เมามายที่ 9
มื้ออร่อยของครอบครัว
“ท่านพ่อ! ท่านแม่! เจ้าผักข้ากลับมาแล้ว”
หลิวซือเย่ส่งเสียงตั้งแต่เดินเข้าเขตรั้วไผ่ผุพังของกระท่อมหลังเล็ก นางเรียกหลิวซือห้าวว่า ‘เจ้าผัก’ นั่นเพราะน้องชายของนางกินผักเก่งอย่าบอกใคร หรืออีกนัยหนึ่งก็คือไม่มีอย่างอื่นให้กินนอกจากผักหญ้าและทุกสิ่งที่หาได้จากในป่า
“กลับมาแล้วเหรอซือเอ๋อร์ นี่พ่อกับน้องชายของเจ้ากำลังจะออกไปตามหาเจ้าในป่า กลัวว่าเจ้าจะไปหมดสติเป็นลมล้มพับลงตรงไหนถึงได้หายไปนานนัก ยิ่งเจ้าไม่ค่อยแข็งแรงแม่ก็ยิ่งกังวล”
ผู้เป็นมารดาเดินกึ่งวิ่งออกมารับบุตรสาวที่ยืนหน้าแป้นแล้นฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงใบหู นางสังเกตเห็นว่าบุตรสาวมีใบหน้าเปล่งปลั่งขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ แก้มเต็มอิ่ม ผิวพรรณผุดผาดขึ้นอย่างผิดหูผิดตา
ราวกับว่าไปได้ยาดียาวิเศษ หรือได้กินโสมคนพันปีเสียอย่างนั้น จึงได้ฟื้นฟูร่างกายส่งให้บุตรสาวยิ่งงดงามน่าหลงใหลขึ้นไปอีกหลายเท่านัก
“กลับมาแล้วหรือขอรับท่านพี่ พอข้ากลับมาจากไปรับจ้างในเมือง ก็ตกใจแทบแย่ที่ไม่พบท่านพี่อยู่ในบ้าน ท่านยังไม่แข็งแรงไม่ควรออกไปเดินตากลมยามเย็นเช่นนี้นะขอรับ”
ซือห้าวเอ่ยด้วยความห่วงใย พลางเดินออกมาคล้องแขนพี่สาวอย่างออดอ้อน ก่อนจะเหลือบไปเห็นนกย่างตัวใหญ่กลิ่นหอมฟุ้งที่พี่สาวถือไว้
“โอ้โหท่านพี่ไปเอานกย่างมาจากไหน ตัวใหญ่อวบน่ากินมากๆ เลย”
เอ่ยถามพลางลอบกลืนน้ำลายลงคอจนลูกกระเดือกกลิ้งกลอกไปมา เผลอยกมือขึ้นลูบท้องด้วยความหิวด้วยยังไม่ได้กินข้าวมื้อเย็นเพราะรอพี่สาวกลับมากินด้วยกันอย่างพร้อมหน้า
“นั่นสิซือเอ๋อร์ เจ้าไปขโมยของใครมาหรือเปล่า จำที่พ่อบอกได้หรือไม่ว่าต่อให้เราอดอยากสักแค่ไหน เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปเบียดเบียนผู้อื่น รีบเอาไปคืนเขาเสียเถอะลูก”
ผู้เป็นบิดาเดินตามออกมาเห็นนกตัวใหญ่อวบราวกับไก่ก็ถึงกับตกใจ แม้จะแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากด้วยอีกคน แต่ก็ต้องสอนลูกให้เป็นผู้มีคุณธรรม ไม่มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อยเอาเปรียบผู้อื่นโดยเด็ดขาด
“สบายใจได้เจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่ ข้าได้มาจากท่านพี่จาง เขาให้นกย่างทั้งสองตัวนี้แก่ข้า เราบังเอิญพบกันในป่าพูดคุยถูกคอนับถือกันเป็นพี่เป็นน้อง ขอท่านทั้งสองอย่าได้กังวลใจไปเจ้าค่ะ”
หญิงสาวตอบฉะฉานพลาง แอบคิดในใจว่าตนไม่ได้เอ่ยความจริงทั้งหมด ที่ว่าพี่น้องนั้นเป็นพี่น้องประเภทท้องชนกันแสนวาบหวาม
“ท่านจางเจียหาว ปรมาจารย์ตีเหล็กที่แสนโด่งดังคนนั้นนะหรือขอรับท่านพี่”
ซือห้าวเอ่ยถามด้วยท่าทางกระตือรือร้น คนผู้นั้นขึ้นชื่อได้ว่าปากหนัก ไม่ค่อยพูด ไม่เคยยิ้ม วันๆ เอาแต่ก้มหน้าตีเหล็ก เรียกได้ว่ามนุษยสัมพันธ์ยอดแย่ แต่กลับมีฝีมือตีเหล็กระดับปรมาจารย์ เมื่อปีก่อนด้วยฝีมือที่เยี่ยมยอดทำให้ช่างตีเหล็กผู้นี้ได้มีโอกาสตีดาบคู่พระหัตถ์ถวายแด่องค์ฮ่องเต้ ได้รับความดีความชอบมากมาย แต่เขาผู้นั้นก็ยังใช้ชีวิตเรียบง่ายดังเดิม
“ใช่แล้วท่านพี่จางที่ข้าเอ่ยถึงก็คือปรมาจารย์ตีเหล็กจางเจียหาว”
ซือเย่พยักหน้าน้อยๆ ไม่แปลกที่ครอบครัวของนางจะตกใจ ที่จู่ๆ บุตรสาวเพียงคนเดียวไปสนิทสนมกับคนที่มีชื่อเสียงระดับนั้น
“นับเป็นวาสนาของเจ้าแล้วซือเอ๋อร์”
ผู้เป็นพ่อยิ้มน้อยๆ แววตาของเขาครุ่นคิดอย่างผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมามาก เขารู้ได้ในทันทีเลยว่าช่างตีเหล็กผู้นั้นสนใจในตัวบุตรสาวของเขา ที่เหลือก็คงเป็นเรื่องของบุพเพโชคชะตาว่าชายหนุ่มหญิงสาวจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปในทิศทางใด
“เดี๋ยวข้ามานะเจ้าคะ”
หญิงสาวยิ้มกว้างก่อนจะก้าวยาวๆ เข้าไปในครัวด้านหลังกระท่อมซึ่งเป็นครัวเปิดโล่ง เพราะในกระท่อมมีเพียงห้องเดียวและต้องนอนด้วยกันทั้งสี่คน
นางวางนกย่างตัวแรกไว้บนเขียงแล้วหยิบอีโต้ขึ้นมาเลาะเอากระดูกออกจากเนื้อ นำกระดูกไปต้มเคี่ยวเป็นน้ำแกงร้อนๆ เอาไว้ซด แยกเศษเนื้อนกส่วนหนึ่งผัดน้ำมันกับพริกแห้งและต้นหอมจากนั้นจึงใส่เห็ดสดลงไปคลุกเคล้า
ส่วนนกอีกตัวนั้นเพียงสับเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปวางบนตะแกรงเพื่ออุ่นให้ร้อน เพียงพริบตาเดียวอาหารเลิศรสก็วางเรียงรายชวนน้ำลายสอ
ทั้งสี่นั่งพร้อมหน้าอยู่ที่โต๊ะไม้หน้าบ้าน พวกเขาต้องกินข้าวกันตรงนี้เนื่องจากพื้นที่ในกระท่อมมีบริเวณจำกัด จะฝนตก จะแดดออก หรือหิมะพร่างพรายก็ต้องทนเพราะไม่อาจทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นกว่านี้
“กะ...กินได้จริงหรือขอรับท่านพี่”
หลิวซือห้าวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราวกับจะร้องไห้ นับตั้งแต่เขาลืมตาขึ้นบนโลกใบนี้ เขาไม่เคยได้สัมผัสกับความสุขความสบายเลยสักครั้ง หลังจากมารดาคลอดเขาก่อนกำหนด บิดาก็ติดคุกจนมารดาล้มป่วย ทุกสิ่งทุกอย่างพังพินาศย่อยยับก่อนที่เขาจะจำความได้เสียด้วยซ้ำ
เขาจึงแตกต่างจากผู้เป็นพี่สาว ที่เคยได้รับความสุขสบาย เคยนอนอยู่บนกองเงินกองทอง นางย่อมผิดหวังและรู้สึกลำบากมากกว่าเขา นั่นเพราะเขาไม่เคยสบายจึงไม่มีสิ่งต้องเปรียบเทียบจนทำให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอันใด
“แน่นอนสิ”
ซือเย่ยิ้มกว้างใช้ตะเกียบคีบน่องนกย่างใส่ถ้วยบิดา คีบอีกน่องใส่ถ้วยมารดา แล้วคีบส่วนอกซึ่งมีเนื้อแน่นๆ อุดมไปด้วยโปรตีนใส่ถ้วยน้องชาย ส่วนนางนั้นขอตรงส่วนสะโพกติดมันแสนอร่อย
ผู้เป็นบิดากัดนกเข้าไปเพียงคำเดียวก็ถึงกับปล่อยโฮร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น
“ขะ...ข้าเสียใจ ที่แม้แต่อาหารดีๆ ก็ยังหามาให้ครอบครัวอิ่มท้องไม่ได้ ขะ...ข้า ฮึกๆ”
พูดพลางเคี้ยวนกตุ้ยๆ อยู่ในปาก สะอึกสะอื้นจนแทบสำลัก จนภรรยาต้องรีบรินน้ำชาให้แล้วจัดการลูบหลังลูบไหล่เป็นการใหญ่
“ท่านพ่ออย่าได้เสียใจไปเลย ต่อจากนี้ข้าจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวของเรามีความสุขที่สุด ขอให้ท่านไว้ใจข้าเถอะนะ”
หลิวซือเย่ยื่นมือลงไปวางบนหลังมือของบิดาอย่างปลอบโยน แม้นางจะยังไม่รู้ว่าจะหาเงินด้วยวิธีใด แต่อย่างน้อยๆ ร่างกายที่นางอาศัยอยู่ในตอนนี้ก็ยังเยาว์วัย งดงาม แข็งแรง และมีมันสมองที่ปราดเปรื่อง ดังนั้นในไม่ช้านางจะต้องหาอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองและหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำในเร็ววัน
“ขอบใจนะซือเอ๋อร์ พ่อขอบใจเจ้ามาก”
“เรามาอร่อยกับอาหารมื้อนี้กันดีกว่า ถ้าท่านช้าข้าจะกินนกย่างให้หมดคนเดียวเลย”
ซือห้าวเอ่ยขึ้นพร้อมกับแลบลิ้นทำท่าทางตะกละตะกลาม ทำให้ทุกคนต่างหัวเราะครื้นเครง การกินอาหารมื้อนี้จึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และความอิ่มเอมใจ
“ฮึ! หัวเราะเสียงดัง แถมกินอาหารหรูหรา ผู้ดีตกยากอย่างพวกแกไปขูดรีดเอาเงินทองของใครมาอีกเล่า”
เสียงเมามายตะคอกห้วนอย่างไม่พอใจ ทำให้ครอบครัวสกุลหลิวที่เพิ่งอิ่มหนำสำราญถึงกับหุบยิ้มแล้วมองไปยังชายรูปร่างผอมแห้งนัยน์ตาแดงก่ำด้วยความเบื่อหน่าย
ทุกคนล้วนคิดในใจว่า ‘อีกแล้วเหรอ’ เหตุใดชายผู้นี้จึงจงเกลียดจงชังพวกเขานัก ทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอันใดต่อกัน
“เจ้าเมาแล้วก็ไปนอนเถอะ”
หลิวซีถิงลุกขึ้นแล้วเดินไปตบไหล่คนเมา ไม่อยากให้บรรยากาศที่แสนสงบสุขของครอบครัวต้องพังทลายเพียงเพราะคนขี้เมาปากพล่อยเพียงคนเดียว
“อย่ามาแตะต้องตัวข้า! ถุย!”
หม่าจื่อฉวนสะบัดไหล่อย่างแรงจนซีถิงถึงกับเซถอยหลัง เกือบจะล้มลงทว่าซือเย่ปราดเข้าไปประคองบิดาเอาไว้ได้ทัน คนเมาถมน้ำลายลงบนพื้น มองกราดไปยังทุกคนด้วยท่าทางหาเรื่อง
“ไอ้พวกอดีตพ่อค้าฆ่าคนตาย พวกแกมันสวะน่ารังเกียจ ทุกวันนี้ชีวิตความเป็นอยู่ก็โคตรน่าสมเพช แต่ดูสิดู... กลับทำเป็นหน้าใหญ่กินเนื้อสัตว์ราคาแพง”
เพล้ง!
คนเมาไม่หยุดเพียงเท่านั้น ยังปราดเข้าไปล้มโต๊ะกินอาหารของครอบครัวสกุลหลิวจนล้มคว่ำไม่เป็นท่า
หลิวซือเย่ยืนนิ่งกัดฟันกรอด ในความทรงจำเก่าของร่างนี้ ‘หม่าจื่อฉวน’ นับเป็นคนพาลสันดานหยาบ ติดพนัน ติดสุรา ชอบทุบตีลูกเมีย ปากเสีย และเกลียดชังคนรวยเข้ากระดูก ดังนั้นเมื่อครอบครัวของนางตกอับมาสร้างกระท่อมอาศัยอยู่ที่นี่ จึงมักถูกรังแกเรื่อยมา
มารดาและลูกชายหญิงถูกไอ้เลวนี่คอยดูถูกถากถางด้วยปากคอเราะราย ร้ายสุดคือพูดลวนลามมารดาของนางหวังอยากได้เป็นเมียน้อย เพราะเมียของตนเองนั้นป่วยกระเสาะกระแสะ มารดาของนางไม่ยอมจึงยิ่งถูกรังแกเรื่อยมา
และความสถุนก็เพิ่มทวีคูณขึ้นเมื่อบิดาของนางออกจากคุก มันไม่กล้ารังแกหญิงที่มีสามีคุ้มครอง มันจึงมักหาเรื่องมายืนด่าทอเสียงดังสร้างความรำคาญไม่หยุดหย่อน
และใช่... แม้นี่จะเป็นร่างของหลิวซือเย่ แต่จิตวิญญาณเป็นของแม่เล้ายองใยที่กำลังโกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้า แล้วโดยที่ไม่มีใครตั้งตัว นางก็วิ่งเข้าหาจื่อถงด้วยความเร็ว ก่อนจะกระโดดถีบขาคู่เข้าที่กลางอกของอีกฝ่ายอย่างแรง
ผลัวะ!