ตอนที่ 4

1148 Words
หญิงสาวร่างเล็กร้องบอกคนในบ้านเหมือนทุกครั้งเพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องทำมาตั้งแต่เด็ก เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ขณะถอดรองเท้าวางลงบนชั้นรองเท้าแล้วเดินเข้าบ้าน ดูเหมือนว่าแม่เลี้ยงและพี่สาวลูกติดแม่เลี้ยงของเธอน่าจะไม่อยู่บ้าน... นับว่าเป็นโชคดีเพราะเธอจะได้ไม่ต้องวุ่นวายใจกับการถูกหาเรื่องมากนัก ร่างเล็กเดินไปตรวจสอบตามห้องต่าง ๆ ของบ้านเพื่อดูว่ามีงานบ้านที่ต้องทำอีกหรือไม่ งานบ้านในวันนี้เหลือเพียงแค่กวาดบ้านนิดหน่อย เธอจึงทำให้เสร็จแล้วกลับลงไปที่ห้องนอนของตัวเองซึ่งอยู่ติดกับห้องครัว มือเรียวบางเปิดดูรูปและคลิปวิดีโอในโทรศัพท์ที่ถ่ายมาวันนี้แล้วอดยิ้มไม่ได้ แค่นึกถึงช่วงเวลาที่ได้เจอเขาก็ดีใจมากจนไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นความรู้สึกอย่างไร แม้ว่าจะถูกเขาเย็นชาใส่ แต่เธอก็ยังคงมองว่ามันเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่า หญิงสาวหยิบของต่าง ๆ ออกมาจากกระเป๋ารวมถึงขนมที่ซื้อมาในวันนี้ด้วย เธอมักจะลองชิมขนมตามร้านในห้างเพื่อนำไปปรับสูตรขนมให้ถูกปากลูกค้า ทว่าวันนี้กลับแตกต่างจากวันอื่น ๆ เพราะรู้สึกได้ว่ามีของบางอย่างหายไป มือเล็กรีบค้นหาลิปสติกสีโปรดในกระเป๋าของตัวเองแต่ก็ไม่เจอเสียทีจนต้องบ่นพึมพำออกมาคนเดียว “หายไปไหนเนี่ย...ต้องตกไปตอนนั้นแน่เลย” ใบหน้าสวยหวานเริ่มตึงเครียดขึ้นมาเมื่อนึกถึงตอนที่ชนกับปภังกรจนของหล่นออกมาจากกระเป๋าในตอนนั้น ถ้าหากทำหายไปที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ขนาดนั้นคงไม่สามารถเจอได้ง่าย ๆ แน่นอน... อริสาจึงพยายามทำใจและบอกตัวเองว่าเดี๋ยวค่อยไปหาซื้อลิปสติกแท่งใหม่ตอนที่ขายขนมได้ดีก็แล้วกัน ก่อนจะหยิบขนมขึ้นมาชิมอีกครั้ง ระหว่างที่เธอกำลังทำความสะอาดห้อง และจัดของในห้องให้เรียบร้อยกว่าที่เคยเป็นอยู่นั้นกลับมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำเอาเธอสะดุ้งนิด ๆ ด้วยความตกใจ หญิงสาวกดรับสายเบอร์ที่ไม่ได้เมมเอาไว้ “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ” เธอกรอกเสียงไปตามสายพร้อมทั้งมือก็สาละวนหยิบจับสิ่งของขึ้นชั้นเพื่อความเป็นระเบียบ (ผมคือคนที่เก็บลิปสติกของคุณได้) น้ำเสียงอันคุ้นทำให้เธอจำได้ทันทีว่านั่นคือคนที่เธอเดินชนเมื่อกลางวันนั่นเอง... อริสาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังแสดงสีหน้าอย่างไรออกไป แต่ในใจของเธอตอนนี้กำลังปั่นป่วนไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย จนกระทั่งปลายสายถามเรียกสต (คุณยังอยู่ไหมครับ) “ยังอยู่ค่ะ ขอบคุณที่ติดต่อมานะคะ คุณสะดวกส่งเป็นพัสดุหรือฝากไว้คะ...” เธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักจนดูน่าตลก นึกอยากจะตีปากตัวเองเหลือเกิน (ขอส่งพัสดุก็แล้วกัน ผมไม่ค่อยว่าง) “โอเคค่ะ เข้าใจแล้ว เดี๋ยวเอ๋ยจะส่งที่อยู่ไปให้นะคะ ขอโทษที่รบกวนนะคะ” (โอเคส่งที่อยู่มาแล้วเดี๋ยวผมให้ผู้จัดการส่งให้นะครับ ผมขอตัวก่อน) ยังไม่ทันได้เอ่ยคำพูดตอบรับอีกฝ่ายก็วางสายไปเสียแล้ว นั่นจึงทำให้เธอได้แต่ยกโทรศัพท์มามองหน้าจอด้วยความงงงวยสงสัย แต่ในเมื่อเขาบอกแบบนั้นเธอก็คงทำได้เพียงรอพัสดุส่งกลับมา ก่อนจะพิมพ์ที่อยู่ส่งไปให้ปภังกร หลังจากทำความสะอาดห้องเรียบร้อย หญิงสาวก็ทำหน้าเพลียใส่โทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะนั่งเขียนเมนูที่ลูกค้าสั่งทั้งหมดในวันนี้ใส่กระดาษเอาไว้เพื่อจะได้ส่งให้ลูกค้าเรียงตามลำดับก่อนหลังในวันพรุ่งนี้แล้วจึงค่อยเข้านอน มือเรียวบางเกลี่ยกรอบรูปของแม่บนโต๊ะหัวเตียงด้วยความคิดถึงก่อนจะหลับไปในตอนไหนก็ไม่รู้ แสงแดดในยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนปลุกให้เจ้าของห้องซึ่งกำลังจมอยู่ในห้วงนิทราค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองสิ่งรอบกาย ร่างเพรียวบางลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบแล้วลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันเพื่อเริ่มต้นทำขนมที่เป็นธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเอง อริสาไปทำขนมที่ห้องครัวเพราะเธอได้เก็บเงินซื้ออุปกรณ์ไว้ครบหมดแล้ว ซื้อเอาไว้เพื่อทำขนมขายโดยเฉพาะ หญิงสาวกำลังผิวปากขณะอบบราวนี่อย่างอารมณ์ดีได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงแหลม ๆ ดังขึ้นมา “คุณพ่อเหนื่อยไหมคะ เดี๋ยวหมิวไปเอาน้ำมาให้” อริสากลอกตามองบนเมื่อได้ยินเสียงของพี่สาวลูกติดของแม่เลี้ยงเธอกำลังพูดประจบคุณพ่อแท้ ๆ ของเธอดังมาแต่ไกล เธอเปิดเตาอบที่อบขนมเสร็จเรียบร้อยก่อนจะนำขนมในถาดออกมาตัดเป็นชิ้นขนาดพอดีคำอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน “วัน ๆ แกทำอะไรเป็นบ้างนอกจากทำขนมน่ะ เรียนจบแล้วทำไมไม่ไปหาสมัครงาน ใจคอแกจะทำขนมขายแบบนี้ไปจนตายเลยหรือไง แล้วงานบ้านแกทำเสร็จหรือยัง” สุชาดา หรือ หมิว อายุมากกว่าอริสาสองปี ตอนนี้สุชาดาอายุ 23 ปี หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะจิกกัดกลับไปเช่นเดียวกัน อันที่จริงเธอไม่ใช่คนชอบมีเรื่องกับใครโดยธรรมชาติ แต่เพราะเอือมระอากับนิสัยของคนในบ้านเต็มทนจึงต้องระบายออกมาเสียบ้าง “ฉันก็ทำแทบจะทุกอย่างในบ้านแล้วนะคะ งานบ้านก็เสร็จหมดแล้ว ผลงานของฉันพี่ก็เอาไปอวดคุณพ่อว่าตัวเองเป็นคนทำเองแล้วไง” “แกกล้าพูดแบบนี้กับฉันงั้นเหรอ! นังเอ๋ย นับวันแกยิ่งจะปีกกล้าขาแข็ง เดี๋ยวฉันจะไปฟ้องคุณแม่ให้ไล่แกออกจากบ้านคอยดู” สุชาดาชี้หน้าด่าอริสาอย่างไม่พอใจ “เอาสิคะพี่หมิว ถ้าอยากทำงานบ้านทั้งหมดเองน่ะ” เธอพูดเสียงประชดขณะจัดขนมใส่ถุงกระดาษเพื่อแพ็กของเตรียมส่งให้ลูกค้า พี่สาวขี้อิจฉาของเธอซึ่งในทีแรกทำท่าเหมือนจะเข้ามาทำร้ายก็ได้แต่กระฟัดกระเฟียดเพราะไม่สามารถทำอย่างใจหวังได้ จึงตรงเข้ามาปัดวัตถุดิบของเธอจนหล่นกระจายบนพื้นแล้วเดินจากไปพร้อมกับทิ้งท้ายด้วยเสียงกระแทกกระทั้น “อยู่ได้ก็อยู่ไปเถอะ อย่าให้ฉันไล่แกออกจากบ้านได้ก็แล้วกัน บ้านนี้คงมีความสุขมากขึ้นถ้าไม่มีส่วนเกินอย่างแก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD