7

1531 Words
“เธอเตรียมตัวเอาไว้แล้วกัน พี่กันจะเดินทางอีกไม่กี่วันข้างหน้า” “พี่กันจะเดินทางไปไหนเหรอ” “ยังไม่รู้เลย คงไปอยู่จังหวัดทางใต้นี่แหละ พี่กันคงมีเพื่อนเลยจะไปอยู่ที่นั่น” ที่จริงเธอรู้แต่แกล้งบอกว่าไม่รู้ กันภัยบอกเธอว่าจะไปอยู่สงขลากับดนัยซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยที่อีกฝ่ายอยู่ประจวบฯ “เธออย่าลืมส่งข่าวให้ฉันรู้นะ ฉันจะรอฟังข่าว” “ได้สิ” มะปรางรับคำก่อนลากลับ เธอยิ้มร้าย สะใจที่กำลังจะเห็นนางฟ้าตกสวรรค์  กันภัยนั่งกอดกระเป๋าเดินทางของตัวเองอย่างเหม่อลอย การจากบ้านเกิดเมืองนอนไปอยู่ที่อื่นนั้น ใจเขามีความกังวลอยู่ว่า ไปแล้วจะดีหรือจะแย่กว่าเดิม แต่ก็หวังว่าชีวิตจะดีขึ้น เขาเริ่มมองทิวทัศน์ข้างทางเมื่อรถไฟออกจากชานชาลา สุดปลายทางของชีวิตมันจะเป็นเช่นไรไม่รู้ แต่ตอนนี้เขาได้ออกเดินทางอีกครั้ง กันภัยรู้สึกว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูก การรู้สึกว่าชีวิตนี้ไร้ญาติขาดมิตรและตัวคนเดียวบนโลก มันทำให้เขารู้สึกเหงา เคว้งคว้าง มะปรางบอกว่ารันนรินทร์ไม่สามารถออกมาพบเขาได้ แถมยังถูกตรวจค้นตัวไม่ให้เข้าบ้านไปง่ายๆ จึงไม่มีจดหมายตอบกลับ  เขาเข้าใจและฝากบอกมะปรางไปแล้วว่าจะเดินทางลงใต้ไปอยู่สงขลา ดนัยซึ่งเป็นเพื่อนกันบอกว่ามีงานให้เขาทำ คิดว่าอาจจะเก็บเงินได้อีกสักก้อน “นั่งคนเดียว เหงาไหมคะ” คนที่นั่งลงตรงข้ามกับกันภัยทำให้เขาต้องกะพริบตาหลายครั้ง ไม่แน่ใจว่าเขาตาฝาดไปหรือเปล่า หรือเขากำลังฝันไป “พี่กันไม่ได้ฝันหรอกค่ะ ลองจับดูสิ” เธอยื่นมือไปหาเขา ก่อนจะกุมมือเขาเอาไว้เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเหมือนไม่ค่อยแน่ใจ “ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ” “รันมาได้ยังไง ไหนปรางบอกว่า...” เหมือนเขาเพิ่งหาเสียงเจอ เมื่อทุกอย่างไม่ใช่ความฝันแต่เป็นเรื่องจริง “รันก็ให้ปรางช่วยยังไงคะ ขอรันไปด้วยคนนะ” รันนรินทร์ตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่กับกันภัย เธอโตพอที่จะตัดสินใจเองได้ ที่สำคัญก็ไม่อยากถูกบังคับให้แต่งงานกับลูกผู้ว่าฯ ชีวิตนี้เธอขอเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง และมั่นใจว่ากันภัยจะดูแลเธออย่างดี เธอสามารถฝากฝังชีวิตกับเขาได้ “รันตัดสินใจดีแล้วเหรอ” กันภัยเอ่ยถาม เขาไม่อยากทำให้ใครลำบาก แต่ถ้าเธอพร้อมจะไปกับเขา เขาก็จะดูแลเธอให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ “รันตัดสินใจดีแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้หรอกค่ะ” “พี่ไปก็ไม่รู้จะเป็นยังไง” เขายังไม่รู้อนาคตว่าไปแล้วจะไปเจอกับอะไรบ้าง ถ้าตัวคนเดียวมีอะไรเกิดขึ้นมาก็คงไม่ต้องห่วงมาก แต่ถ้าเธอไปด้วย เขารู้สึกเป็นห่วงเป็นกังวล กลัวเธอจะลำบาก “รันไม่กลัวลำบากหรอกค่ะ รันรักพี่กันนะ” “พี่ก็รักรัน หากรันตัดสินใจจะไปกับพี่ พี่จะดูแลรันให้ดีที่สุด” เมื่อเธอตัดสินใจดีแล้ว เขาก็ให้คำมั่นสัญญา  “เราค่อยไปกราบคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ” เธอลุกจากที่นั่งตรงข้ามมานั่งใกล้ๆ เขา ก่อนจะพิงศีรษะกับไหล่กว้างของเขา เขาลูบผมของเธอไปมา มองออกไปนอกทางรถไฟอย่างไร้จุดหมาย กันภัยพารันนรินทร์เดินทางจากประจวบคีรีขันธ์ไปอยู่สงขลา ทั้งสองจังหวัดมีทะเลเหมือนกัน แต่ต่างกันคือความรู้สึกของการแปลกที่แปลกทาง เพื่อนของกันภัยมีที่ทาง มีบ้าน มีโรงสี มีทรัพย์สินสมบัติที่ดินและอสังหาริมทรัพย์มากมาย อีกทั้งยังมีโรงแรมรีสอร์ตที่ครอบครัวร่วมกันเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นเครือญาติที่ช่วยดูแล เป็นมรดกที่ตกทอดมายังรุ่นลูกหลาน ปู่ของดนัยมีภรรยาหลายคน ทุกคนจึงช่วยกันบริหาร อีกทั้งตลาดในตัวเมืองที่มีเงินสะพัดหลายสิบล้านบาทในแต่ละเดือนก็เป็นกิจการของครอบครัวที่ทุกคนได้รับผลประโยชน์จากเงินกงสี  ดนัยให้กันภัยพักอยู่ที่บ้านใกล้ทุ่งนาซึ่งเป็นบ้านที่ปล่อยทิ้งไว้ไม่มีใครอยู่ บ้านไม้ใต้ถุนสูงและอากาศดีทำให้ทั้งสองพึงพอใจเป็นอันมาก กันภัยบอกเพื่อนว่าขอที่อยู่ที่สงบไม่พลุกพล่านไม่เป็นที่สนใจ ดนัยจึงพามาอยู่ที่นี่ เพราะกันภัยและรันนรินทร์เองกลัวถูกตามเจอ มาอยู่บ้านห่างไกลผู้คนแบบนี้น่าจะดีกว่าไปอยู่ตึกแถวหรืออาคารบ้านเรือนในตลาดที่ดนัยเสนอแต่แรก “นายอยู่ได้ใช่ไหม ขาดเหลืออะไรก็บอกนะ” ดนัยคุยกับเพื่อน เมื่อพาทั้งสองมาดูบ้านไม้ใต้ถุนสูงที่ตัวเองคิดว่าน่าจะหลบคนของบิดามารดารันนรินทร์ได้สักระยะ เขาต้องใช้คำว่าสักระยะเพราะพอจะรู้ว่าคุณประจวบและคุณรำเพยเองก็มีอิทธิพลพอสมควร สักวันก็ต้องตามมาเจอตัวจนได้ “อยู่ได้ ต้องขอบใจนายมาก แล้วเรื่องงาน...” กันภัยพูดยังไม่ทันจบอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาเสียก่อน  “ถ้านายไม่คิดอะไรมาก ไปทำงานที่โรงสีก่อนก็ได้ นายโอเคไหม”  “ฉันโอเค” กันภัยรับคำไม่อิดออด ตอนนี้ขอให้มีที่อยู่มีงาน เขากับรันนรินทร์ก็ไม่อดตาย อย่างอื่นค่อยว่ากัน “ข้าวสารไม่ต้องซื้อนะ ผักที่นี่โคตรถูกเลย ชาวบ้านเขาปลูกกันแบบปลอดสารพิษขายกันกำละห้าบาทสิบบาทเอง ตลาดอยู่ไม่ไกลถ้านายอยากกินอะไรก็ไปหาซื้อได้เลย ส่วนค่าแรงของนายก็ตามที่ตกลงก่อนหน้า พักให้หายเหนื่อยสักวันสองวันก่อนค่อยไปทำงาน” ดนัยบอกเพื่อน เมื่อก่อนเขาเคยอยู่ประจวบคีรีขันธ์และกันภันเคยช่วยชีวิตเอาไว้จากโดนโจรจี้ชิงทรัพย์ หลังจากนั้นเลยไม่ใส่เครื่องประดับล่อตาล่อใจแบบนั้นอีก เขากับกันภัยเลยเป็นเพื่อนกันมา ไม่ได้สนใจฐานะทางบ้าน นอกจากน้ำใจไมตรีที่มีต่อกัน “ขอบใจมากดนัย” กันภัยพูดอย่างซาบซึ้งใจ  “เออๆ ช่วยกัน แกพักตามสบายเลย ที่นี่มีตลาดตอนเย็น เดี๋ยวจะมาพาไปเที่ยว” “ขอบใจมากเพื่อน” “ไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้เอง นายกับรันพักให้สบายเถอะ ฉันขอตัวก่อน” ดนัยกลับไปแล้ว กันภัยมองสบตาแฟนสาวอีกครั้ง เขาไม่ค่อยมั่นใจว่าเธอจะอยู่ได้หรือเปล่า เพราะรันนรินทร์เป็นลูกคุณหนูอย่างที่มะปรางว่าจริงๆ นั่นแหละ เขารู้ว่าเธอสุขสบายมาตั้งแต่เกิด “รันอยู่ได้จ้ะ พี่กันกังวลเหรอ” เธอเอ่ยถามเหมือนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “พี่กลัวรันลำบาก” “โธ่... พี่กันจ๊ะ รันไม่ได้กลัวความลำบากขนาดนั้นหรอก” “เดี๋ยวเราช่วยกันจัดของดีกว่านะ” “ค่ะ” กันภัยมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและรักความสะอาด เขาจัดข้าวของเข้าที่ บ้านช่องนั้นถูกทำความสะอาดไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีฝุ่นอยู่บ้างประปราย เขานึกขอบคุณดนัยที่ช่วยเหลือในเรื่องนี้ มองออกไปจากหน้าต่างบ้านก็เห็นนาที่ตื้นเขินและไม่ได้ผ่านการทำมาหลายปีแล้ว เขาคิดว่าเวลาว่างจากโรงสีคงจะปลูกผักเอาไว้กินไว้ขาย จะได้ไม่ต้องซื้อ น่าจะประหยัดและเก็บเงินได้อีกมาก “ที่นี่อากาศดีจังเลยนะจ๊ะพี่กัน” “ใช่จ้ะ ที่นาตรงบริเวณนี้เป็นของดนัยทั้งหมด พี่ว่าจะขอเอาไว้ปลูกผักตอนที่ไม่ได้ไปทำงานที่โรงสีแล้ว” “เดี๋ยวรันจะช่วยนะจ๊ะพี่” “แต่...” “ไม่มีแต่จ้ะ รันอยากช่วย พี่กันอย่าทำเหมือนกับว่ารันทำอะไรไม่เป็นแบบนี้สิจ๊ะ” เธอไม่อยากให้เขามองเธอเป็นคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ อยากให้มองว่า เธอก็ทำอะไรได้เหมือนคนอื่นๆ  “ไม่ใช่พี่จะหาว่ารันทำอะไรไม่เป็นหรอกนะ แต่ไม่อยากให้รันลำบาก” “หยุดพูดเรื่องรันจะลำบากไปเลย ไม่อย่างนั้นรันจะไม่คุยกับพี่กันแล้ว” เธอพูดอย่างงอนๆ “รัน... พี่ขอโทษ” เขาจับมือเธอมากุมเอาไว้ รันนรินทร์พิงศีรษะกับไหล่กว้างของเขาอย่างฝากเนื้อฝากตัว “รันรักพี่กันนะจ๊ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอแค่มีพี่กันอยู่ใกล้ๆ รันก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่กลัวเหนื่อยไม่กลัวลำบาก ไม่งั้นรันคงไม่หนีมาอยู่กับพี่หรอก” 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD