เมามายที่ 7
ชอบข้าไปนานๆ นะ
“อร่อยจังเลย”
นางกินไก่ป่าครึ่งตัวจนหมดภายในพริบตาเดียว เท่านั้นยังไม่พอจางเจียหาวแบ่งส่วนของเขาให้ นอกจากนางจะไม่ปฏิเสธแล้วยังกินจนหมดแทบจะดูดแทะกระดูกจนไม่เหลือเศษเนื้อ
“เลอะหมดแล้ว”
จางเจียหาวโน้มกายไปใกล้ๆ แล้วใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยริมฝีปากอวบอิ่มที่มันแผล็บจากการกินไก่อย่างมูมมาม
ตึก! ตึก! ตึก!
จู่ๆ หลิวซือเย่ก็ใจเต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ หัวใจของนางเต้นตูมตามพร้อมๆ กับที่ใบหน้าร้อนผ่าว ความอบอุ่น ความใจดีของช่างตีเหล็กทำให้นางหวั่นไหวอย่างที่ในชาติก่อนนางไม่เคยรู้สึกกับชายใด
“ขะ...ขอบคุณ”
นางเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก จู่ๆ ก็รู้สึกเขินขึ้นมาเสียดื้อๆ ปกติแล้วนางเป็นผู้หญิงหน้าทนจะตายไป หรือนี่อาจเป็นเพราะนางอยู่ในร่างของเด็กสาวใสซื่อเป็นแน่
“ยังเพลียอยู่หรือ ใบหน้าของเจ้าแดงมาก”
“อะ...เอ่อ เจ้าค่ะ”
นางตอบรับไปเสียดื้อๆ จะให้บอกว่าจู่ๆ ก็ใจเต้นแรงเพียงเพราะเขายื่นนิ้วมาเช็ดปากให้ แถมโน้มใบหน้าลงมาจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดลงบนหน้าผากนะหรือ
นางจะบอกแบบนั้นได้อย่างไรเล่า!
“เช่นนั้นรีบกลับบ้านเถอะ ข้าจะไปส่งเจ้าเอง”
“เจ้าค่ะ”
ทว่าทันทีที่นางลุกขึ้นยืน แข้งขาที่อ่อนแรงเพราะต้องหยัดกายให้เขากระแทกเอวสอบรัวๆ ก็อ่อนพับจนล้มลงไปกองอยู่ที่ผืนดินไม่เป็นท่า นางอ้าปากเหวอด้วยความตกใจแต่นั่นกลับทำให้คนตัวโตถึงกับเผลอหัวเราะออก
“เด็กซุ่มซ่าม มาเถอะข้าจะแบกเจ้าเอง”
เขายอบกายลงแล้วหันหน้ามาพยักพเยิดให้นางขึ้นขี่หลัง ซือเย่มองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มแล้วยิ่งใจเต้นโครมคราม ให้ตายเถอะชาติก่อนนางใช้ชีวิตมากว่าสามสิบปี ไม่เคยได้ขี่หลังผู้ชายคนไหนเลย ทำได้แค่นั่งกัดผ้าเช็ดหน้าอิจฉานางเอกในซีรีส์เกาหลี
แต่เวลานี้นางจะได้ขี่หลังช่างตีเหล็กมาดเซอร์ หล่อ ล่ำ ปล้ำเก่ง โชคดีชะมัดที่นางได้มาเกิดใหม่ในร่างของแม่นางหลิวซือเย่อีกครั้ง
นางค่อยๆ ขยับกายขี่หลังเขา สองแขนพาดไปกับไหล่กว้าง แล้วอิงใบหน้าซบลงใกล้ๆ ซอกคอของชายหนุ่ม ก่อนจะทำจมูกย่นสูดกลิ่นกายของช่างตีเหล็ก
กลิ่นกายของช่างตีเหล็กแตกต่างจากกลิ่นกายของบุรุษทั่วไป กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นควันไฟแต่ก็เจือไปด้วยกลิ่นเหล็ก เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง ทรงพลัง และดิบเถื่อนไปในเวลาเดียวกัน
“หยุดสูดดมซอกคอข้า และเอามือออกจากนมข้าได้แล้ว หากเจ้าไม่อยากถูกข้าเอาจนสลบไปอีก”
เสียงห้าวคำรามขึ้นราวกับกำลังเหลืออดเหลือทน ดูเอาเถอะพอนางได้นอนหลับกินอิ่มก็เริ่มลวนลามเขาทันที แขนที่ห้อยพาดลงมาจากบ่าของเขาล้วงลงมาบีบขยำอกแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างมันมือ ในขณะที่จมูกเล็กเชิดรั้นก็ซุกไซ้ซอกคอจนเขาถึงกับหายใจติดขัด
“อะ...เอ่อ ขะ...ข้าลืมตัวไปหน่อย ไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ”
หลิวซือเย่ปฏิเสธเป็นพัลวัน รีบชักมือออก ก่อนจะหันหน้าออกจากซอกคออุ่นๆ ของเขา ใบหน้าแดงก่ำระเรื่อไปด้วยเลือดฝาด ให้ตายเถอะนางใจเต้นแรง หน้าแดง สั่นไปทั้งเนื้อทั้งตัวราวกับสาวน้อยเพิ่งริรัก
‘หึ’
เขาเพียงหัวเราะกับคำตอบของนาง เด็กน้อยแสนซนอยากรู้อยากเห็น ช่างน่ารักน่าปล้ำเสียจริง
ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งเริ่มเห็นหลังคาบ้านเรือนของชาวบ้านตั้งอยู่ไกลๆ หลิวซือเย่จึงตัดสินใจพูดออกมาว่า
“ท่านจางเจ้าคะ ท่านไม่ต้องคิดมากที่ร่วมหลับนอนกับข้าหรอกนะเจ้าคะ สบายใจได้...ข้าไม่คิดเรียกร้องให้ท่านรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น เพราะท่านและข้าก็ต่างมีความสุขกับสิ่งที่ทำลงไปร่วมกัน”
“หากเจ้าท้องเล่า”
เขาย้อนถามด้วยน้ำเสียงแปร่งพร่า
“ไม่ท้องหรอกเจ้าค่ะ”
หญิงสาวรีบปฏิเสธทันควัน ในเมื่อเขาหลั่งนอก โอกาสท้องอาจมี แต่นางซึ่งอยู่ในร่างของหลิวซือเย่ มีชุดความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรมากมาย นางสามารถต้มสมุนไพรเพื่อยับยั้งไม่ให้มีการปฏิสนธิโดยที่ไม่ต้องการได้
“เช่นนั้นเจ้ารังเกียจข้าหรือ”
น้ำเสียงที่ถามนั้นคล้ายเสียใจจนสั่นเครือ เมื่อซือเย่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ รีบปฏิเสธเสียงหลง
“ไม่เลยขะ...ข้าชอบท่านต่างหาก”
พูดออกไปแล้วก็ถึงกับเงียบกริบ ต่างคนต่างได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นแรงราวกับเสียงกลองศึกในสนามรบก็ไม่ปาน
“ขะ...ข้าชอบท่าน แต่ข้าก็อยากให้ท่านได้พบกับหญิงสาวที่ดี หญิงที่จะเป็นแม่บ้านแม่เรือนและคลอดบุตรธิดาให้กับท่าน ตัวข้าเองมีสิ่งที่อยากทำมากมาย ยังไม่คิดจะลงหลักปักฐานเป็นภรรยาของใครโดยง่าย ขอท่านโปรดเข้าใจ”
หญิงสาวพยายามอธิบายยืดยาว ชีวิตของนางในตอนนี้หากแต่งงานกับเขา ครอบครัวของนางก็คงสบายมีกินมีใช้ ทว่านางมีความแค้นที่ต้องสะสาง และที่สำคัญนางอยากกอบกู้สกุลหลิวกลับคืนมาด้วยหนึ่งสมองสองมือ
หากนางแต่งเข้าสกุลจาง คงทำอะไรต่อมิอะไรเพื่อสกุลหลิวไม่ได้มากนัก
“ข้าเองก็ชอบเจ้าซือเอ๋อร์”
ช่างตีเหล็กสารภาพความในใจออกมาพร้อมกับเรียกขานนางอย่างสนิทสนมเอ็นดู
“ข้าไม่รู้หรอกว่าภายภาคหน้าจะเป็นเช่นไร เจ้าอาจเจอชายสักคนที่ดี ข้าอาจเจอหญิงสักคนที่ใช่ แต่ระหว่างที่เรายังไม่เจอใคร เจ้าจะชอบข้าแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ได้หรือไม่”
“ชอบไปเรื่อยๆ หมายถึงเอากันไปเรื่อยๆ เหรอเจ้าคะ”
หลิวซือเย่ถามออกไปตรงๆ ตามประสาซื่อ ยังผลให้จางเจียหาวแทบจะสะดุดปลายเท้าตัวเองล้มลง
“เด็กบ้า! เป็นผู้หญิงเหตุใดเจ้าจึงห่ามนัก”
“กะ...ก็ หรือท่านจางตีความหมายไปอย่างอื่น”
“....”
จางเจียหาวถึงกับนิ่งอึ้งเมื่อถูกย้อนถามเช่นนั้น นั่นสิ... ความหมายของการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปเรื่อยๆ มันจะคิดเป็นอื่นไปได้ด้วยหรือ
ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!
แล้วทั้งสองหัวเราะผสานกันด้วยความขบขัน ซือเย่กอดเขาแน่นขึ้น ก่อนจะหันหน้ากลับมาแล้วจุ๊บลงไปที่แก้มสากระคายของช่างตีเหล็กแผ่วเบา
“ข้าจะชอบท่านแบบนี้ตลอดไปเจ้าค่ะ”
“ได้ยินแค่นี้ข้าก็มีความสุขมากแล้ว”
ใบหน้าครึมเข้มของช่างตีเหล็กแดงระเรื่อ เมื่อได้ยินคำมั่นเช่นนั้นของหลิวซือเย่ นางยังเป็นเด็กสาว อนาคตของนางยังอีกยาวไกลนัก
แต่ไม่ว่าทางข้างหน้านางจะเลือกเดินเช่นไร เขาก็จะคอยอยู่เคียงข้างปกป้องนางอย่างเต็มที่ เพราะเขานั่นชอบนางเกินกว่าจะครอบครองนางไว้แต่เพียงผู้เดียว