บทที่ 4 I told พระแม่ลักษมี about you ... (1)

1926 Words
วันต่อมาหลังจากคุณหมอเข้ามาตรวจอาการของคนไข้เสร็จเรียบร้อยก็อนุญาตให้คินน์กลับบ้านได้ นายแพทย์หน้าตี๋รูปร่างดียังไม่ทันได้ออกจากห้อง ก็ได้เจอกับสองแฝดและน้ำปั่นที่เดินเข้ามาในห้องของคินน์พอดี สามแม่ลูกไม่ได้นอนที่โรงพยาบาลเนื่องจากไม่สะดวก น้ำปั่นจึงหอบลูกกลับไปนอนที่บ้านแทน “อ้าวคุณคนเมื่อวานนี่คะ” นายแพทย์วายุ พายุพักตร์ ทักทายน้ำปั่นด้วยน้ำเสียงดีใจ จากนั้นก็มองเลยไปยังสองแฝดที่แต่งตัวเหมือนกันทำให้แยกไม่ออกคนไหนพี่คนไหนน้อง “สวัสดีค่ะคุณหมอ” น้ำปั่นยกมือขึ้นมาไหว้คุณหมอหนุ่ม เธอไม่คิดว่าคุณหมอท่านนี้จะเป็นหมอประจำตัวของคินน์ เด็กแฝดเห็นแม่สวัสดีคุณหมอจึงยกมือขึ้นมาด้วย แม่บอกว่าเป็นเด็กต้องมือไม้อ่อนผู้ใหญ่ถึงจะเอ็นดู “ซาหวัดดีคับลุงหมอสุดหล่อ” เต็มรักทักทายคนแรกพลางส่งยิ้มหวาน “ซาหวัดดีคับลุงหมอ” ตามต่อด้วยพี่ชายอย่างเติมรักที่ยกมือขึ้นมาไหว้ลุงหมอขาชิด “สวัสดีครับสองแฝด วันนี้แต่งตัวหล่อกันจังเลย ลุงหมอแยกไม่ออกแล้ว คนไหนลูกชิ้น คนไหนจัมโบ้” เมื่อวานตอนที่อยู่ในห้องน้ำคุณหมอช่วยสองแฝดปลดซิปกางเกงจึงได้ทำความรู้จักกัน เขาจำได้สองแฝดสุดหล่อชื่อลูกชิ้นกับจัมโบ้ “คนนี้จัมโบ้ คนนี้ลูกชิ้น” “ใช่เหรอครับ” “คนนี้ลูกชิ้น คนนี้จัมโบ้” “แกล้งลุงหมอกันใช่ไหม” “คิกๆ” สองพี่น้องหัวเราะด้วยความชอบใจที่ได้แกล้งคนอื่นสำเร็จ มารดาจึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคุณหมอหนุ่ม สรุปคนไหนพี่คนไหนน้อง “เลิกแกล้งลุงหมอได้แล้วลูก คนนี้พี่ลูกชิ้น คนนี้น้องจัมโบ้ค่ะคุณหมอ” “เมื่อวานไม่ทันแนะนำตัว ผมชื่อวายุครับ” “ฉันชื่อน้ำปั่นค่ะ เป็นแม่ของสองแฝดแล้วก็เป็นภรรยาของคุณคินน์” หญิงสาวแนะนำตัวอย่างไม่เคอะเขิน ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้คนป่วยที่กำลังสนใจบทสนทนาของทั้งสองคนอย่างไม่รู้ตัว คินน์เสมองไปทางอื่นหลังจากได้สบตาน้ำปั่น เขาทำเป็นไม่สนใจเธอทว่าหูผึ่งอยากรู้ว่าสองคนนี้คุยอะไรกัน “บังเอิญจริงๆ มาเยี่ยมคุณคินน์กันเหรอครับ” “ค่ะ น้ำพาลูกมาหาพ่อเขาน่ะค่ะ คุณหมอเป็นเจ้าของไข้ของคุณคินน์เหรอคะ” “ใช่ครับ เพิ่งตรวจเสร็จ ถึงว่าผมรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาสองแฝดที่แท้ก็เป็นลูกของคุณคินน์นี่เอง หล่อเหมือนพ่อไม่มีผิด” “ช่ายยย พี่ลูกหล่อเหมือนพ่อจ๋า” “น้องจั๊มก็หล่อเหมือนพ่อจ๋า ใช่ไหมคับพ่อจ๋า” “ถูกต้องแล้วครับ หล่อเหมือนพ่อทั้งสองคนเลย” คุณพ่อความจำเสื่อมเห็นด้วยกับลูกชาย ในเมื่อสองคนนี้เป็นลูกของเขาก็ต้องหล่อเหมือนเขา สองแฝดยิ้มไม่หุบก่อนจะวิ่งไปหาบิดาแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงด้วยความรวดเร็วโดยไม่ต้องมีใครบอก คนพี่นอนขนาบข้างซ้าย คนน้องนอนขนาบข้างขวา ช่างเป็นภาพน่าเอ็นดูมากสำหรับคนมอง “เหมือนแฝดสามเลยครับ สองแฝดเหมือนพ่อมาก” “ใช่ค่ะ เหมือนยันนิสัย ไม่มีอะไรได้แม่มาเลยสักอย่าง” “ได้พ่อก็ดีแล้ว ถ้าได้แม่ไม่อยากจะคิด” คินน์เอ่ยเสียงเรียบ มุมปากกระตุกด้วยความชอบใจหลังจากเห็นสีหน้าของน้ำปั่น ส่วนคุณหมอหลุดขำเล็กน้อยคิดว่าสามีหยอกล้อภรรยาแต่ก็แอบคิดในใจ ถ้าเขาเป็นเธอคงเสียใจไม่น้อย ดูท่าคินน์จะปากร้ายไม่เบา หญิงสาวทำเป็นหูทวนลมไม่อยากทะเลาะกับคนความจำเสื่อมแต่ยังปากหมาเหมือนเดิมให้เสียเวลา เพราะเธอมีเรื่องต้องทำอีกมากมาย “พี่ลูก น้องจั๊ม อยู่กับพ่อก่อนนะครับ แม่ไปส่งลุงหมอแป๊บนึง” “คับ พี่ลูกจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน” “น้องจั๊มจะเชื่อฟังพ่อจ๋าทู๊กกกอย่าง” “ดีมากครับลูก คุณคินน์คะน้ำฝากลูกแป๊บนะคะ” “แล้วคุณจะไปไหน” “น้ำจะขอคุยกับคุณหมอสักครู่ เชิญค่ะคุณหมอ” น้ำปั่นไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินนำคุณหมอออกไปจากห้องปล่อยให้พ่อลูกอยู่กันตามลำพัง เธอมีเรื่องจะถามคุณหมอแต่ไม่อยากให้คินน์ได้ยิน คินน์หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่รู้ตัว หลังจากเห็นแม่ของลูกพูดกับคุณหมอวายุอย่างสนิทสนม เหมือนรู้จักกันมานานทั้งที่เพิ่งรู้จักกันเอง ถึงเขาจะจำทุกอย่างไม่ได้แต่เธอก็ไม่ควรให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าพ่อของลูกไม่ใช่เหรอ แล้วเธออยากคุยกับคุณหมอเรื่องอะไร ชายหนุ่มถามตัวเองก่อนจะดึงสติกลับมาให้ความสนใจลูกแฝด “พ่อจ๋าคับ ไหนของเล่นของพี่ลูก” เด็กอ้วนแบมือทวงของเล่นจากบิดาตาแป๋ว เติมรักจำได้แม่นก่อนจากกันพ่อบอกว่าหลังกลับมาพ่อจะซื้อของเล่นมาฝาก แล้วไหนของเล่นตามสัญญา “ช่ายยย พ่อจ๋าจะซื้อมาฝาก ไหนคับของเล่น” เด็กอ้วนคนที่สองแบมือทำตามพี่ชาย ของเล่นเยอะๆ เท่าภูเขาอยู่ไหนเหรอทำไมน้องจั๊มไม่เห็นเลย สองพี่น้องทำท่าทางแบมือเหมือนกันแต่เอียงคอคนละทาง ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน คุณพ่อถึงกับไปไม่เป็นเพราะลืมไปหมดทุกอย่าง ของเล่นอะไรหว่า เขาไปให้สัญญากับสองคนนี้ตอนไหน พยายามจำยังไงก็จำไม่ได้อยู่ดีจึงยิ้มแห้งส่งให้เจ้าหนูความจำดีแทน ไม่ว่าเรื่องไหนสองแฝดจำได้หมดอย่าได้ให้คำสัญญาเชียว “เอ่อ พ่อบอกพวกหนูสองคนแบบนั้นเหรอ” ตอนนี้เขาแทนตัวเองว่าพ่อได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจถึงจะไม่มีผลตรวจออกมายืนยันก็ตาม ความน่ารักพูดเก่งทำให้คินน์เชื่อว่าสองหนุ่มน้อยคือลูกของเขาจริง แต่เขาก็ยังต้องการให้น้ำปั่นพาลูกไปตรวจดีเอ็นเอเพื่อความสบายใจ “คับ น้องจั๊มจำได้แม่น พ่อจ๋าบอกว่ากลับมาจะซื้อให้เยอะๆ” เต็มรักกางแขนออกกว้าง ในหัวเต็มไปด้วยภาพของเล่นกองพะเนิน “เยอะขนาดนั้นเลยเหรอลูก” คุณพ่อทำเป็นไม่เชื่อทำให้ลูกชายคนโตต้องรีบอธิบายอีกคน ว่าของเล่นที่พ่อสัญญาจะเอามาให้นั้นมีเยอะมากขนาดไหน “เยอะเท่าภูเขาเลย ไหนคับของเล่นของพี่ลูก” เด็กน้อยรอคอยอย่างมีความหวัง จ้องมองพ่อจ๋าตาแป๋วทำให้คินน์รู้สึกผิด “พ่อจ๋าขอโทษ พ่อจ๋าจำอะไรไม่ได้เลย เอางี้พวกหนูอยากได้อะไรมาเลือกเลย” ถึงคุณพ่อจะความจำเสื่อมแต่ยังสายเปย์เหมือนเดิม คินน์เอาโทรศัพท์ออกมาจากนั้นก็กดเข้าไปยังแอปพลิเคชันเพื่อให้ลูกชายเลือกซื้อของเล่นตามที่ต้องการ เด็กฉลาดรีบขยับเข้าไปนั่งใกล้บิดาก่อนจะชะโงกหน้าดูจอโทรศัพท์ ของเล่นเยอะมากเลย สองหนุ่มน้อยอยากได้ทุกชิ้น “น้องจั๊มจะเอาอันนี้คับพ่อจ๋า” เต็มรักตาโตเท่าไข่ห่านหลังจากเห็นของที่อยากได้ทว่าพี่ชายกลับแย้งเสียงขุ่นเพราะกลัวมารดาจะโกรธ “อันนี้มีแล้ว ซื้อไม่ได้นะน้องจั๊ม แม่จ๋าบอกว่าเปลืองเงิน” เติมรักคิ้วชนกันทำเหมือนผู้ใหญ่สั่งสอนเด็ก ทั้งที่ตัวเองก็อยากได้ไม่ต่างจากน้องชาย “แต่น้องจั๊มอยากได้สีเหลือง พ่อจ๋าคับซื้ออีกได้ไหม” อยากได้ก็ต้องได้เด็กน้อยรีบหันไปอ้อนพ่อพลางกะพริบตาปริบๆ ดูทำหน้าเข้าแล้วพ่อจะไม่ตกลงได้เหรอ “ที่บ้านมีแล้วเหรอลูก แต่คนละสีใช่ไหมครับ” “คับ ที่บ้านมีสีดำ น้องจั๊มอยากได้สีเหลือง” “อยากได้ก็ซื้อเลย พี่ลูกเอาด้วยไหม” “ไม่เอาคับ พี่ลูกจะเอาอันนี้” แฝดพี่ชี้ไปยังหุ่นยนต์รุ่นใหม่ ดวงตากลมโตวาววับขึ้นมาทันทีหลังจากเห็นพ่อจิ้มเข้าไปดูให้เห็นเต็มตัว อยากได้พี่ลูกอยากได้มาก ประโยคนี้ดังก้องในหัวของเติมรัก ส่วนเต็มรักยังคงอยากได้ของเล่นอันเดิม คินน์จึงทำการสั่งซื้อตามที่ลูกต้องการ สามพ่อลูกช็อปปิงของเล่นชิ้นแล้วชิ้นเล่าจนกระทั่งน้ำปั่นกลับมา เธอเห็นพ่อลูกสุ่มหัวกันจ้องโทรศัพท์ จากนั้นก็จิ้มๆ มันต้องมีเรื่องไม่ถูกไม่ควรแน่ คุณแม่เดินไปยืนปลายเตียงก่อนจะเอ่ยถามเสียงเข้ม “ทำอะไรกันอยู่สามคนพ่อลูก ทำไมถึงสุ่มหัวกันแบบนั้น” หญิงสาวเอามือขึ้นมากอดอกมองหน้าสามพ่อลูกสลับกันอย่างไม่ไว้ใจ “เรื่องของเราสามคน เนอะพี่ลูกน้องจั๊ม” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากไม่ยอมบอก ทว่าลูกชายกลับโพล่งออกมาด้วยความดีใจที่พ่อซื้อของเล่นชิ้นใหม่ตามสัญญา แถมยังซื้อเยอะเท่าภูเขาด้วย “พ่อจ๋าใจดีซื้อของเล่นให้พี่ลูกกับน้องจั๊ม” เติมรักเป็นคนบอก ส่วนเต็มรักเป็นฝ่ายเสริมด้วยการพยักหน้า “กี่ชิ้นครับพี่ลูก น้องจั๊มครับไหนบอกแม่มาสิ สั่งมาเยอะไหม” คุณแม่เห็นสีหน้าของลูกชายแล้วก็พอจะเดาได้ “เท่าภูเขา” เต็มรักวาดแขนไปกลางอากาศ “จิ้มๆ สั่งๆ พ่อจ๋าบอกตามสบาย” เติมรักจำคำพูดของบิดาได้อย่างแม่นยำทำให้คนความจำเสื่อมหลุดยิ้ม เจ้าสองแฝดคู่นี้ทำไมน่ารักจัง เขาอยากจำเรื่องราวในอดีตให้ได้เร็วๆ แล้วสิ อยากรู้ตอนลูกยังเล็กจะมีความซนมากขนาดไหน โดยเฉพาะตอนวัยทองสองขวบ เด็กวัยสองถึงสามขวบกำลังน่ารัก “ส่งโทรศัพท์มาให้น้ำดูหน่อยค่ะ จิ้มไปกี่ชิ้นแล้ว” คุณแม่แบมือขออยากดูเหลือเกินสามคนพ่อลูกซื้อของไปมากขนาดไหน “สั่งไปไม่กี่อย่างเอง แค่นี้ขนหน้าแข้งของผมไม่ร่วงหรอก อยากดูก็เอาไป” คินน์ยื่นโทรศัพท์ให้น้ำปั่นพร้อมรอยยิ้ม รู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ซื้อของเล่นให้สองแฝดแบบจุใจ อยากได้ก็จิ้มเอา พ่อของพวกหนูรวยมาก คุณแม่ตรวจดูของที่ซื้อเสร็จก็ต้องอุทานด้วยความตกใจ คุณพระคุณเจ้าราคาที่ต้องจ่ายเกือบเจ็ดหลักเลยเหรอ ระบบคิดเงินผิดไหมเธอขยี้ตาดูอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าถามคุณพ่อสายเปย์ “ทำไมเยอะแบบนี้คะ ซื้อมาเล่นหรือมาขาย” “ก็ต้องซื้อมาเล่นสิ เนอะลูก” “คับ แม่จ๋าอยากได้ไหม พี่ลูกยกให้หนึ่งชิ้น” “น้องจั๊มแบ่งให้แม่จ๋าด้วยก็ได้” “คุณคินน์ตามใจลูกตลอด ยกเลิกได้ไหมมันสิ้นเปลือง” “ห้ามยกเลิก เงินผมไม่ใช่เงินคุณ” “แต่คุณคินน์คะ” / “ผมจะซื้อให้ลูก น้องจั๊มกับพี่ลูกอยากได้ใช่ไหมครับ” “อยากได้มากเลยคับพ่อจ๋า” “อยากได้สุดๆ พี่ลูกอยากเล่นแล้ว” “จัดไปครับ” “พี่ลูกรักพ่อจ๋า” “น้องจั๊มก็รักพ่อจ๋า”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD