EP.10 ตัววุ่นวายที่แสนน่ารำคาญ
“ค่อยๆ คิดเดี๋ยวก็คงคิดออก” เมื่อพูดจบก็ก้าวขึ้นจากรถด้วยใบหน้าไม่ยินดียินร้ายดังเดิม หญิงสาวไม่ได้ถือสาหรือสนใจเขา อาจเพราะเธอค่อยๆ ชินกับท่าทางเย็นชาที่เขาพยายามแสดงออกมา แต่กระนั้นเธอก็สัมผัสได้ว่า ลึกลงไปในหัวใจผู้ชายคนนี้มีความเมตตาและอ่อนโยนมากทีเดียว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ช่วยพาเธอส่งโรงพยาบาล มิหนำซ้ำยังรับเธอมาดูแลแบบนี้แน่
ทันทีที่รถจอดสนิทหน้าบ้านพัก หญิงสาวเดินลงจากรถแล้วแหงนหน้ามองบ้านตรงหน้าใกล้ๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตา ก็ใครจะไปคิดว่าผู้ชายโมโหร้ายอย่างคาร์โลจะพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ แบบนี้ ความจริงเขาควรอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีสาวใช้สิบกว่าคนคอยปรนนิบัติบนที่ดินหลายสิบไร่มากกว่า
ทว่าบ้านไม้เงียบสงบหลังนี้ทำให้หญิงสาวต้องมองคาร์โลใหม่อีกครั้ง นี่สินะคือตัวตนของผู้ชายตัวโตเจ้าอารมณ์ เขาแอบซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเขาเอาไว้หลังป่าสน เก็บซ่อนไว้ลึกจนทุกคนมองเห็นเขาแค่เพียงเปลือกนอก ไม่ใช่เนื้อแท้
“บ้านหลังนี้มีแค่สองห้องนอนเท่านั้น เธอนอนห้องแม่บ้านที่ว่างอยู่ได้เลย ส่วนฉันจะไปนอนที่กาสิโน” คาร์โลพูดพลางเดินเข้าไปในบ้าน
บ้านหลังนี้ปลูกเล่นระดับเพราะอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ทางเดินเข้าบ้านเป็นบันไดโปร่ง ด้านข้างบันไดติดกระจกใสเอาไว้เพื่อกันฝนแต่ก็สามารถมองวิวภายนอกได้ เมื่อเดินเข้าไปในบ้าน ของใช้น้อยชิ้นถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ โซฟาและข้าวของเครื่องใช้เกือบทุกอย่างล้วนเป็นโทนสีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม และสีดำ
“บ้านหลังนี้อยู่กันกี่คนคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศโดยรอบเงียบงันราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอาศัยอยู่
“ฉันอยู่คนเดียว” เขาตอบสั้นห้วนพลางเดินเข้าไปในครัว หมายจะหยิบน้ำเย็นมารินดื่ม แต่ก็พบว่าในตู้เย็นว่างเปล่า นอกจากจะไม่มีอาหารแล้วยังไม่มีแม้แต่น้ำดื่มสักขวด
“ถ้าคุณคาร์โลไปนอนที่กาสิโน นั่นก็หมายความว่าฉันต้องอยู่ที่นี่คนเดียวหรือคะ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
“ใช่” เขาพยักหน้าช้าๆ คิดว่านี่เป็นการดีสำหรับหญิงสาวเอง เพราะการอยู่ด้วยกันชายหญิงภายในบ้านที่ห่างไกลผู้คนแบบนี้คงไม่ดีแน่ “ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ไปซื้อของสดและของแห้งมาเก็บไว้ ขาดเหลืออะไรก็โทรศัพท์บอกฉันได้เลย”
บอกไปอย่างนั้นแล้วแต่สีหน้าของหญิงสาวก็ยังไม่ดีขึ้น จนเขานึกแปลกใจ
“อยากได้อะไรเพิ่มก็บอกฉันได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“คะ...คือ...” หญิงสาวมีท่าทางอึกอักอย่างเห็นได้ชัด เธอผสานมือเข้าหากันแล้วบีบแน่น เหงื่อเม็ดเล็กๆ เกาะพราวที่ปลายจมูกทั้งที่วันนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย
“มีอะไรก็พูดมาสิ ฉันไม่ชอบคนอ้ำอึ้ง” ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่ดุเพราะถึงอย่างไรหญิงสาวก็ยังป่วยอยู่ แต่คนที่ไม่เคยแสดงความอ่อนโยนอย่างเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะคอกเสียงห้วนเมื่อมีอะไรไม่ได้ดั่งใจ
“อะ..เอ่อฉัน..” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก่อนจะพูดออกไปว่า “ฉันกลัวพวกที่ทำร้ายฉันจะย้อนกลับมาค่ะ”
คาร์โลนิ่งไปหลายอึดใจ ที่หญิงสาวพูดออกมาก็จริง ตราบใดที่ตำรวจยังตามจับคนร้ายไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ก็ยังตกอยู่ในอันตราย เพราะไม่อาจรู้ว่าคนพวกนั้นเป็นใคร แล้วต้องการอะไรจากหญิงสาวกันแน่ แต่ปัญหายุ่งยากก็คือ เขาควรจะทำอย่างไรกับผู้หญิงที่ความจำเสื่อมตรงหน้า พับความคิดเรื่องพาไปฝากมารดาที่เบลลาโจไปได้เลย จะเอาไปอยู่ที่ห้องพักบนกาสิโน ก็ไม่เหมาะกับการพักฟื้นร่างกายของคนป่วยซึ่งได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง
และเพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเธอ ดังนั้นที่นี่จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็อันตรายที่สุดด้วยเช่นกัน
“ฉันจะกลับมานอนที่นี่ช่วงเย็น แต่กลางวันเธอต้องอยู่คนเดียว ฉันจะบอกที่ซ่อนปืนเอาไว้ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลรีบโทร.หาฉัน แล้วหยิบปืนออกมาป้องกันตัว” เขาคว้าข้อมือหญิงสาวแล้วจูงกึ่งลากให้เดินตามเขาเข้าไปในห้องนอน
หญิงสาวหน้าแดงก่ำเมื่อก้าวเข้าไปในห้องนอนของชายหนุ่ม ห้องนอนของเขาไม่ได้กว้างอย่างที่เศรษฐีส่วนใหญ่นิยมกัน เพราะห้องนอนของเขามีแค่ที่นอนอย่างเดียวจริงๆ ดังนั้นจึงเรียกห้องนี้ว่าห้องนอนได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เขาพาเธอเดินตรงเข้าไปในห้อง ด้านข้างทางขวามือของห้องนอนแยกเป็นห้องแต่งตัวเล็กๆ ในตู้เสื้อผ้ามีปืนสั้นสองกระบอกซ่อนเอาไว้ เขาหยิบขึ้นมากระบอกนึงแล้วส่งให้หญิงสาว
“เอาไปเก็บไว้ที่ห้องนอนของเธอ ว่าแต่เธอยิงปืนเป็นหรือเปล่า” ชายหนุ่มครุ่นคิดว่าหญิงสาวควรมีชื่อเรียก อย่างน้อยก็เพื่อความสะดวก แต่เธอจำชื่อตัวเองไม่ได้แบบนี้แล้วเขาจะเรียกเธอว่าอะไรดี
“ฉันรู้สึกว่าฉันยิงเป็นค่ะ” หญิงสาวรับปืนมาถือไว้แล้วขึ้นไกปืนอย่างชำนาญ ก่อนจะเล็งออกไปนอกหน้าต่างแต่ไม่ได้ยิงจริงๆ
“มีคนเคยสอนฉัน เขาเป็นคนสอนทุกๆ อย่างให้กับฉัน เขาคือ...” หญิงสาวกำปืนแน่น ก่อนจะส่ายหน้าแรงๆ เมื่อจู่ๆ ความทรงจำที่ผุดขึ้น
ก็ดับวูบไปเสียดื้อๆ
“ค่อยๆ ปะติดปะต่อแบบนี้อีกไม่กี่วันความจำก็คงฟื้นคืนมา”
ชายหนุ่มพูดจบก็รีบสาวเท้าเดินออกมาจากห้องนอนของตนเองอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จะอยู่กับหญิงสาวภายในห้องนั้น เพราะเขาอดที่จะจินตนาการยามกดเธอลงบนเตียงนอนนุ่มๆ ไม่ได้ อดคิดไม่ได้ว่ากลิ่นหอมอ่อนๆ นั่นจะหอมสักแค่ไหนถ้าเขาฝังจมูกลงไปสูดดมตามเนื้อนุ่มด้วยตนเอง
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณคาร์โล”
“เธอพอจะคิดออกมั้ยว่าชื่อต้น หรือตัวอักษรแรกของชื่อเธอคืออะไร”
หญิงสาวมีท่าทางครุ่นคิด แต่แล้วก็ส่ายหน้าในที่สุด “ฉันจำอะไรเกี่ยวกับตัวฉันเองแทบไม่ได้เลยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นระหว่างที่เธอยังจำอะไรไม่ได้ เธอก็ชื่อเพอล่าไปก่อนแล้วกัน” ชายหนุ่มสรุปเองเสร็จสรรพ โดยไม่ถามหญิงสาวสักนิดว่ายินดีกับชื่อนี้หรือไม่
“เพอล่าที่แปลว่าไข่มุกหรือคะ ฉันชอบชื่อนี้จังคะ รู้สึกคุ้นแต่ก็คิดไม่ออกว่าทำไมถึงคุ้น” หญิงสาวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เพราะคนที่ตั้งชื่อให้เธอคือผู้ที่ช่วยให้เธอรอดพ้นจากความตาย เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้เกิดใหม่ในบ้านที่โปร่งโล่งและเต็มไปด้วยธรรมชาติ ไม่ใช่บ้านที่มืดทึบชวนอึดอัดอย่างที่ผ่านมา
“เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปซูเปอร์มาร์เก็ต ฉันไม่รู้ว่าเธอพอจะทำอาหารเป็นหรือเปล่า”
“ฉันไม่แน่ใจ แต่จะลองทำดูค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ แล้วเดินตามชายหนุ่มไปขึ้นรถ
คาร์โลไม่เข้าใจตัวเองนัก ว่าทำไมเขาถึงทำให้เรื่องมันยุ่งยากด้วยการแอบซ่อนหญิงสาวเอาไว้ที่บ้านป่าสน ถ้าเขาพาเธอไปให้มารดาดูแล ป่านนี้เขาคงไม่ต้องเข็นรถเข็นเดินตามหญิงสาวในซูเปอร์มาร์เก็ตแบบนี้แน่ ถ้าใครมาเห็นเข้าคงหัวเราะเยาะราชาแห่งโชค เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต