“เอ๊ะ! นี่คุณ เดินดูตาม้าตาเรือบ้างสิ ไม่มีตารึไง!”
เสียงเอลล่า นางแบบสาวชื่อดังพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ เมื่อเธอกำลังจะเดินออกจากประตูโบสถ์ที่เธอมาร่วมงานแต่งของเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่กลับมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาชนกับเธอจนหญิงสาวเซเกือบล้มลงไปพนพื้นตรงหน้า
“อ่าว คุณต่างหากเดินไม่ดู นี่มันประตูให้เดินเข้า แล้วจะเดินออกมาทำไมไม่ทราบ!”
อดัมตอกกลับผู้หญิงแว่นดำตรงหน้าทันทีที่เธอกำลังจะเดินหนีออกไป ทำเอาเอลล่ารีบหันกลับมาหาคนที่กล้ามาว่าเธอแบบนี้ด้วยสายตาเคืองโกรธ
“นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร หึ หน้าตาอย่างคุณเขาเชิญมางานด้วยเหรอ กระจอกสิ้นดี”
สิ้นคำดูถูก เอลล่าก็ถอดแว่นตากันแดดอันใหญ่โตออกมาเพื่อเผยให้คนตรงหนาเห็นว่าเธอคือใคร เมื่อเห็นหน้าคนตรงหน้าชัดๆ อดัมถึงกับตกตะลึง เมื่อนางแบบสาวเซ็กซี่ในดวงใจกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้ แต่แค่แปปเดียวเท่านั้น ก่อนที่อารมณ์โกรธจะกลับมา
“หึ ถ้าคนทั้งโลกรู้นิสัยจริงๆของคุณเหมือนผมก็คงดี นางแบบสาวผู้โด่งดัง นิสัยแย่เสียยิ่งกว่าคนธรรมดาไม่มีชื่อเสียงเสียอีก สงสารพวกแฟนคลับคุณจริงๆ”
พูดจบอดัมก็เดินหันหลังออกไปทันที เขาอุตส่าแอบชื่นชอบนางแบบสาวมานาน เพราะด้วยหน้าตารูปร่างเอลล่าถือว่าเป็นผู้หญิงที่สวยเข้าขั้นระดับโลกได้เลย แต่ติดอยู่ตรงนิสัยแย่ๆนี่แหละ แฟนคลับอย่างเขาจึงหมดรักความชื่นชอบนางแบบสาวทันทีทันใด
“อ๊าย! ไอ้บ้า นี่ตาบอดรึไงถึงมาว่าฉันขนาดนี้ ฝากไว้ก่อนเถอะ ฮึ่ย!!”
เอลล่าแทบอยากกรีดร้องเสียงดังเพื่อให้คนที่พึ่งเดินจากไปได้ยิน แต่เธอต้องรักษาภาพพจน์จึงได้แต่กรี๊ดออกมาเสียงเบาก่อนจะเดินสะบัดตูดไปอีกทาง เพราะวันนี้เธอแค่มาร่วมยินดีในงานแต่งเพื่อนร่วมชั้นเรียนปริญญาโทด้วยกันก็แค่นั้น เมื่องานจบเธอจึงไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องอยู่ต่อ เพราะต้องไปเดินแบบต่อในช่วงเย็น
เอลล่า สมิธ นางแบบสาวที่โด่งดังมาจากเวทีประกวดนางแบบระดับโลกด้วยตำแหน่งรองอันดับหนึ่งของการประกวด แต่ด้วยหน้าตาและบุคลิกที่โดดเด่น ทำให้เธอสามารถก้าวมาเป็นนางแบบระดับโลกได้อย่างไร้ที่ติ แต่ใครจะไปรู้ว่าจริงๆแล้วนางแบบสาวผู้แสนสง่าที่หนุ่มๆเกือบครึ่งค่อนโลกหมายปองนั้น ช่างแสนเอาแต่ใจ และเย่อหยิ่งเกินกว่าที่ชายใดจะสามารถเอาชนะหัวใจอันแข็งกระด้างของเธอไปได้เลยสักคน
หญิงสาวมีงานเดินแบบแทบไม่มีเวลาหยุดพักเลยสักวัน แต่เธอก็ยังใฝ่เรียน โดยเธอได้ลงเรียนต่อปริญญาโททันทีที่เริ่มอยู่ตัวในวงการนางแบบ แต่ก็เป็นไปแบบลุ่มๆดอนๆ เพราะด้วยเวลาไม่ค่อยมี แต่ดีที่มีเพื่อนร่วมชั้นคอยช่วยเหลือ หญิงสาวจึงได้จบพร้อมๆกับเพื่อนคนอื่นๆ
“เป็นอะไรมาคะน้องเอล ทำไมหน้าตาไม่รับแขกอย่างนั้นละคะ ไหนใครทำให้ไม่พอใจ บอกพี่จิมมี่มาเดี๋ยวพี่จิมมี่จัดการให้
จิมมี่ ผู้จัดการส่วนตัวสาวประเภทสองของเอลล่าเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินตามนางแบบสาวเข้ามาในห้องแต่งตัว
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ว่าแต่คนอื่นยังไม่มาอีกเหรอคะ ทำไมในห้องไม่มีใครเลย”
“อ้อ ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวของน้องเอลล่าไงคะ ส่วนคนอื่นๆทางเจ้าของงานให้ไปแต่งห้องอื่น เพราะห้องนี้สำหรับน้องเอลคนเดียวค่ะ”
เสียงจิมมี่เจื้อยแจ้วบอกออกมา จากนั้นพวกช่างแต่งหน้าก็พากันหอบของพะรุงพะรังเข้ามาเพื่อที่จะแต่งหน้าทำผมให้กับนางแบบสาว ซึ่งงานนี้เธอได้เดินในชุดฟินนาเล่ เพราะเจ้าของยอมทุ่มเงินไม่อั้นจ้างเธอมา
“นางแบบพร้อมรึยังครับ มีอะไรขาดเหลือก็บอกพนักงานของผมได้เลยนะครับ”
“แหม คุณจอห์นนี่คะ นี่ต้อมาดูแลความเรียบร้อยด้วยตัวเองเลยเหรอคะ หรือว่าแต่ห้องนี้เป็นพิเศษเอ่ย”
เสียงจิมมี่พูดหยอกล้อออกไปอย่างรู้ทัน เมื่อคนที่พยายามขอให้นางแบบสาวมาเดินแบบให้ก็คือผู้ชายตรงหน้าของเธอตอนนี้ จอห์นนี่นั้นเป็นเศรษฐีหนุ่ม ที่มีครอบครัวไปแล้วแต่ยังอยากมีบ้านเล็กบ้านน้อยคอยปรนนิบัติเหมือนเช่นคนรวยคนอื่นๆ และตอนนี้จอห์นนี่ก็กำลังเล็งเอลล่า นางแบบสุดฮอตอยู่
แต่จิมมี่นั้นรู้ดีว่า เอลล่าเย่อหยิ่งเกินกว่าจะยอมเป็นเมียน้อยของใครต่อใครเหมือนนางแบบคนอื่นๆ ทั้งๆที่นางแบบสาวนั้น เป็นที่หมายปองและถูกทาบทามมาตลอด แต่จิมมี่ก็ต้องบอกปฏิเสธออกไป จนบางทีเธอนั่นแหละที่เสียดายแทนนางแบบสาวจนแทบอยากเสนอตัวเองออกไป ถ้าไม่ติดตรงว่าเธอไม่ใช่หญิงแท้
“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณจิมมี่ก็พูดไป ผมแค่มาดูแลนางแบบวีไอพีของงานเท่านั้นเองครับ ถ้าขาดเหลืออะไรบอกผมได้นะ ผมยินดีหามาให้ทุกอย่าง”
จอห์นนี่บอกออกมาก่อนจะเดินออกไปจากห้องแต่งตัวของเอลลี่ จนนางแบบสาวอดแขวะออกมาไม่ได้
“ไอ้หัวงู มีเมียแล้วยังจะมาทำแบบนี้อีก ใครจะไปเอา ชิส์”
เสียงเอลลี่แขวะออกมา จนพวกช่างแต่งหน้าชะงักมือกันทันที แต่นางแบบสาวไม่สนใจ เพราะมันคือความจริง ก่อนจะนั่งให้ช่างทำผมต่อ โดยมีจิมมี่ชวนพวกช่างแต่งหน้าคุยเพื่อให้ผ่อนคลายกันตามระเบียบ
จากนั้นไม่นานงานเดินแบบของบริษัทเครื่องเพชรชื่อดังก็เริ่มขึ้น โดยมีเอลล่าเป็นนางแบบที่ต้องเดินออกไปคนสุดท้าย หญิงสาวเดินเชิดหน้าราวกับนางพญาพร้อมกับกวาดสายตามองหนุ่มๆและผู้ชมในงานที่กำลังมองมาที่นางแบบสาวอย่างหลงใหลจนแทบจะคลานขึ้นมาบนเวทีถ้าสามารถทำได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีจอห์นนี่เจ้าของงานครั้งนี้ ที่นั่งยิ้มหวานอยู่ข้างๆป้าแก่ๆ ศรีภรรยาของนักธุรกิจหนุ่มนั่นเอง
หึ ไอ้หัวงู เมียนั่งอยู่ด้วยยังมีหน้ามายิ้มโปรยเสน่ห์ให้เราอีก
ในใจอาจจะกำลังด่าทอต่อว่าคนอื่นไปทั่ว แต่ภายนอกหญิงสาวกลับส่งยิ้มหวานยั่วยวนไปให้กับทุกๆคน จนกระทั่ง งานเดินแบบนี้จบลง หญิงสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบขอตัวกลับทันที
“น้องเอลจะกลับแล้วจริงๆเหรอ คุณจอห์นนี่เขาบอกว่าอยากคุยกับหนูเป็นการส่วนตัว จะไม่รอหน่อยเหรอคะน้องเอล”
“พี่จิมมี่คะ เอลเคยบอกไปแล้วว่าเอลไม่รับงานแบบนี้ ถ้าพี่จิมมี่ยังพูดไม่รู้เรื่อง เอลจะเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวค่ะ”
พอได้ยินที่นางแบบสาวบอก จิมมี่ถึงกับหยุดเซ้าซี้ทันที เพราะเอลลี่ถือว่าเป็นตัวทำเงินให้เธอเป็นอย่างดี ถ้าไม่คิดในความเรื่องมากและเอาแต่ใจของนางแบบสาว หญิงสาวก็แทบไม่มีอะไรเสียหายเลยสักนิด