ย่างเข้าสู่เทอมแรกของปีการศึกษาสุดท้าย นักศึกษาปีสี่อย่างนาราและเพื่อนๆ ปีเดียวกันในรั้วมหาวิทยาลัยต่างต้องหาสถานที่ฝึกงานเพื่อนำส่งอาจารย์กันแล้ว
นาราและกลุ่มเพื่อนต่างคุยกันเอาไว้ว่า พวกเธอจะไปฝึกงานที่ภาคเหนือของประเทศไทย โรงแรมขนาดใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่คือเป้าหมายของพวกเธอกัน
หากถามว่าจุดประสงค์หลักแท้จริงมีเพียงแค่เรื่องไปฝึกงานอย่างเดียวใช่ไหม เม้มปากแน่นแล้วยิ้มกว้างก่อนจะส่ายหัวออกมา ไม่ใช่เลย
จุดประสงค์หลักคือ พวกเธอจะไปเที่ยวกันต่างหากล่ะ แล้วอีกอย่าง นาราที่ไม่ค่อยได้ออกไปเปิดหูเปิดตาที่ไหนด้วยมันรู้สึกตื่นเต้น
ความที่เป็นเด็กในบ้านของคุณท่านก็รู้สึกเกรงใจ อยู่ฟรีแถมยังมีคนใจดีส่งเสียให้เรียนจนจบมหาวิทยาลัย ข้อนี้จึงทำให้ชีวิตที่ผ่านมาของนารามีแต่บ้านกับโรงเรียน พอโตขึ้นก็เป็นบ้านกับมหาวิทยาลัยวนเวียนกันอยู่อย่างนี้
นานทีถึงจะได้ไปเที่ยวกับเพื่อนสนิท แต่อย่างนั้นก็เป็นเพียงห้างสรรพสินค้าแค่นั้น หากว่าต้องออกไปเที่ยวในตอนกลางคืนกัน ดื่มเหล้าเมามายในผับ นาราไม่เคยสัมผัสชีวิตแบบนั้นสักครั้ง
แล้วถามว่าเธอไม่อยากไปเลยเหรอ พอไม่ค่อยได้ไปเธอก็ชิน
แต่คนที่ยังมีความเป็นวัยรุ่นอยู่ นาราก็อยากรู้อยากลองไม่ต่างจากคนอื่นนักหรอก
ขนาดเพื่อนในกลุ่มยังพากันส่ายหัวเลย เพราะมีเธอเพียงคนเดียวที่ดูเหมือนจะอยู่ในกรอบขนาดนี้
เธอมาคิดๆ ดูว่า อย่างน้อยเกิดมาเธอควรจะให้รางวัลตัวเองหน่อยไหม อีกอย่างจะไปฝึกงานแค่ไม่กี่เดือนเอง มันไม่น่าจะเป็นอะไร
ยิ่งยามใกล้สิ้นปีแบบนั้น อากาศคงจะเย็นฉ่ำสบายดี ที่เที่ยวทางธรรมชาติก็เยอะ กว่าจะฝึกงานจบคงได้ไปครบทุกที่
แค่คิดก็ฟินแล้ว..
หญิงสาวที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นาราอยู่ในชุดนอนสีชมพูเป็นแบบเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวเดียว ด้านล่างยาวลงมาคลุมเข่าเพียงเล็กน้อย เนื่องจากผู้สวมใส่มีส่วนสูงอยู่ที่หนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร
เดินออกจากห้องเพื่อที่ว่าจะเอาเรื่องนี้ไปเรียนกับคุณท่านว่าเธอจะไปฝึกงานที่ไหน เดินด้วยท่าทีสบายๆ ลงบันไดไปหาคนที่กำลังนั่งย่อยอาหารระหว่างนี้ในห้องนั่งเล่น
เราเพิ่งทานข้าวเย็นกันเสร็จ เป็นเธอที่ปลีกตัวขึ้นมาอาบน้ำก่อน ส่วนผู้เป็นเจ้าของบ้านท่านบอกว่าตัวเองแก่แล้วขอนั่งย่อยก่อนจะได้ไม่ท้องอืดตอนนอน
"นารา.." หญิงสูงวัยอายุเจ็ดสิบปี พอเห็นมีใครเดินเข้ามาก็เอ่ยทัก
สาวน้อยรีบฉีกยิ้มหวานให้ เดินไปนั่งลงบนพรมสีเทาที่ด้านล่าง วางมือลงไปกับหน้าขาเรียว ผิวนุ่มๆ เหี่ยวๆ ตามฉบับของคนสูงวัยแล้วบีบนวดเบาๆ อย่างที่ชอบทำ
เด็กสาวออดอ้อนเอาใจคนแก่สารพัดจนเจ้าของบ้านเอ็นดู วางมือลงบนลุ่มผมหนานุ่มแล้วลูบปลอบประโลม
ปกติแบบนี้ตลอดหากว่านาราอยู่กับคุณท่านสองคน เธอชอบนั่งที่ตรงนี้ใกล้ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายเอ็นดู ความคนที่ไม่มีญาติหลงเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว นาราโหยหาความรักความอบอุ่นอย่างปฏิเสธไม่ได้
"มีอะไรหรือเปล่าลูก" เพราะตั้งแต่ที่แม่นาราเสียไปจึงทำให้คนในบ้านหลังนี้เอ็นดูนาราเป็นพิเศษ นอกจากแม่เพียงคนเดียวที่เป็นญาตินาราก็ไม่เหลือใครแล้ว
แม่ของนาราเป็นแม่บ้านที่นี่มานานกว่ายี่สิบปี พ่อของนาราก็เป็นคนสวนของที่นี่ พ่อของเด็กสาวประสบอุบัติเหตุตอนไปกินเลี้ยงงานแต่งเพื่อนเมื่อสิบปีก่อน แม่ของนาราก็เพิ่งมาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจไปเมื่อปีก่อนนี่เอง
"พอดีนารามีเรื่องจะมาเรียนคุณท่านน่ะค่ะ"
"ว่ายังไง"
"นาราจะขอไปฝึกงานที่เชียงใหม่นะคะ นาราอยากไปมากๆ เลยค่ะ" หญิงสาวฉีกยิ้มหวานสดใส แสดงท่าทางว่าเธออยากไปมากๆ ให้คุณท่านเห็นใจ
"เอาสิลูก อยากไปที่ไหนก็ไปเถอะ เดี๋ยวแก่แล้วได้อยู่แต่บ้านเหมือนยายนะลูก" คุณท่านแทนตัวเองว่ายายเพราะอายุเยอะกว่าแม่นาราตั้งหลายปี อีกอย่างเธอแก่แล้ว ลูกชายก็ยังไม่มีเมียสักที ก่อนตายคงไม่ได้เห็นหน้าหลานหรอก จึงได้เอ็นดูนาราเหมือนลูกเหมือนหลานแท้ๆ ยังไงอย่างงั้น
"ขอบคุณค่ะคุณท่าน" นารารู้อยู่แล้วว่าคุณท่านใจดี เธอจึงเลือกที่จะบอกกับท่านก่อนใครคนอื่นยังไงล่ะ
"แล้วบอกตาเคนหรือยัง พี่เราว่ายังไงบ้างไหม" ข้อนี้จึงทำให้นาราเงียบไป หญิงสาวเพียงแค่อมยิ้มออกมาบางๆ เท่านั้น เธอยังไม่ได้บอกผู้ปกครองของตัวเองหรอก
ก็นับตั้งแต่วันที่แม่ของเธอเสีย อีกฝ่ายก็อาสาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเธอทั้งหมด คราแรกเธอจะขอออกไปใช้ชีวิตด้านนอกเพราะเกิดเกรงใจขึ้นมา แต่พอโดนดุไปครั้งนั้น ทำให้นาราเลิกคิดที่จะย้ายออกไปอยู่ที่ไหนอีกเลย แล้วคนที่ดุเธอจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่บุคคลที่ตั้งตนเองขึ้นมาเป็นผู้ปกครองใจดีของเธอ จากนั้นมานาราก็เชื่อฟังอีกคนมาตลอดเลย
"บอกพี่เราด้วยแล้วกัน" เมื่อเห็นเด็กสาวนั่งนิ่งก็พอเข้าใจได้
"นาราว่าจะบอกคุณเคนก่อนไปน่ะค่ะคุณท่าน" เธอจึงได้มาหาที่พึ่งก่อนไง
"บอกแต่เนิ่นๆ เถอะนะนารา" เพราะเธอรู้จักนิสัยลูกชายตัวเองดี เคนเป็นคนชอบทำอะไรมีแบบมีแผน เกรงว่าปุบปับจะทำให้อีกฝ่ายไม่เข้าใจ
ก็ในเมื่อลูกชายเคยคุยกับเธอเอาไว้ก่อนหน้าแล้วว่า หากนาราเรียนจบจะให้น้องไปทำงานที่บริษัทด้วย ไม่แน่ใจว่าจะอยากให้เข้าไปตอนฝึกงานเลยไหม หรือจะให้น้องได้ใช้ชีวิตให้เต็มที่ก่อนโดยไปฝึกงานที่ไกลๆ ข้อนี้เธอไม่อาจรู้ได้
ถึงมันจะแค่ไม่กี่เดือนก็ตาม เธอไม่อยากเป็นฝ่ายอนุญาตตามใจตัวเอง เพราะถือว่ายังไงลูกชายก็เป็นผู้ปกครองของเด็กน้อยคนนี้
อีกอย่างเธอไม่รู้จะอยู่ได้ถึงวันไหนกัน อนาคตก็ต้องเป็นลูกชายที่จะดูแลนาราจนกว่าอีกฝ่ายจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง ซึ่งก็หมายถึงตอนที่นารามีแฟนแล้วแต่งงาน
"ค่ะ เดี๋ยวนาราจะลองคุยกับคุณเคนดูค่ะ"
เสียงรถที่วิ่งเข้ามาในขอบเขตของบ้าน แสงไฟจากรถยนต์ที่สาดส่องเข้ามาผ่านทางกระจกใส ทำให้คนทั้งสองที่เพิ่งจบบทสนทนากันไปหมาดๆ หันไปมองพร้อมกัน
"พี่เราคงมาแล้วล่ะ"
เมื่อคุณท่านว่าอย่างนั้นนาราลุกขึ้นยืนตึงตังเตรียมตัวจะเดินกลับขึ้นห้องนอน เพราะเหตุการณ์อะไรบางอย่างในวันนั้นทำให้เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตรงๆ
"งั้นเดี๋ยวนาราจะบอกคุณเคนอีกทีนะคะ ตอนนี้นาราง่วงมากๆ เลยค่ะ ขอตัวขึ้นไปนอนก่อนนะคะคุณท่าน"
"อืมๆ ไปเถอะ" หญิงสูงวัยมองตามหลังเด็กน้อยที่เดินออกไปจนสุดสายตา ก่อนจะหันกลับมาสนใจทีวีตรงหน้าต่อ