พอลงมาจากรถก็เดินตรงมาหาเพื่อนทั้งสอง ทักทายเจนและทอฟฟี่ ไม่รู้ว่าสองคนนี้สังเกตไหมที่เธออยู่บนรถนาน แต่นาราก็ไม่ได้มองสบตาใครนานนักเพราะกลัวเพื่อนจับผิด
เพื่อนสาวอย่างเจนเป็นคนผมยาวผิวขาว รูปร่างผอมกว่าเธอประมาณหนึ่ง ส่วนคนหลังที่ว่านี้ กะเทยร่างท้วมผิวเข้มที่พ่อตั้งชื่อให้ว่าท็อป แต่พอมาเรียนมหาวิทยาลัยกลับชื่อทอฟฟี่
"มิวล่ะ" นาราถามทันทีเมื่อไม่เห็นเพื่อนสาวอีกคนที่นั่งอยู่ด้วย เพราะวันนี้เธอน่าจะมาสายที่สุดแล้ว
"แอมแพม"
แอมแพมก็คือร้านสะดวกซื้อในมหาลัยที่ขายทุกอย่างตั้งแต่ของกินยันอุปกรณ์การเรียน ยกเว้นชุดนักศึกษา หากจะหาซื้อของเกี่ยวกับการแต่งกายจะอยู่อีกที่หนึ่ง
"ผู้ปกครองมาส่งเหรอยะวันนี้" ทอฟฟี่ถามในสิ่งที่อยากรู้ทันที ตามที่รู้ดีว่าวันพฤหัสบดีคนขับรถของที่บ้านนาราจะมาส่ง แต่วันนี้กลับเห็นเป็นรถที่คุ้นตาอย่างเช่นทุกวันก็นึกแปลกใจ
"ก็ใครจะไปรู้ว่าวันนี้คุณเคนจะรอ" นารานั่งแหมะลง ดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะบ่นอุบอิบออกมา อีกสิบห้านาทีถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว
"แปลกนะยะ" ทอฟฟี่เอ่ยต่อ
"ทำไมเหรอ" แล้วนาราก็หันไปฉีกยิ้มหวานให้เพื่อนสาวผมสั้นประบ่ามีนามว่ามิวกำลังเดินมาทางนี้ มาพร้อมถุงของกินเต็มไม้เต็มมือ
นารายิ้มดี๊ด๊าอย่างดีใจ ยื่นมือออกไปรับนมกล่องหนึ่งที่เพื่อนสาวรู้ใจซื้อติดมือมาให้อย่างเช่นทุกครั้ง ทุกคนรู้ดีว่าเธอชอบกินนมถั่วเหลืองงาดำ
"ขอบใจนะ"
"ก็แปลกที่พ่อแกรอแกไงยะ แกบอกว่าปกติแล้วคุณเคนจะเข้าบริษัทไม่เกินแปดโมงครึ่งไม่ใช่เหรอ" ทอฟฟี่ยังคงไม่ลดละความพยายามในการ..สอดรู้..สอดเห็น
"ก็อืม" ดูดนมไปด้วยตอบคำถามเพื่อนไปด้วยชิลๆ ให้ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรน่ากังวล แต่ใครจะไปรู้ว่าภายในใจดวงน้อยนั้นเต้นไม่เป็นระส่ำเพราะกลัวอีกคนจับได้
"นั่นไง!" ทอฟฟี่ทักท้วงออกมา
"วันนี้เขาคงไม่มีงานด่วนแหละเลิกถามได้แล้วน่า" นาราพยายามทำให้เหมือนว่าไม่มีอะไรน่าสนใจจริงๆ ทั้งที่บนรถเมื่อกี้มันมี!
"แต่ฉันก็ว่ามันแปลกนะเว้ย" คราวนี้เจนที่นั่งฟังทอฟฟี่พูดตั้งแต่ต้นก็เห็นด้วยเหมือนกัน แล้วอีกอย่างที่รถมาจอดตั้งนานทำให้พวกเธอสงสัยมากว่าทำไมนาราถึงไม่ลงจากรถสักที
"นี่พวกแกเลิกถามได้แล้วน่า" ก่อนมือเรียวจะควานหาขนมปังก้อนโตในถุงออกมาแกะกิน เมื่อไหร่จะถึงเวลาเข้าเรียนเนี่ย สถานการณ์กดดันชัดๆ
"แดกอย่างกับไปวิ่งมาร้อยกิโลอย่างนั้นแหละ" คราวนี้ทอฟฟี่ที่เห็นอีกคนกินเอาๆ ก็กระแนะกระแหน
"ร้อยกิโลอะไรเล่า" นาราทำหน้ามุ่ย พลางเคี้ยวขนมปังก้อนโตตุ้ยๆ จนแก้มป่อง
"เอ๊ะนารา!"
"อะไรอีกล่ะเนี่ย นี่ก็สงสัยไม่หยุด" นาราหัวใจเต้นแรงมากขึ้นกว่าเก่า เมื่อไหร่จะถึงเวลาเข้าเรียนสักทีฉี่จะราดแล้วเนี่ย!
"เสื้อแกไปโดนอะไรมา!"
นารารีบก้มมองต่ำลงที่เสื้อทันทีเมื่ออีกฝ่ายว่าอย่างนั้น ก็อุตส่าห์วางกระเป๋าสะพายเอาไว้ตรงหน้าก็ยังตาดีเห็นอีก
"เปล่า สงสัยรีดผ้าไม่เรียบ" นาราบอกปัด "ไปๆ เข้าเรียนเถอะ" ไม่ว่าเปล่าแต่รีบลุกขึ้นก่อนเพื่อนแล้วเดินเข้าห้องเรียนอย่างไว
สามสาวมองตามหลังด้วยความงุนงง ปกติแล้วหากไม่ใช่วินาทีฉิวเฉียดพวกเธอยังไม่รีบเข้าห้องแบบนั้นหรอก นาราเป็นอะไรเนี่ยวันนี้! แต่ก็ยอมลุกเดินตามหลังเพื่อนไป
นั่งรอกันอยู่นานราวยี่สิบนาทีอาจารย์ก็ยังไม่มา
"ทำไมอาจารย์ยังไม่มาอีกนะ" เจนเป็นคนเอ่ยขึ้น
'ทุกคนคะ' แล้วหัวหน้าคลาสที่เป็นสาวประเภทสองรูปร่างผอมบางผิวขาวเหลืองก็เอ่ยขึ้น พร้อมทั้งก้มมองโทรศัพท์มือถือในมือไปด้วย ทุกคนก็ให้ความสนใจฟัง
'อาจารย์ยกเลิกคลาสจ้า!'
"ว้ายยยยยย!!!" กะเทยร่างท้วมปรบมือดังลั่นอย่างดีอกดีใจ ทำเอาสามสาวส่ายหัวออกมาแล้วขำ
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงปรบมือจากใครหลายๆ คนในห้องด้วยเช่นกัน ภาพแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งจนชินตา
หากว่าคาบไหนอาจารย์ไม่มา พวกนักศึกษาบางคนก็จะมีอาการประมาณนี้ โดยเฉพาะวิชาที่อาจารย์โหดๆ แบบนี้ไม่ค่อยมีใครชอบเท่าไหร่
แล้วยิ่งวันนี้คลาสเรียนของนักศึกษาปีสี่ห้องหนึ่ง เอกการโรงแรมที่มีเรียนแค่ช่วงเช้าคาบเดียว สรุปว่าวันนี้ก็ฟรีทั้งวันไปเลยเป็นไง
ระหว่างที่เดินออกมาจากห้องเรียนกัน
"ไปดูหนังกันมั้ย" เจนรีบออกไอเดียทันทีเพราะยังไม่อยากกลับบ้าน อุตส่าห์แต่งตัวสวยตั้งนานจะให้กลับบ้านไปเฉยๆ เสียเวลาเปล่า จึงได้ชวนอีกสามสาวด้วย
"ไปๆ" ทอฟฟี่ตอบอย่างสนอกสนใจ
"เรื่องอะไร" มิวถาม เพราะเธอก็ยังไม่อยากกลับบ้านเหมือนกัน
"ไปดูที่หน้างานกันไหมเผื่อมันมีหนังใหม่" เจนเสนอ ทอฟฟี่ก็เห็นด้วย แต่นารากลับนิ่ง
"ยายนารา!" เจนเรียกเพื่อนสาวที่ไม่ออกความเห็นเหมือนอย่างคนอื่น
"แต่ฉันต้องรีบกลับบ้านอะพวกแก" นาราทำสีหน้าเง้างอด ความจริงไม่อยากบอกเพื่อนออกไปตรงๆ เลยว่าจะไปบริษัท เดี๋ยวก็พากันแซวอีก
"หึ้ยยย เลิกเรียนเร็วแบบนี้จะรีบกลับไปทำไมกัน ไปเดินห้างๆ" ทอฟฟี่ว่า
แล้วนาราก็โดนกะเทยร่างยักษ์ลากตัวไปขึ้นรถ บึ่งรถไปที่ห้างในเวลาสิบโมงครึ่ง
นาราที่คิดว่างั้นไปดูหนังกับเพื่อนก่อนก็ได้ ดูเสร็จค่อยบอกเพื่อนอีกทีว่าจะกลับ อาจจะเลทช่วงหนังจบมาอีกสักครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงไม่น่าจะมีอะไร ก็คล้ายๆ เป็นเวลาเลิกเรียนคาบเช้าจึงได้ยอมมาด้วย
สองสาวอย่างทอฟฟี่และเจนก็พากันไปดูโปรแกรมหนังและทำการซื้อตั๋วกัน โดยที่นาราและมิวเดินไปซื้อขนมอีกทาง ผ่านไปอีกสิบนาทีก็ถึงรอบเข้าชม
ดูหนังจบสี่สาวยิ้มแก้มปริเพราะหนังวันนี้สนุกมากไม่ผิดหวังเลย นารากำลังจะเอ่ยปากขึ้นบอกเพื่อนว่าจะกลับแล้ว
แต่มันไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ไง เพราะตอนนี้นารากลับได้เข้ามานั่งอยู่ในร้านชาบู ก็ทอฟฟี่บ่นว่าหิวเนื่องจากเสียพลังงานไปเยอะ
ก่อนจะต่อด้วยการเดินเลือกซื้อของ แล้วยังโดนเพื่อนๆ ลากกลับมาที่คอนโดของทอฟฟี่ต่อ
ผ่านมาสองชั่วโมงกว่านาราเริ่มอยู่ไม่สุข รอฟังเสียงข้อความเข้าว่าอีกฝ่ายเขาจะตามตอนไหน
แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นว่าจะมีใคร สงสัยที่เขาไม่ตามเพราะคงยุ่งอยู่มั้ง งั้นเธอไปเย็นๆ ก็แล้วกัน
แต่แล้วคนที่ว่าจะเข้าไปหาอีกฝ่ายตอนเย็นกลับนอนหลับที่ห้องของเพื่อนอย่างลืมตัว ด้วยความที่แอร์มันเย็นบวกกับเพิ่งกินอาหารอิ่มมาหมาดๆ ทำให้นาราเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
นาราดีดตัวขึ้นมาอีกทีกลับพบว่าตอนนี้มันเป็นเวลาสองทุ่ม!
ก่อนจะหันไปตำหนิเจ้าของห้องว่าทำไมไม่ปลุกเธอ ก็เห็นสามคนนั้นยังนอนกองกันนิ่งอยู่
ไม่ได้แล้ว! นารารีบวิ่งลงจากเตียงนอนอย่างไว ก่อนคว้ากระเป๋ามาสะพายข้าง วิ่งไปสวมรองเท้าแล้วเปิดประตูห้องออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่วายส่งข้อความกลับมาหาเพื่อนว่าเธอขอกลับก่อน
นารารีบวิ่งลงมาเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บริษัท ถึงไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะยังอยู่ไหมก็ตาม
ตามจริงที่เขายังไม่โทรตาม เขาอาจจะงานยุ่งมากก็ได้วันนี้ อาจยังไม่เสร็จธุระก็ได้ นาราปลอบใจตัวเองว่าอย่างนั้น
แต่พอมาถึงคือ..เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำการล็อกประตูไม่ให้เข้า ย้ำชัดว่าเขาไม่อยู่ที่นี่แล้ว!
"บ้าจริง!" นาราเหมือนคนรู้ว่าตัวเองทำผิด รีบวิ่งออกมาเรียกรถแท็กซี่อีกครั้งเพื่อกลับบ้าน แล้วยี่สิบนาทีก็กลับมาถึง
จ่ายเงินแล้วรีบลงมาจากรถ เดินเข้ามาในเขตรั้วบ้านอย่างไว ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในบ้าน ตามกรอบใบหน้าหวานเริ่มมีเหงื่อซึม
ไม่รู้ว่าเหนื่อยเพราะวิ่งหรือเหนื่อยเพราะตื่นเต้น
แต่พอเข้ามาในบ้านก็เจอกับคุณท่านที่กำลังให้คนในบ้านนวดให้พอดี นาราทำตัวเองให้นิ่งก่อนจะยกมือไหว้ท่านไป
นาราเดินมานั่งลงที่ข้างๆ คุณท่าน ขอเปลี่ยนมือกับพี่แม่บ้านให้อีกคนได้ไปทำอย่างอื่น
"วันนี้เลิกค่ำเหรอลูก" เจ้าของบ้านที่นอนหงายบนโซฟาตัวยาว ดูทีวีไปด้วย ถามด้วยความเป็นห่วง
"พอดีนารามีงานน่ะค่ะคุณท่าน เป็นงานกลุ่มเลยไปทำกับเพื่อน" นาราจำใจต้องโกหกทั้งที่รู้ว่ามันไม่ดี แต่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายนี่ บอกตัวเองเอาไว้แล้วว่าคราวหน้าเธอจะไม่เผลอไผลอย่างนี้อีก
"แล้วคุณเคนกลับมาหรือยังคะ" เธอทำเหมือนว่าตัวเองยังไม่เห็นรถของอีกฝ่ายที่จอดอยู่ข้างบ้าน ทั้งที่เห็นเต็มสองตา!
"มาแล้ว วันนี้พี่เรากลับมาตั้งแต่บ่ายสามโมง"
"คะ บ่ายสามโมงเลยเหรอคะ" นาราที่ได้ยินดังนั้นใจเต้นตึกตัก แล้วทำไมเขาไม่โทรหาเธอกัน ทำไมไม่ไลน์มาตามเธอ
"ตาเคนบอกว่ายกเลิกประชุมตอนเย็น ไม่แน่ใจว่าติดอะไร แต่เห็นทำหน้าเครียดอยู่"
นารากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อได้ยินเจ้าของบ้านว่าอย่างนั้น ก่อนจะชำเลืองมองขึ้นไปทางห้องของผู้ปกครองด้วยความรู้สึกขนลุก
"แล้วนี่ทานข้าวกันหรือยังคะ" นาราถามต่อ เพราะนี่มันเลยเวลาอาหารเย็นแล้วด้วย
"ยายทานแล้วลูก แต่ตาเคนบอกไม่ค่อยหิว เราล่ะ กินอะไรมาหรือยัง ให้แม่บ้านตั้งโต๊ะเลยไหม"
"มะ..ไม่เป็นไรค่ะคุณท่าน" เธอยังอิ่มอยู่เลย เพราะยัดชาบูไปเต็มพุงขนาดว่าจะไม่กิน
สบายตัวแต่ในใจรู้สึกผิดชะมัด!
ผ่านมาอีกครึ่งชั่วโมงที่นาราพาตัวเองกลับขึ้นมาอยู่บนห้อง ทำใจอยู่นานว่าจะเดินไปขอโทษอีกฝ่ายเลยดีไหม
กลัวว่าเขาจะตำหนิก็กลัว กลัวว่าเขาจะกักขังบริเวณอย่างที่เคยพูดกันไปก็กลัว นาราได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องตัวเองอย่างคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงดี
แต่สุดท้ายคนที่สำนึกผิดได้ว่าทำผิดก็ต้องขอโทษ พาตัวเองเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเขาจนได้
ยกมือขึ้นเคาะประตู ภาวนาในใจว่าให้เขาเปิดออกมาแล้วยิ้มให้เธอสักนิดก็ยังดี