ใครจะคิดละ...จู่ๆ วันหนึ่ง กิ่งฟ้านั่น ก็โน้มลงมาใกล้ๆ
ใกล้เสียจนอดฝันหวานไม่ได้
คราบน้ำตาบนใบหน้าวลัยอร...ทำให้พะนายหมดสิ้นการควบคุมตัว...
เขาพาหล่อนหนี เมื่อหัวใจตรงกัน
แม้จะคาดเดาจุดจบไว้ล่วงหน้า...คงไม่แคล้วถูกรุมประชาทัณฑ์ เมื่อเขาและเธอเหมือนดั่ง...ฟ้า กับ เหว
เปลือกตาพะนายหลุบลง...เขาปล่อยตัวตามโชคชะตา เมื่อรู้สึกหมดอาลัยตายยาก นับจากนี้ไป...แม้แต่เงาของวลัยอร เขาก็คงไม่มีโอกาสได้เห็น!!
ว่าแต่...พะแพงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
ดวงตาพะนายเบิกโพลง ความเจ็บปวดที่โถมเข้าใส่ ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บ ได้เท่ากับสภาพของน้องสาวที่ได้เห็นครั้งแรก
เกิดอะไรขึ้นกับพะแพง...เจ้านายทำอะไรเธอ?
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ถูกรุมกระทืบที่พะนายฝืนต้าน เขายกมือขึ้นปัดฝ่าเท้าของการ์ดหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อน พร้อมกับรีบทรงตัวลุกขึ้นยืน กวาดตามองหาน้องสาวแม้จะถูกทั้งมือทั้งทั้งเท้าประเคนใส่ กว่าพะนายจะกระเสือกกระสนมาตรงจุดที่พะแพงนั่งอยู่ได้ เขาก็เจ็บหนักพอดู
ชายหนุ่มทรุดฮวบ สำลักลิ่มเลือดออกมาก้อนใหญ่ๆ ยื่นมือสั่นๆ เช็ดคราบเลือดที่หน้าผากน้องสาว
“เจ็บมั้ย?”
ใบหน้าของพี่ชายมีแต่เลือด อาการเขาย่ำแย่จนสุดที่จะทนมอง เปลือกตาบวมปริบ ใบหน้าแหลกยับ และคงเจ็บหนักไปทั้งตัว
พะแพงส่ายใบหน้า เธอโถมเข้ากอดพี่ชาย พร้อมกับเสียงสะอื้นดังลั่น
“ฮืออออ พี่นายๆ”
หญิงสาวตะโกนเรียกพะนาย สวมกอดชายหนุ่มไว้แน่นๆ และหวังให้ตัวเองเป็นเกราะให้พะนายอีกชั้น เมื่อพี่ชายของเธอเจ็บหนักเกินกว่าจะทนมอง
“ออกไปก่อนไป!! กูจัดการเอง...”
ภาคินถอนใจเฮือก...เขาโบกมือไล่ลูกสมุน เดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้แรงๆ จ้องมองไปยังพะแพงด้วยสายตาอ่านไม่ออก
“แพงมาที่นี่ได้ไง เจ้านายทำอะไรเธอ?”
พะนายดันตัวน้องสาวออกห่าง เขากวาดตามองสภาพพะแพง ด้วยสายตาหวั่นกลัว
ภาคิน...เป็นหนุ่มจอมเจ้าชู้ เขาเป็นนักล่าตัวยง และหากผู้หญิงสาวคนไหนก็ตาม...อยู่กับเขาในสภาพเช่นนี้ ก็ไม่น่าจะเหลืออะไรติดตัวกลับไป...
“ช่างมันเถอะจ้ะพี่นาย เรากลับกันเถอะ!!”
หญิงสาวยกมือปาดน้ำตา เธอพยายามรั้งให้พะนายลุกยืน เธอกับพี่ควรรีบออกไปจากที่นี่...เพราะหากผู้ชายใจดำคนนั้นเปลี่ยนใจ พะนายคงเหลือแค่ชื่อ...
“ไม่!! เกิดอะไรขึ้นกับแพง?”
คนเป็นพี่ถามย้ำด้วยน้ำเสียงแสนรวดร้าว เขาไม่ได้อ่อนเดียงสาจนไม่รู้อะไรเลย
“มึงอยากรู้เหรอไอ้นาย ว่าน้องมึงเป็นไงบ้าง!!”
เสียงหยามเหยียดดังออกมาจากปากผู้ชายใบหน้าถมึงทึงที่นั่งกระดิกปลายเท้าอยู่บนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
พะนายเหลือบมอง เขาก้มหน้าหลบแววตาดุดันนั่น
“น้องมึงมาเสนอตัวกับกู เพื่อให้มึงมีลมหายใจ มีชีวิตรอดถึงตอนนี้ไงวะ!! มึงคิดว่ามึงหยามกู แล้วจะเดินออกไปจากชีวิตกูง่ายๆ งั้นรึ”
ชายหนุ่มตะคอก สิ่งที่พะนายทำคือการกระทำสิ้นคิด วลัยอรควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้ และคงไม่มีรอยราคีแสนสกปรก หากไอ้ชาติชั่วตรงหน้าไม่มีความคิดแสนระยำ
“ผมกับคุณอรรักกัน...”
วลัยอรเองก็ใจตรงกับเขา ทั้งสองคนเลยต้องต่อสู้เพื่อตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นคงถูกจับแยก เหมือนที่ภาคินกำลังทำอยู่นี่ไง
“ถุย!! ‘ความรัก’ มึงเลี้ยงดูหลานกูได้หรือเปล่าล่ะ ยัยอรใช้เงินวันละเท่าไร มึงมีปัญญาเหรอไอ้นาย”
ชายหนุ่มสำราก...เขายิ้มหยันคนๆ หนึ่ง ที่เคยคิดจะดันให้ก้าวหน้า แต่ความหวังดีของเขาไร้ค่า เมื่อมันตลบหลังเขาแบบแสบสันต์
“เจ้านายไม่เคย ‘รัก’ ใคร เจ้านายไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของผมกับคุณอรหรอกครับ”
แม้จะถูกกระทำ ถูกกดต่ำยิ่งกว่าผิวดิน แต่ความนับถือที่พะนายมอบให้ภาคินยังเหมือนเดิม ถึงความเห็นจะไม่ลงรอยกัน
“หึ!! ไอ้นายอย่าว่ากูสอนเลยนะ ‘ความรัก’ ที่มึงอ้าง มันกินไม่ได้ว่ะ และมันไม่มีอยู่จริง ตอนนี้ยัยอรหลงมึง เพราะหลานกูยังเด็ก แต่รอให้ยัยอรโตกว่านี้เถอะ รับประกัน... แม้แต่หางตายัยอรก็ไม่แลมึง”
ชายหนุ่มบริภาษ...เขากรรโชกเสียงห้าว ในมุมมองของภาคิน...ความรัก...เป็นความรู้สึกที่สัมผัสไม่ได้ ถึงมีคุณค่ากับใจ แต่ไม่จำเป็น...เมื่อยังมีหลายสิ่งมากมาย ที่สำคัญกว่า ความรู้สึกไร้ค่าเช่นนั้น
พะนายเม้มปาก เขาเถียงภาคินไม่ได้ เมื่อแม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยมั่นใจ ว่าความรักระหว่างวลัยอร กับตัวเองจะสมหวัง เมื่อมันแตกต่างกันเกินไป เขามันแค่ลูกกระจอกกินเงินเดือน ในขณะที่วลัยอรมีทั้งชื่อเสียงและฐานะ
แต่เมื่อ ความรู้สึกละเอียดอ่อนนั่นเกิดขึ้น เขาก็ไม่เคยน้อยใจในโชคชะตา ที่ถีบส่งเขาให้มารักกับเธอ แค่ไม่เข้าใจแค่นั้นเอง ทำไมทุกคนรอบตัวถึงกีดกัน เมื่อความจริงใจที่เขามอบให้คือความจริง และเขาไม่เคยคิดที่จะดึงวลัยอรลงมาตกต่ำ เพียงเพราะทุกอย่างรอบตัวบีบคั้น เขาจึงตัดสินใจทำเช่นนี้ แต่ก็ยงไม่ได้แตะต้องให้สาวคนรักเสื่อมราศี หล่อนยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ตั้งแต่ไปจนถูกกระชากลากถูกลับมา...
พะนายแค่อยากให้ทุกคนรู้ และเปิดโอกาสให้กับเขาบ้าง...
เขาจนแต่ก็ไม่เคยงอมืองอเท้า อนาคตข้างหน้า สักวัน... เขาอาจจะถีบตัวเองจนมีคุณสมบัติเหมาะสมกับวลัยอรก็ได้
“ผมรู้...ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะทำให้คุณอรตกต่ำ แต่เพราะ...”
“หุบปากเถอะว่ะ!! ยิ่งมึงพูดกูก็ยิ่งอยากจะอ้วก...คำพูดสวยหรูของมึงเก็บไว้พูดกรอกหูคนอื่น สำหรับกูแล้ว...มึงมันก็แค่เศษขยะ ไอ้นาย!!”
ความผิดหวัง บวกกับความแค้น ทำให้ภาคินด่ากราด เขาเหยียดหยันพะนายทั้งคำพูดและแววตา
พะแพงกำมือแน่น เธอสังเวชตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะสงสารพี่ชาย
“เราสองคนไปได้หรือยังคะ?”
พะแพงพูดแทรก อยู่ไปก็รังแต่จะทำให้เจ็บปวดมากขึ้น ทางที่ดีเธอกับพะนายควรไปจากที่นี่ ไปให้ไกลๆ เลยยิ่งดี เพราะยังมีใครบางคนเฝ้ารออยู่...และเขาคนนั้นสำคัญกว่าสิ่งใด
“อยากจะไป ก็ไสหัวไปเถอะ แต่จำไว้ไอ้นาย หากกูเห็นมึงเฉียดเข้ามาใกล้ยัยอรอีก กูไม่เก็บมึงไว้แน่!!”
ภาคินขู่สำทับ...เขาต้องตัดไฟแต่ต้นลม
“ไม่ต้องห่วงค่ะ พี่นายจะไม่มีวันเฉียดเข้ามาใกล้คุณกับคนของคุณอีก”
พะแพงช้อนตาขึ้นมอง เธอรับคำเสียงสั่น มองสบนัยน์ตาขุ่นมัวด้วยความกล้า ที่แม้แต่พะนายยังไม่เคยทำ
“ดี!!”
ภาคินสะบัดหน้าหนี เขาสบถเบาๆ เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “โธ่โว้ย!!”
ชายหนุ่มหันขวับกลับมา ปากได้รูปเอื้อนเอ่ยวาจาที่พะแพงตัวชา
“ถ้าเธอท้อง...ฉันไม่รับนะ...เพราะถือว่าครั้งนี้มีข้อตกลงที่แน่ชัด แต่เมื่อมันพลาดขึ้นมาแล้ว ไม่ว่ากรณีใด ฉันจะไม่ขอรับรู้!!”
ไม่ได้ตื่นตะลึงแค่พะแพง พะนายเองก็นิ่งอึ้ง...น้องสาวมาไกลขนาดนี้เชียวหรือ เพราะอะไร? หรือว่าเป็นเพราะเขาที่ก่อเรื่อง
“แพง...พี่...” ปากบวมเจ่อมีคราบเลือดเกรอะกรังขยับพูด
“ไม่ใช่ที่นี่ค่ะพี่นาย...รับประกันค่ะ ฉันจะไม่เป็นตัวยุ่งยากให้คุณรำคาญใจ!!”
น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว แววตาโชนแสง เธอเข้มแข็งและอยู่ได้ หากพลาดขึ้นมาจริงๆ ก็ช่วยไม่ได้ แต่เธอจะไม่มีวันทำลาย ‘เค้า’ ทิ้ง และไม่มีวันย้อนกับมาเรียกร้องสิ่งใดจากผู้ชายใจดำคนนี้เด็ดขาด
“ไปกันเถอะค่ะพี่นาย ที่ของเราไม่ใช่ที่นี่”
หญิงสาวพยุงร่างกายบอบช้ำของพะนายลุกขึ้นยืน ประคองลำตัวที่สะบักสะบอมเพราะการถูกทำร้าย ก้าวเดินออกไปจากขุมนรกช้าๆ
ภาคินเม้มปากแน่น เขากัดกระพุ้งแก้ม มีความรู้สึกแปลบๆ ในอก
แต่ก็รีบสลัดความคิดสับสนทิ้ง...จบปัญหากวนใจ ที่ทำให้เขาวุ่นวายเกือบ2 วันเต็มสักที
ร่างบอบบางไหวสั่น แรงสะอื้นเพราะความกดดัน บวกกับความรู้สึกเหมือนใจจะขาดรอนๆ โถมใส่ เกร็ดน้ำตามากมายไหลเปียกหมอนนุ่มจนชุ่มโชก เธอน้อยใจโชคชะตา ตัดพ้อความไม่เท่าเทียมในชีวิต นึกอยากต่อว่าพระพรหม ที่ลิขิตทางเดินชีวิตของเธอให้มาประสบความทุกข์ที่ไม่มีทางแก้
“แกจะร้องไห้...ให้น้ำหมดตัวก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอกยัยอร!!”
เสียงขุ่นขวางแหลมปรี๊ด!! ดังออกมาจาปากเคลือบลิปสติกสีสด ภาวนาทอดสายตามองบุตรสาวคนเดียวด้วยความหมั้นไส้ เพราะเลี้ยงดูมาอย่างดี ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงแบบไข่ในหิน บุตรสาวของนางจึงไม่มีภูมิต้าน หลงคารมไอ้พวกสถุลจนกระทำการแบบไม่ยั้งคิด
หากข่าวนี้เล็ดลอดเข้าหูสื่อ ตระกูลอภิเษศโยธาคงย่อยยับ
เมื่อมันเป็นเรื่อง ‘เสื่อมเกียรติ’ ถึงกับต้องเอาปีบคลุมศีรษะเดินเลยทีเดียว
“คุณแม่ไม่มีวันเข้าใจอรหรอกค่ะ เมื่อคุณแม่ไม่เคยมีความรัก”
สาว17 ปีหันขวับกลับมาเถียง ใบหน้านองน้ำตา แววตาเจ็บปวดรวดร้าว จนมารดาได้แต่สะท้อนใจ