนกินข้าวอิ่มแล้ว “ขอโทษที่มาช้านะ พอดีท้องเสียน่ะ” “ไม่เป็นไร แกกินข้าวเถอะเดี๋ยวฉันกับพี่นนท์จะดูแลน้องเกวเอง” ยิหวายิ้มแย้มแล้วเล่นกับน้องเกว ชานนท์เองก็เห่อเด็กน่ารักไม่แพ้กันเอ่ยชวน “พี่เห็นโซนทางนั้นมีของเล่นเด็กด้วย น้องเกวน่าจะชอบ” เอียงใบหน้าไปทางโซนด้านหน้าร้านที่จัดเป็นสวนสนุกสำหรับหนูน้อยหลายวัยทว่าความคิดเขาก็ถูกขัด “อย่าเลยค่ะพี่นนท์ เอ่อ... คือ เอ๋ยเองก็อิ่มแล้วเรากลับกันเลยดีกว่านะคะ” มือบางเอื้อมไปหยิบกระเป๋าสะพายอย่างลนลานรีบเรียกเด็กเสิร์ฟมาเก็บเงินค่าอาหาร ลนลานหนักจนชานนท์แทบแย่งจ่ายค่าอาหารไม่ทัน ยิหวาผิดสังเกตจึงยอมตามน้ำชวนคู่หมั้นกลับบ้าน ทุกจังหวะการย่างก้าวจะมีเสียงส้นสูงของยิหวาดังเป็นจังหวะดังก้องในโสตประสาทของคนฟัง หูหล่อนได้ยินชัดเจนแต่สายตากลับเอียงขึ้นมองไปยังระเบียงร้านซึ่งเขาคนนั้นกำลังดินเนอร์อยู่กับผู้หญิงคนอื่น มารดาหยุดเดินแล้วเอาแต่มองข้างบน หนูน้อยก็มองตามก่อนจะส่งเสียงดีใจ “คุณพ่อ! คุณแม่ขานั่นคุณพ่อนี่คะ” “อุ๊ย!” ณิชาภัทรตกใจรีบหันหลังให้ระเบียงแล้วกระซิบบอก “ไม่ใช่จ้ะลูก ไม่ใช่คุณพ่อนะคะแค่คนหน้าเหมือนเท่านั้น ไม่ใช่คนนี้ คุณพ่อไม่ใช่คนนี้เชื่อคุณแม่นะคะ” “แต่น้องเกวเห็นคุณพ่อจริงๆ นะคะ คุณพ่อกำลังอุ้มใครไม่รู้ ทำไมคุณพ่อไม่มาอุ้มน้องเกวคะ” หนูน้อยบอกเล่า สองมือเล็กโอบรอบลำคอมารดาอย่างหวงแหนพยายามหันไปมองแต่ก็ถูกมารดาเบี่ยงกายหันไปทางอื่นทำให้หนูน้อยมองเห็นบิดาแค่แวบเดียวเท่านั้น “คุณพ่อกอดใครคะคุณแม่” “ไม่ใช่ค่ะ คนนั้นไม่ใช่คุณพ่อนะคะ” “แต่น้องเกวเห็น” “…” “เอ๋ย! มีอะไรหรือเปล่า” เสียงตะโกนเรียกชื่อเล่นณิชาภัทรจากยิหวาค่อนข้างเสียงดังแล้วก็เป็นไปอย่างที่คิดว่าชายที่ตนเองกำลังยืนหันหลังให้นั้นหันใบหน้ามองมาทางนี้และในทันทีณิชาภัทรก็หันหน้ากลับไปมองเขาทำให้ได้สบตากัน “ไม่มีอะไรยิหวา ฉันกับลูกจะตามไปเดี๋ยวนี้แหละ” ณิชาภัทรกระชับอ้อมแขนกอดน้องเกวหลวมๆ เสื้อตรงหัวไหล่เปียกชุ่มไปหมดเพราะน้ำตาหนูน้อยไหลไม่ยอมหยุด “เอ๋ย...” กระซิบชื่อภรรยาทั้งที่สายตาทั้งสองคู่ยังสบประสาน ราวกับอยู่ในความฝันเขารีบส่งลูกคืนอดีตคนรักแล้ววิ่งตึงตังในร้านอาหารลงบันไดสู่ชั้นหนึ่งตรงดิ่งไปยังลานจอดรถ “เอ๋ย!! เอ๋ยอยู่ไหน!” มือเขาสั่นระริกไปหมดไม่คาดฝันว่าจะได้เจอภรรยาในวันนี้เพราะจำฝังใจว่าหล่อนจะกลับมาถึงเมืองไทยในอีกสามวันข้างหน้า เสียงออกตัวรถดังขึ้นพร้อมแล่นผ่านหน้าไปด้วยความเร็ว กระจกถูกติดฟิล์มดำทึบทำให้เขาไม่อาจเห็นคนข้างในแต่ความรู้สึกบอกให้รีบตามไป เมียกับลูกเขาอาจอยู่ในนั้น! “นัทตี้! พี่อยู่รอนายภูมิเป็นเพื่อนไม่ได้นะ พี่ติดธุระต้องรีบไปเดี๋ยวนี้” โทรศัพท์ไปหาณัฐชาขณะเดินแกมวิ่งไปยังรถยนต์ของตนเอง ถ้าจำไม่ผิดผู้หญิงที่เรียกชื่อเอ๋ยถือยิหวางั้นก็แสดงว่าปลายทางที่ไปหากไม่ใช่บ้านของชานนท์ก็อาจจะเป็นโรงแรมสักแห่งหากเอ๋ยได้จองเอาไว้ ให้ตาย ขอให้เป็นบ้านชานนท์เถอะ ถ้าเป็นโรงแรมคงตามรถคันนั้นไปไม่ทันแน่ ‘มีเรื่องอะไรไหมคะพี่ธัน นัทตี้ตกใจแทบแย่ที่จู่ๆ พี่ธันก็วิ่งออกไปแบบนั้น’ ณัฐชากอดยัยหนูลูกรักให้นั่งนิ่งบนหน้าตัก “ไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง แค่นี้ก่อนนะนัทตี้ไว้พี่จะส่งของขวัญวันเกิดมาให้วันหลัง” กดตัดสายทิ้งรีบวิ่งเร็วไปกระชากประตูรถยนต์เปิดออกสอดกายใหญ่โตเข้าไปข้างในก่อนใส่เกียร์ถอยพารถออกจากช่องจอด ทะยานออกสู่ถนนใหญ่ตรงดิ่งไปยังบ้านสุดหรูของนักธุรกิจหนุ่มนามชานนท์ บริรักษ์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD