ตอนที่ 1 ประธานเจีย
ว่ากันว่าการตกหลุมรักใครสักคนเพียงเสี้ยววินาทีแรกที่พบกันมีอยู่จริง..
ภาพตะวันหญิงสาวที่เอาแต่สนใจการเรียนไม่เคยฝักใฝ่เรื่องความรัก กำลังรู้สึกหัวใจเต้นแรงเมื่อเงยหน้าขึ้นมองวิทยากรที่มีดีกรีเป็นถึงประธานบริษัทมาให้ความรู้แก่นักศึกษาด้วยตนเอง
ประธานเจีย เจียรวิทย์ เดชพิศาลสกุลเป็นชายหนุ่มร่างสูงราวร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตร อกผายไหล่กว้างตรงตามมาตรฐานชาย อีกทั้งใบหน้ายังหล่อเหลาราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด ดวงตาดูลึกลับน่าค้นหาสะกดทุกสายตาให้สบมอง
หล่อแบบไร้ที่ติมันเป็นแบบนี้นี่เองสินะ
“การสร้างมูลค่าของทรัพย์สินที่มีอยู่ ก็เป็นอีกการสร้างรายได้ให้นักศึกษา แต่อันดับแรกพวกคุณควรรู้ก่อนว่าจะสร้างมูลค่าของสินค้าได้ยังไง แล้วจะทำยังไงให้สินค้าที่เหมือนกันทั่วไปของคุณดูโดดเด่นกว่าคนอื่น”
น้ำเสียงทุ้มต่ำยามบรรยายชวนน่าฟัง อีกทั้งท่าทางการขยับเขยื้อนตัวก็ดูดีและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน ทำเอานักศึกษาในคลาสตั้งใจฟังไม่ละสายตา
บ้างก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายวีดีโอแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่โดยที่แทบไม่ได้ฟังเนื้อหา เพราะมัวแต่มองหน้าประธานเจียอยู่ ภาพตะวันเองก็เช่นกันเธอเอาแต่มองเขาเพราะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน..
“เพราะความแตกต่างจะทำให้สินค้าคุณโดดเด่น หลังจากนั้นก็คือเรื่องของการบริการและการรับฟังข้อคิดเห็นหลังการขาย..”
ภาพตะวันพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย ในอนาคตเธอเองก็อยากจะทำงานที่บริษัทของประธานเจียเหมือนกัน แต่มันติดอยู่ที่ว่าการสัมภาษณ์ของที่นี่นั้นโหดหินยิ่งกว่าอะไรดี
อีกอย่างตัวจริงของประธานบริษัทก็ดูน่าหวั่นเกรงไม่น้อย นัยน์ตาสีดำสนิทยากที่จะอ่านออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ ทั้งใบหน้างดงามนั่นก็นิ่งเรียบดูไร้ซึ่งอารมณ์ แม้จะมีรอยยิ้มประดับอยู่ก็ตาม
“ประธานเจียโคตรหล่อเลยแก ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมยังมีความรู้รอบตัวเยอะอีก” น้ำอิงที่นั่งด้านซ้ายมือของภาพตะวันทำหน้าเพ้อฝัน ขณะจ้องมองประธานเจียตาเป็นมัน
“ทำไมเขาถึงมาเองอ่ะ นึกว่าจะส่งตัวแทนมาซะอีก” ภูพิงที่นั่งทางด้านขวามือของภาพตะวันมุ่นคิ้วถาม
“คงอยากมาด้วยตัวเองล่ะมั้ง ไม่รู้สิ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะ” ภาพตะวันตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบเบาๆ เพราะกลัวจะรบกวนคนที่กำลังพูดอยู่
“ฉันได้ยินมา..” น้ำอิงเกริ่นเรื่องพร้อมกับหันหน้ามาทางภาพตะวัน แต่เธอยกมือขึ้นปราม เพราะเหมือนสายตาของประธานเจียจะมองมาทางนี้บ่อยเกินไป เธอก็เลยเอี่ยวตัวหลบให้เพื่อนที่นั่งทางซ้ายกับทางขวาคุยกันเอง
“ได้ยินอะไร” ภูพิงเสริมทัพด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
“เรื่องประธานเจียนี่แหละ”
“ไหนเล่า”
“เห็นเขาบอกเป็นคนเจ้าระเบียบเรื่องงานมาก” เธอลากเสียงยาวอย่างออกรสชาติ “แล้วก็โคตรเจ้าชู้ มีบาร์ส่วนตัวด้วยนะ เห็นว่าเวลาควงสาวแต่ละคนก็มีแต่ลูกไฮโซทั้งนั้นเลย อีกอย่างมีข่าวลือแปลกๆ ว่าเขามีลูกแล้วด้วย”
“มีลูกแล้วด้วยเหรอ”
“เออดิ แต่ว่ามันก็แค่ข่าวลืออ่ะนะ ฉันว่าไม่จริงหรอก”
“ใครจะรู้ล่ะ พวกไฮโซบางคนก็ใช้เงินปิดข่าวได้ทั้งนั้นแหละ”
คนกลางอย่างภาพตะวันได้แต่ลอบถอนหายใจ พลางกลอกตาอย่างเลิ่กลั่กเพราะสายตาของประธานเจียกำลังมองตรงมายังพวกเธออย่างชัดเจน จนทำให้หญิงสาวตัวค้างแข็งไปชั่วขณะ
แต่เหมือนว่าเพื่อนทั้งสองจะยังไม่รู้ตัว ถึงขั้นขยับเก้าอี้ที่นั่งอยู่เข้ามาใกล้ จนภาพตะวันทำได้แค่ยิ้มแห้ง พลางหันมองไปรอบบริเวณอย่างหาจุดวางสายตาไม่เจอ
“แต่ถึงขั้นประธานมาเองเลยนะ คงจะอยากได้นักศึกษาจากมอเราไปทำงานด้วยแหละ” ภูพิงว่าอย่างออกรสชาติ พลางเพยิดหน้าไปทางประธานเจีย
“ก็คงงั้น ฉันก็ว่าจะลองยื่นใบสมัครเข้าที่นี่เหมือนกัน”
“เอาจริงดิอิง”
“จริงสิยะ ใครจะกล้าพลาดที่นี่กันล่ะ”
สิ้นประโยคนั้นน้ำอิงก็หันมาถามภาพตะวันบ้าง แต่เหมือนว่าคนกลางอย่างเธอจะสติหลุดไปแล้ว เมื่อสายตาคู่คมหยุดมองตรงมายังพวกเธอราวกับว่าคาดโทษผ่านแววตาอยู่
เหมือนกับว่าเขากำลังมองมาทางนี้ยังไงยังงั้น..
“แล้วแกล่ะตะวัน อยากเข้าที่นี่ด้วยมั้ย”
“.....”
“ตะวัน”
เสียงของน้ำอิงไม่ได้เข้ามาในโสตประสาทการได้ยินของภาพตะวันแม้แต่น้อย กลับกันเธอดันนั่งหลังตรงตัวเกร็งกับนัยน์ตาสีดำขลับที่ตวัดมองมา
“ถ้างั้นผมจะถามคำถาม.. แล้วเรียกให้ตอบแบบนั้นดีมั้ยครับนักศึกษา” เสียงของประธานเจียที่ไม่จำเป็นต้องพูดผ่านไมค์ คนในห้องก็เงียบจนได้ยินเสียงของเขาชัดเจน
วินาทีที่ภาพตะวันกลั้นหายใจ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มือของเขาผายตรงมายังกลุ่มของพวกเธอ
“นักศึกษาที่นั่งตรงนั้นช่วยตอบด้วยครับ”
ภาพตะวันนิ่งค้างคล้ายว่าสติหลุดลอยไปไกล เลิกคิ้วเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าเขาหมายถึงเธอ
แน่นอนว่า.. ใช่
“ครับ คุณนั่นแหละ”
ประธานเจียที่ผายมือตรงไปยังภาพตะวัน ทำเอาหญิงสาวถึงกับชะงักค้างไปชั่วขณะ ทุกสายตาของนักศึกษาท่านอื่นต่างก็จับจ้องมาที่เธอเช่นกัน
“ตะวันประธานเจียเรียกแกอ่ะ” ภูพิงยิ้มเจื่อน ก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสงบเสงี่ยมทันที
ภาพตะวันลุกขึ้นยืนช้าๆ พลางประสานมือไว้ด้านหน้า ท่ามกลางความเงียบของห้องที่ทำเธอกดดันไม่น้อย
“มีคำถามอยากถามมั้ย” เขาเกริ่นเสียงเรียบ แต่รู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูกอย่างบอกไม่ถูก
อารมณ์เหมือนตอนที่อาจารย์กำลังจะสุ่มถาม แต่เราไม่ทราบอะไรเลยทั้งคาบที่เรียนมา ซ้ำภาพตะวันยังอึกอักจนมือไม้มันชื้นเหงื่อ สุ้มเสียงฟังไม่ได้ศัพท์จับประโยคไม่ได้อีกต่างหาก
“สักคำถามที่อยากจะถามไม่มีเลยเหรอครับ สรุปแล้วได้ฟังที่ผมพูดหรือเปล่า หือ”
เมื่อเธอเงียบเขาก็ถามย้ำอีกครั้ง แต่มันยิ่งกดดันกว่าเดิม เพราะสายตาคมกริบของประธานเจียกำลังคาดหวังและกดดันในคราเดียว
อีกทั้งสายตาของนักศึกษาทั้งห้องยังจดจ้องมาที่เธออีก ริมฝีปากสีระเรื่อของภาพตะวันอ้าปากพะงาบด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
ประธานเจียดุชะมัดเลย
“คำถามครับนักศึกษา มีมั้ยครับ” เขาเค้นถามต่อด้วยแววตาเชิงกดดัน
“ประธานเจียคือคนที่ช่วยฉันตอนปั่นจักรยานล้มตรงหน้าร้านโซบะที่ญี่ปุ่นใช่มั้ยคะ.. อาจจะไม่มั่นใจเท่าไหร่แต่ว่าฉันคิดว่าเราเคยเจอกันมาก่อน แค่คุ้นหน้า เอ่อ.. มั้งคะ” ภาพตะวันโพล่งออกไป ก่อนจะค่อยๆ เม้มริมฝีปากลงทันทีที่รู้ตัวว่าทำสิ่งที่น่าอายลงไป
“อะไรนะครับ”
“คะ”
เรียวคิ้วสวยมุ่นเข้าหากัน พลันใบหน้าก็เห่อร้อนจนแทบจะมุดดินหนีมันซะตอนนี้
“ตะวัน” ภูพิงกระตุกเสื้อภาพตะวันเชิงให้เธอนั่งลง พร้อมกับยิ้มเจื่อนมองไปยังประธานเจียที่มีสีหน้าเรียบเฉย แต่แววตาน่ากลัวจนภูพิงเองยังใจสั่น
“เอ่อ ไม่มีคำถามค่ะ ขอโทษทีค่ะ” ภาพตะวันพูดขึ้น พลางยกมือขึ้นเกาหัวเพราะอีกฝ่ายยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ
“ถ้างั้นก็นั่งลงครับ” ประธานเจียส่งสายตาเชิงให้เธอนั่งลง “ถ้าใครมีคำถามก็เชิญถามได้เลยนะครับ..”
หญิงสาวที่เพิ่งจะรู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องน่าอายออกไป ก้มหน้าแล้วขบริมฝีปากล่างแน่น โดยมีเพื่อนทั้งสองคนคอยลูบหลังปลอบประโลมไปพลาง
“เขาจำไม่ได้สินะ..” ภาพตะวันลอบถอนหายใจทิ้งเบาๆ
ถึงตอนนี้เขาอาจจะจำเธอไม่ได้ แต่ภาพตะวันจำเขาได้แม่น.. ไม่มีวันลืม